ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 391 ฉันไม่เคยเสียใจที่ได้รักคุณ
เฉียวเหลียงลงจากรถ ถือดอกกุหลาบมาสองช่อ ช่อหนึ่งมีสีสันสวยงามมาก หลายคนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นชายหนุ่มสุดหล่อคนนี้ถือช่อดอกไม้แสนสวยสองช่อ อย่างไรก็ตามเฉียวเหลียงไม่สนใจสายตาอยากรู้เหล่านั้น เขาเดินเข้าไปในลิฟต์ และขึ้นไปชั้นบน…
ในเวลานั้นพอดีกับที่ถังซีพยุงเซียวจิ่งออกมาจากห้อง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเธอก็เห็นเฉียวเหลียงเดินออกมาจากลิฟต์ เห็นดอกไม้ที่เฉียวเหลียงถือมา เธอตัวแข็งทื่อ เฉียวเหลียงเองก็ไม่คาดคิดว่าถังซีจะปรากฏตัวขึ้นในฉับพลันเช่นนั้น เขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ถือช่อดอกไม้นิ่งอึ้ง มองถังซีด้วยสายตางงงัน
ทั้งสองมองหน้ากันและกัน พูดอะไรไม่ออก
“อ้าว…” ด้วยความสงสัยว่าทำไมถังซีถึงหยุดชะงักกะทันหัน เซียวจิ่งจึงเงยหน้าขึ้นมองถังซีด้วยความประหลาดใจ แล้วเขาก็มองเห็นเฉียวเหลียง เขากะพริบตาปริบๆ ร่างทรุดลงกับพื้นทันที ถังซีพยายามช่วยพยุงเขาขึ้นมา… แต่ไม่สำเร็จ เซียวจิ่งนอนอยู่บนพื้น ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เขาจ้องมองถังซีด้วยสายตากล่าวหา และเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าเสียใจ “โหรวโหรว พี่อุตส่าห์ทนดูเธอสองคนแสดงความรักกันต่อหน้าพี่ แต่ทำไมเธอถึงปล่อยให้พี่ร่วงลงกับพื้นแบบนี้ล่ะ จะแกล้งกันหรือไง”
ถังซีมองเซียวจิ่งอย่างจะขอโทษ ส่วนเฉียวเหลียงก็รีบวิ่งเข้ามา ยัดช่อดอกไม้สองช่อลงในอ้อมแขนถังซี แล้วก้มลงช่วยพยุงเซียวจิ่งขึ้นจากพื้น พร้อมกับถามถังซีว่า “เขาเป็นอะไรไป”
ถังซีลืมไปแล้วว่าเธอกับเฉียวเหลียงยังทะเลาะกันอยู่ เธอถือช่อดอกไม้ไว้และตอบทันทีว่า “พี่ชายฉันเขาเกือบตาย เป็นลมหมดสติเพิ่งฟื้นขึ้นมา ฉันรู้สึกแย่จริงๆ ที่ลืมเขาไปสนิทในช่วงหลายวันมานี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีเฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้ว มองใบหน้าซีดเซียวเ**่ยวแห้งของเซียวจิ่ง และถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “นายเกือบตายเหรอ ไปทำอะไรมา”
“ฉันแค่เล่นเกม” เซียวจิ่งเหลือบมองน้องสาวอย่างน้อยใจและกล่าวอย่างอ่อนแรง เฉียวเหลียงมองหน้าเซียวจิ่ง ล้วงหยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋ากางเกงเซียวจิ่งออกมาเปิดประตูห้อง เขาพยุงเซียวจิ่งเดินเข้าไปในห้อง ถังซีรีบตามพวกเขาเข้าไป ทันทีที่เขาวางเซียวจิ่งลงบนเตียง เซียวจิ่งก็หมดสติไปอีก…
ถังซีตกใจเมื่อเห็นเซียวจิ่งหมดสติ เธอพยายามใช้ทักษะอเนกประสงค์ช่วยพี่ชาย แต่กลับพบว่าเธอไม่สามารถเปิดใช้ทักษะได้ในตอนนี้ เธอถามด้วยความวิตกกังวล “พี่จิ่งเป็นอะไรไปคะ ทำไมจู่ๆ เขาถึงหมดสติ”
เฉียวเหลียงเปิดไฟและดึงผ้าห่มนวมขึ้นมาห่มให้เซียวจิ่ง แล้วปลอบใจถังซี “เขาไม่เป็นไรหรอก ผมจะโทรตามหมอมาให้น้ำเกลือเซียวจิ่ง” เขากล่าวแล้วหันไปปิดม่าน
ถังซีวางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะ เฉียวเหลียงกล่าวว่า “เขามีไข้เล็กน้อย ไปเอาน้ำแข็งห่อผ้าขนหนูมาประคบให้เขาก่อน ผมจะโทรหาหมอ”
ถังซีพยักหน้า รีบนำผ้าชุบน้ำห่อน้ำแข็งก้อนมาช่วยลดอุณหภูมิร่างกายให้เซียวจิ่ง ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาหมอก็มาตรวจร่างกายให้เซียวจิ่ง หมอบอกว่าเซียวจิ่งไม่เป็นอะไรมาก และให้สารอาหารทางสายยางแก่เขาก่อนจะกลับไป
ถังซีแตะหน้าผากเซียวจิ่ง เธอโล่งอกที่รู้สึกว่าไม่ร้อนแล้ว ถึงตอนนี้พนักงานบริการของโรงแรมก็นำโจ๊กของเซียวจิ่งมาส่ง ถังซีวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เซียวจิ่งจะได้ทานเมื่อเขาตื่นขึ้นมา…
