ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 411 พายุแห่งความหึงหวง
ถังซีรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ จากนั้นเธอก็ถอดหน้ากากผิวหนังออกกลายเป็นเซียวโหรว เธอมองหน้าเฉียวเหลียง ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงคะ”
ตอนนี้นักข่าวยังรออยู่ข้างนอก ถ้าพวกเขาบุ่มบ่ามออกไป พวกนักข่าวต้องสงสัยแน่
เฉียวเหลียงยิ้ม ชี้ไปที่ช่องระบายอากาศบนเพดาน แล้วบอกว่า “อาห้ากับอาหกรอเราอยู่ที่บันไดแล้ว เราต้องออกไปทางนี้ ไปเร็ว”
ถังซีมองช่องระบายอากาศที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสามสิบเซนติเมตร หางตาเธอกระตุกนิดหนึ่ง แล้วหันไปมองเฉียวเหลียงอย่างงุนงง ก่อนจะถามว่า “คุณแน่ใจหรือว่าเราจะออกไปทางนี้ได้”
เฉียวเหลียงยิ้ม วางเก้าอี้ลงใต้ช่องระบายอากาศ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปเปิดตะแกรงที่ปิดช่องออก แล้วกระโดดขึ้นไป มุดเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะยื่นมือลงมาหาถังซีซึ่งไม่มีความลังเลอีกต่อไป เธอขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ ยื่นมือให้เฉียวเหลียง เขาจับมือเธอแล้วดึงเธอขึ้นไป จากนั้นก็หันหน้ามามองถังซี กล่าวเบาๆ ว่า “ตามผมมา”
ถังซีตามเฉียวเหลียงไปอย่างใกล้ชิด รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเฉียวเหลียงดูไม่เหนื่อยเลย ถังซีก็ตระหนักได้ว่าร่างกายเธอกลับมาอ่อนแออีกครั้งแล้ว เธอเม้มริมฝีปากและสาบานในใจว่าสักวันหนึ่งเธอจะแข็งแรงกว่านี้ให้ได้
ยี่สิบนาทีต่อมา ในที่สุดทั้งสองก็คลานออกมาจากช่องระบายอากาศ อาห้ากับอาหกรออยู่ที่ทางออก เมื่อเห็นช่องระบายอากาศมีอาการสั่นเล็กน้อย ทั้งสองก็รีบลุกขึ้นช่วยให้พวกเขาออกมา
เฉียวเหลียงกระโดดลงมาจากช่องระบายอากาศ แล้วเอื้อมมือไปหาถังซีซึ่งยังลังเล ระยะสูงมาก ถ้าเธอกระโดดลงไปและเขาพยายามรับตัวเธอ เฉียวเหลียงอาจได้รับบาดเจ็บ เธอจึงส่ายศีรษะให้เฉียวเหลียง “ฉันกระโดดลงไปเองได้”
เฉียวเหลียงเร่ง “เร็วเข้า เราจะลำบาก ถ้ามีคนเห็นเรา”
อาห้าซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เม้มริมฝีปากเมื่อได้ยินเช่นนี้ นายน้อยครับ คุณจะแสดงละครไปทำไม ที่นี่คือโรงพยาบาลของหลงเซี่ยว คุณไม่จำเป็นต้องออกมาจากช่องระบายอากาศเลย! คุณทำแบบนี้เพียงเพื่อทำตัวเป็นพระเอกให้คุณถังเห็นใช่ไหม คุณมีคนของคุณเฝ้าล้อมห้องพักคนไข้อยู่แล้ว ไม่มีคนนอกเข้ามาใกล้บริเวณห้องพักได้หรอก!
อย่างไรก็ตาม อาห้าจะไม่พูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาดังๆ อย่างแน่นอน เขายิ้มให้ถังซีและกล่าวว่า “คุณเซียวครับ นายน้อยทำถูกแล้วนะครับ ไม่ต้องกลัวครับ คุณจะกระโดดลงมาได้อย่างปลอดภัย นายน้อยจะรับคุณไว้เอง”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งพยักหน้าให้เธอ เธอจึงกระโดดลงมาและเฉียวเหลียงก็รับตัวเธอไว้ ถังซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ เธอกระโดดจากที่สูงขนาดนั้น เฉียวเหลียงต้องรับแรงกระแทกอย่างหนักขณะรับตัวเธอ แต่นี่เขารับตัวเธอไว้ได้อย่างไรโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย
เมื่อเห็นท่าทางของถังซี อาหกก็อธิบายให้เธอฟังด้วยรอยยิ้มว่า “คุณถังครับ แขนนายน้อยสามารถรับน้ำหนักได้ถึงสี่ร้อยกิโลกรัม เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องห่วงเขาเลย”
ถังซีหันไปมองเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ เขาลูบผมเธอ แล้วพาเธอเดินลงบันไดไปยังชั้นถัดไป ขณะกล่าวว่า “ผมออกกำลังกายอย่างหนักมาตั้งแต่ผมยังเด็ก การรับตัวคุณแค่นี้สำหรับผมเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย”
ถังซีจ้องมองเฉียวเหลียง ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้จักเฉียวเหลียงดีพอ ทำไมเขาถึงต้องออกกำลังกายอย่างหนักมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาต้องเจ็บปวดอย่างมาก กว่าจะได้ร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เท่าที่เธอรู้จักคุณป้าเฉียว ท่านไม่น่าจะให้ลูกชายต้องพบเจอกับความยากลำบากมากมายขนาดนี้…
