ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 398 สูญเสียชื่อเสียงทั้งหมด
ฉินซินหยิ่งเอื้อมมือออกไปคว้าโทรศัพท์มือถือของวิเวียน แต่วิเวียนหย่อนโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าเสื้อได้ก่อน แล้วมองกลับไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ฉันเพิ่งติดต่อไปหาบรรณาธิการแฟชั่นสองคน แจ้งไปว่าฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะออกสื่อ ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะคืนชื่อเสียงที่ได้มาให้กับคุณถัง คุณไม่ควรเก็บสิ่งที่ไม่ใช่ของคุณเอาไว้”
“วิเวียน ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!” ฉินซินหยิ่งถลึงตาจ้องหน้าวิเวียนด้วยดวงตาแดงก่ำ และกรีดร้องออกมา “แกทำลายอาชีพฉัน! ฉันสาบานว่าจะทำให้แกต้องชดใช้อย่างสาสม! คิดหรือว่าถังซีและเฉียวกรุปจะชื่นชมยินดีกับสิ่งที่แกทำ ไม่มีทาง! แต่แกเตรียมรับการแก้แค้นจากฉันได้เลย!”
“นี่คุณขู่ฉันเหรอ” วิเวียนมองหน้าฉินซินหยิ่งแล้วยิ้ม “คุณควรสวดภาวนาให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันจะดีกว่า เพราะถ้ามี ใครๆ ก็ต้องรู้ว่าเป็นฝีมือคุณ!” แล้วเธอก็เลิกสนใจฉินซินหยิ่ง หันกลับไปทางกลุ่มนางแบบ กล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเหวิน จูเอ๋อร์ และสาวๆ ทุกคนคะ ช่วยกันส่งต่อโพสต์นี้ด้วยนะคะ ฉันอยากให้เรื่องนี้รู้กันไปในวงกว้าง เราจะไม่ยอมให้มีคนที่ขโมยผลงานคนอื่นอยู่ในวงการของเรา”
เหล่านางแบบพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง ต่างหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมา ช่วยกันส่งต่อโพสต์ของวิเวียน ฉินซินหยิ่งแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ แต่เธอไม่สามารถหยุดสาวๆ เหล่านั้นได้ เธอจ้องมองวิเวียนด้วยสายตาเคียดแค้น กล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบว่า “คอยดูก็แล้วกัน!”
จากนั้นเธอก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่เหลียวกลับมามอง
วิเวียนมองตามร่างฉินซินหยิ่งที่เดินห่างออกไป ด้วยสายตาแสดงออกถึงความรังเกียจ หลังจากฉินซินหยิ่งจากไปแล้ว วิเวียนก็หันกลับมาทางกลุ่มนางแบบ กล่าวว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่พวกคุณต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ เรามาลองชุดกันต่อเถอะ”
…
เมื่อฉินซินหยิ่งเดินออกไปจากพื้นที่จัดแฟชั่นโชว์ก็มีนักข่าวโทรเข้ามาหาเธอ ฉินซินหยิ่งอยากตัดสายทิ้ง แต่มือเธอกำลังสั่นจึงพลาดไปกดรับสาย มีเสียงผู้ชายดังขึ้น…
นักข่าวถามว่า “คุณฉิน จริงหรือเปล่าครับ ที่คุณขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง”
ฉินซินหยิ่งรีบวางสายทันที แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกทันทีที่วางสาย เธอกดตัดสายอีก และรู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง นี่เธอควรทำอย่างไรดี จะทำอะไรได้บ้าง เธอยอมสูญเสียทุกอย่างที่มีไปแบบนี้ไม่ได้! เธอยอมสูญเสียทุกอย่างที่ได้มาไปแบบนี้ไม่ได้จริงๆ!
ฉินซินหยิ่งตั้งระบบบล็อกสายเรียกเข้าที่เป็นเบอร์แปลกๆ ทั้งหมด โทรศัพท์เธอจึงเงียบเสียงไป เธอถอนหายใจลึกๆ ยาวๆ อย่างโล่งอก แต่แล้วทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก เธอมองดูชื่อผู้โทรเห็นว่าเป็นพ่อของเธอเอง เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับสายและถามว่า “ค่ะ พ่อ มีอะไรคะ”
“ซินหยิ่ง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! เรื่องนั้นรู้ไปถึงคนนอกได้ยังไง นี่ลูกไม่ได้สังเกตเลยหรือว่ามีคนแอบถ่ายวิดีโอตอนที่ลูกไปพบถังซี” น้ำเสียงร้อนใจของฉินเปิ่นหยวนดังมาตามสาย
ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ยิ่งมาได้ยินคำพูดของฉินเปิ่นหยวน ก็ยิ่งทำให้ฉินซินหยิ่งรู้สึกขัดเคืองใจมากขึ้น เธอกล่าวตอบไปอย่างหงุดหงิด “ก็ไม่รู้น่ะสิคะ! ถ้ารู้ หนูจะพูดแบบนั้นกับถังซีเหรอ!”
เธอประมาทเกินไป เธอลืมไปสนิทว่าจะต้องมีพวกนักข่าวสายซุบซิบคอยตามติดถังซีแน่ เพราะถังซีหายตัวไปเป็นเวลานาน แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว คลิปวิดีโอนั้นเผยแพร่ออกไปแล้ว ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้เลย!
เมื่อได้ยินฉินซินหยิ่งพูดอย่างนั้น ฉินเปิ่นหยวนก็ถอนหายใจ “พ่อไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกครั้งที่เราก่อกวนพวกตระกูลถัง จะต้องเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นกับเราทุกทีไป ไอ้พวกที่กักขังพ่อตำรวจก็ยังจับไม่ได้! ให้ตายสิ! ถ้ารู้ว่าเป็นใคร จะฆ่าทิ้งเสียให้หมด! รวมทั้งถังซีกับไอ้เฒ่านั่นด้วย ไม่ปล่อยเอาไว้หรอก!”
ฉินซินหยิ่งลูบหัวคิ้วไปมา และนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้พ่อเธอยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ตอนนี้หนูไม่รู้จะทำยังไงดี วิดีโอก็ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว คงมีคนไปถามถังซีถึงเรื่องนี้ หนูคิดว่าถังซีไม่แก้ตัวให้หนูแน่ ราคาหุ้นฉินกรุปก็คงได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย”
“ตอนนี้มีแต่ถังซีคนเดียวที่จะช่วยลูกได้” ฉินเปิ่นหยวนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ลูกต้องมาเจอเรื่องยุ่งยากนี้ก็เพราะถังซี ลองไปคุยกับเธอดู ทำตัวให้น่าสงสารเข้าไว้ ลองเกลี้ยกล่อมให้เธอออกมาบอกว่าลูกไม่ได้ขโมยงานของเธอ ถ้าทำได้แบบนั้น ก็จะไม่มีใครมาว่าอะไรลูกได้อีก”
ประกายตาฉินซินหยิ่งสดใสขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอพึมพำว่า “จริงสิ ฉันต้องไปคุยกับถังซี ขอให้เธอช่วยแก้ตัวให้ เธอจะต้องช่วยฉันแน่”
…
ในเวลาเดียวกันนั้น ถังซีก็กำลังเดินทางกลับไปโรงแรมที่พักพร้อมกับเฉียวเหลียง ส่วนเซียวจิ่งไปรับเฮ่อหว่านอีกับหนิงเหยี่ยนมาที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ถังซีชวนเฮ่อหว่านอีออกมาทานอาหารกลางวันด้วยกัน จะได้ปรึกษากันว่าควรถ่ายวิดีโอโฆษณาแบรนด์ของเธออย่างไรดี ถังซีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูไมโครบล็อกอย่างไม่จริงจังอะไร ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นประเด็นค้นหาที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดสองประเด็น…
‘ฉินซินหยิ่งลวงโลก’
‘ฉินซินหยิ่งกับถังซี’
ถังซีกดเข้าไปดูที่ประเด็นแรก และเห็นคลิปวิดีโอ เธอเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าเฉียวเหลียง ถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ใครกันเป็นคนถ่ายคลิปวิดีโอนี้”
เธอจำได้ดีว่านี่เป็นวันที่เธอไปพบกับฉินซินหยิ่งที่ร้านกาแฟ แต่ไม่รู้ว่ามีคนแอบถ่ายวิดีโอไว้ ในวันนั้นเฉียวเหลียงไม่ได้อยู่ด้วย แสดงว่าไม่ใช่เฉียวเหลียง แต่เธอก็ไม่ได้พาเพื่อนคนไหนไปด้วย แล้วใครเป็นคนถ่ายวิดีโอ
เฉียวเหลียงดูคลิปวิดีโอ เลิกคิ้วนิดหน่อยแล้วกล่าวว่า “อาจเป็นได้ว่าฉินซินหยิ่งเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย จนแม้แต่คนแปลกหน้าก็ยังทนไม่ไหว” แล้วยังเสริมอีกว่า “วิดีโอนี้ถ่ายได้ดีมาก คุณดูสวยมากเลย”
ถังซีหัวเราะออกมา แต่เธอยังคงมองเฉียวเหลียงอย่างหวาดระแวงนิดๆ ถามเขาว่า “คุณถ่ายวิดีโอนี้หรือเปล่า หรือใช้ให้ใครไปถ่ายหรือเปล่า”
เฉียวเหลียงยักไหล่แต่ไม่ตอบ ถังซียิ้ม แล้วกดเข้าไปดูในอีกประเด็นหนึ่ง [ฉินซินหยิ่งและถังซี] แล้วก็เห็นภาพถ่ายหลายภาพของเธอกับฉินซินหยิ่ง ซึ่งนำมาเผยแพร่โดยไมโครบล็อกของเหล่าคนดังหลายคน และใต้ภาพเหล่านั้นมีการแสดงความคิดเห็นของชาวเน็ตเป็นจำนวนมากที่กล่าวว่า ฉินซินหยิ่งมีความสามารถพิเศษในการแทงเพื่อนข้างหลัง…
“หือ พวกคนดังเจ้าของไมโครบล็อกไปเอารูปพวกนี้มาจากไหนกัน ฉันยังไม่เคยมีรูปพวกนี้เลย” ถังซีมองดูภาพเหล่านั้นด้วยสายตาเศร้าใจ ก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าฉินซินหยิ่งซึ่งเธอถือว่าเป็นเพื่อนสนิท จะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้กับเธอได้ เธอให้ภาพสเก็ตช์งานออกแบบเหล่านั้นแก่ฉินซินหยิ่งในฐานะเพื่อน โดยไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากที่เธอได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอกลับรู้สึกว่าฉินซินหยิ่งไม่คู่ควรกับสิ่งที่เธอเคยทำให้เลย