เฉียวเหลียงยืนพิงกำแพง เฝ้าดูถังซีที่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดการสิ่งต่างๆ ตรงนั้นอยู่เงียบๆ … ทันใดนั้นสายตาของทั้งคู่ก็หันมาประสานกัน ถังซีชะงัก เม้มริมฝีปาก ก่อนจะกล่าวว่า “พี่ชายฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ไปที่ห้องฉันกันเถอะ เดี๋ยวเราจะรบกวนเขา”
เฉียวเหลียงก้มลงมองนาฬิกาและกล่าวเสียงต่ำ “เข็มน้ำเกลือจะดึงออกได้ภายในครึ่งชั่วโมง รออีกครึ่งชั่วโมงเถอะ”
ถังซีพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง มองดูเซียวจิ่งซึ่งหลับอยู่บนเตียง แล้วจู่ๆ เฉียวเหลียงก็ถามเธอว่า “คุณชอบดอกไม้ของผมไหม”
“ฮึ” ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงอย่างสับสน
เฉียวเหลียงเดินเข้ามาหา จับมือเธอและแสดงท่าทางให้เธอหันไปมองดอกกุหลาบบนโต๊ะ เขาเม้มริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “ผมตั้งใจเลือกดอกไม้มาให้คุณอย่างดีเลยนะ ยกโทษให้ผมได้ไหม”
ถังซีมองดูดอกไม้ ประกายความอ่อนโยนฉายผ่านดวงตาเธอ เธอหันมาสบตาเฉียวเหลียง เม้มริมฝีปาก แล้วถามว่า “ทำไมคุณถึงซื้อดอกไม้มาให้ฉัน เพื่อขอโทษฉันเหรอ”
เฉียวเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นั่งลงบนโซฟา แล้วดึงถังซีให้มานั่งตักเขา พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “กุหลาบแดงสิบเอ็ดดอกแทนความหมายว่า ผมจะรักคุณเพียงคนเดียวไปชั่วชีวิต เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่าผมจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้โดยไม่มีคุณ ถ้าไม่มีคุณ ผมจะไม่มีวันอยู่ได้อย่างมีความสุข แต่จะอยู่แบบศพเดินได้! ทุกสิ่งในโลกนี้จะไม่มีความหมายสำหรับผม ซีซี คุณทำให้ชีวิตผมงดงาม คุณรู้ไหม”
ถังซีตัวแข็ง ดวงตาเริ่มแดงเรื่อ เฉียวเหลียงกล่าวต่อไปว่า “กุหลาบสีม่วงสิบเจ็ดดอกแทนความหมายว่า ผมจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป ซีซีผมต้องการอยู่กับคุณตลอดเวลา ไม่ต้องการห่างจากคุณแม้วินาทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไรที่คุณโกรธผม คุณจะตีผม ด่าว่าผม หรือแม้กระทั่งแทงผมก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าบอกว่าคุณอยากเลิกกับผมได้ไหม ผมกลัวการต้องพรากจากคุณ ผมไม่อยากพบเจอความเจ็บปวดแบบนั้นอีก! มันเจ็บปวดเกินไป ผมทนไม่ไหว”
น้ำตาไหลพรากจากดวงตาถังซี เธอเช็ดน้ำตา แล้วชี้ไปที่ดอกกุหลาบสีดำห้าดอก ถามว่า “แล้วสีนี้ล่ะหมายถึงอะไร”
เฉียวเหลียงมองดูดอกกุหลาบสีดำทั้งห้าดอก และตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีคำว่าเสียใจ ดอกกุหลาบสีดำห้าดอกเป็นตัวแทนบอกว่าผมไม่มีวันเสียใจที่ได้รักคุณ คุณถามผมใช่ไหม ว่าผมเสียใจหรือเปล่า ตอนนี้ผมขอบอกกับคุณว่าผมไม่เคยเสียใจเลย และผมจะไม่มีวันเสียใจ ซีซี อย่าถามคำถามนี้กับผมอีก เพราะคำตอบของผมจะเหมือนเดิมเสมอ คือผมไม่มีวันเสียใจ เป็นโชคดีที่สุดสำหรับผม ที่ผมได้รักคุณ”
“ฉันก็เหมือนกัน” ถังซีจูบแก้มเฉียวเหลียง “ฉันไม่เคยเสียใจที่ได้รักคุณ สิ่งเดียวที่ฉันเสียใจคือ ตอนนั้นฉันปล่อยมือจากคุณ”
เฉียวเหลียงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอและกระซิบว่า “อย่าร้องไห้เลยนะ หัวใจผมปวดร้าวเมื่อเห็นคุณร้องไห้ ถึงแม้คุณจะยังสวยมากทั้งที่มีน้ำตาก็ตาม”
“จริงๆ แล้วฉันเองก็เสียใจในทันทีที่บอกว่าอยากเลิกกับคุณ เราได้กลับมาพบกันอีกครั้งในที่สุด หลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย ฉันพูดคำว่า ‘เลิกกัน’ ออกมาพล่อยๆ ได้ยังไง ฉันขอโทษนะ ที่พูดแบบนั้น”
“ไม่ ผมต่างหากที่ควรขอโทษคุณ ผมไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของคุณเลย มีแต่เรียกร้องจากคุณ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่เป็นความผิดของผม” เฉียวเหลียงกล่าวเสียงต่ำ “ผมคือคนที่ควรถูกตำหนิ”