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาถังซี เฉียวเหลียงก็ยิ้ม “เอาไว้ผมจะอธิบายให้ฟังทีหลัง”
ถังซีพยักหน้า “ยิ่งฉันคบกับคุณนานเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งพบว่าฉันไม่รู้จักคุณดีพอมากเท่านั้น”
“นั่นเป็นเพราะคุณไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับผม แต่ตอนนี้ทุกอย่างแตกต่างออกไป คุณมีเวลามากมายที่จะทำความรู้จักผม” เฉียวเหลียงกล่าวและกอดถังซีแน่น
เมื่อเห็นทั้งสองคนเริ่มแสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะอีกแล้ว อาห้ากับอาหกก็สบตากันเงียบๆ พวกเขาไม่ควรรับหน้าที่นี้ ควรจะมอบหมายงานนี้ให้คนอื่น…
เมื่อถังซีกับเฉียวเหลียงมาถึงร้านอาหารก็เป็นเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา คนอื่นๆ มาถึงกันหมดแล้ว เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามาเฮ่อหว่านโจวก็กล่าวติดตลกว่า “โอย สองคนนี้มาสายเสมอเลย พวกเรารอคุณมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ”
ถังซีเลิกคิ้ว “อาหารกลางวันเริ่มสิบเอ็ดโมงเช้าไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามอย่างงุนงง เฉียวเหลียงจำเวลาผิดหรือเปล่า
เฮ่อหว่านโจวชะงัก แล้วพยักหน้า “อ้อ ใช่ เริ่มเวลาสิบเอ็ดโมง”
ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเราก็ยังไม่สาย เรามาถึงตรงเวลา”
เฮ่อหว่านอีแสดงท่าทางให้ถังซีมานั่งข้างๆ เธอ และกล่าวกับถังซีด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายพี่แค่จะกวนประสาทพวกเธอน่ะ เราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ยังไม่ได้สั่งอาหารเลยซักอย่าง เธอสั่งได้เลยตามใจชอบ ไม่ต้องลังเล”
ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เฮ่อหว่านโจวมองหน้าเธอและกล่าวว่า “โหรวโหรว เธอบอกใช่ไหม ว่าจะเชิญถังซีมาเป็นตัวแทนภาพลักษณ์บริษัทเธอ แผนของเธอไปถึงไหนแล้ว ถังซีตกลงหรือเปล่า”
ถังซีเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “พี่เฮ่อคะ ดูพี่ห่วงใยบริษัทของเรามาก”
เฮ่อหว่านโจวยักไหล่ หนิงเหยี่ยนกล่าวติดตลกว่า “เขาไม่ได้สนใจบริษัทเธอหรอก สิ่งที่เขาสนใจน่ะคือทายาทเอ็มไพร์กรุป เขาตื่นเต้นมากเมื่อเจอผู้หญิงคนนั้นเมื่อวานนี้ และโทรหาฉันทันทีเลยเพื่อจะคุยเรื่องนี้”
“เธอเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์จริงๆ นะ” เฮ่อหว่านโจวไม่ปิดบังว่าเขาแอบชอบถังซี และไม่ได้สังเกตเห็นประกายเยือกเย็นวาววับในดวงตาเฉียวเหลียงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เฮ่อหว่านโจวกล่าวต่อไปอีกว่า “แล้วอีกอย่าง ถังซีก็เลิกกับเฉียวเหลียงแล้ว ตอนนี้ทุกคนมีโอกาส ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าในอดีตเราเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเราสนิทสนมกันมากขึ้นแล้ว”
จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยท่าทางเคลิบเคลิ้มว่า “จู่ๆ ฉันก็มีแรงกระตุ้นให้อยากแต่งงานขึ้นมา”
“…” ถังซีซึ่งกำลังดื่มน้ำถึงกับตกตะลึงงันกับคำพูดของเขา เฮ่อหว่านโจวสังเกตเห็นท่าทางของเธอก็ยิ้มให้และกล่าวว่า “โหรวโหรว เธอต้องชวนถังซีให้มาเป็นตัวแทนภาพลักษณ์บริษัทเธอให้ได้นะ อนาคตของพี่ขึ้นอยู่กับเธอ”
“…”
เมื่อเห็นว่าถังซีงุนงงจนพูดไม่ออก เฮ่อหว่านโจวก็หรี่ตาลงถามว่า “โหรวโหรว ทำไมมองพี่แบบนั้น”
“อะไรทำให้คุณคิดว่าเธอจะยอมเป็นแฟนคุณ ถ้าคุณจีบเธอ” เฉียวเหลียงซึ่งเงียบอยู่นาน จู่ๆ ก็ส่งเสียงคำรามเบาๆ และกล่าวอย่างเย็นชา
สีหน้าเฮ่อหว่านโจวเข้มขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง เขาถามด้วยความโมโห “คุณหมายความว่ายังไง คุณหมายความว่าผมไม่คู่ควรกับเธอหรือ คุณยังรักเธออยู่ใช่ไหม”
หนิงเหยี่ยนดึงแขนเฮ่อหว่านโจว เฉียวเหลียงหรี่ตามอง สายตาเขามีประกายเยือกเย็น เฮ่อว่านโจวจ้องหน้าเฉียวเหลียงและตะโกนเสียงดัง “อะไรกัน ผมจีบเธอไม่ได้ ทั้งๆ ที่คุณกับเธอเลิกกันตั้งนานแล้วงั้นเหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร”