ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1361 คุยธุระสักหน่อย
หลังจากเตรียมงานแต่งงานมาหนึ่งเดือน พิธีแต่งงานเพียงวันเดียวก็เสร็จสิ้น ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขายังไม่มีสติกลับมา เขาและวินนี่เข้าร่วมพิธีแต่งงานไปเรียบร้อย กินเค้ก เลี้ยงแขก ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก
แต่ถึงอย่างนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกเหนื่อยไม่น้อย คนที่มาร่วมงานเยอะเกินไป ผู้ทรงอิทธิพลจากทั่วทุกมุมโลก ยังมีเจ้าชาย รัฐมนตรี ผู้มีตำแหน่งระดับสูงเช่นนี้อีก ความปลอดภัยของพวกเขาทำให้ฉินสือโอวรู้สึกตึงเครียด
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ เจ้าชายน้อยทั้งสองก็ขอตัวกลับก่อน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้มาแค่งานของฉินสือโอวเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกันอีก จึงกลับไปที่ห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทที่เมืองเซนต์จอห์นเพื่อเล่าเรื่องราวเก่าๆ และพูดคุยธุระกัน
ทั้งสองนำของขวัญมาให้มากที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเจ้าชายมหาเศรษฐี มีทั้งถุงเล็ก ถุงใหญ่ไม่รู้ว่าคืออะไรบ้าง มากมายจนห้องเก็บของขวัญของฉินสือโอวเต็มล้น
เจ้าชายฮามานแดนทิ้งเจ้าหญิงซาลามาห์ไว้ที่นี่ เขาไม่ได้กลับประเทศแต่ไปคุยธุระต่อเลย ตารางงานของเขายังยืดหยุ่นได้มากกว่าของเจ้าชายเฮนรี
แน่นอนว่าเจ้าหญิงโลลิต้าเที่ยวเล่นด้วยกันกับเชอร์ลี่ย์ ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาจนจะกลายเป็นเพื่อนสนิทแล้ว โลลิต้าพาเจ้าหญิงโลลิต้าไปดูม้าด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้ม้าตัวน้อยสองตัวคือม้าที่เธอโปรดปรานมากที่สุดแล้ว
น่าเสียดายที่เจ้าหญิงโลลิต้าไม่ได้สนใจเรื่องนี้ หลังจากที่เธอมองผ่านๆ ก็ถามขึ้น “เธอชอบม้าเหรอ เชอร์ลี่ย์? ที่ดูไบเรามีม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตอยู่หลายตัว แล้วพอดีว่ามีตัวหนึ่งเป็นม้าเหงื่อโลหิต คุณลุงให้ฉันมา ฉันยกให้เธอได้นะ”
เชอร์ลี่ย์ส่ายหัวไปมา กอดคอตี้หลูแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ฉันชอบเพียงตี้หลูของบ้านเราเท่านั้น…”
หัวสีถ่านดำที่อยู่ด้านข้างพอได้ฟังคำพูดนี้ก็ยื่นหัวออกมาอย่างไม่พอใจร้องเสียง ‘ฮี่ฮี่’ ขึ้นมา พอเห็นแบบนี้เชอร์ลี่ย์ก็ยิ้มออกมา แล้วรีบวิ่งไปกอดมันพร้อมพูดว่า “แน่นอนว่ายังมีเปากงลูกน้อยของพวกเราด้วย”
จากนั้นเปากงก็ส่งเสียงขึ้นจมูกด้วยความพึงพอใจ ตี้หลูที่อยู่ด้านข้างก็มองด้วยสายตาเย็นชา คิดว่า ไอ้ตัวเล็กนี่เรียนรู้ที่จะแย่งความรักเป็นแล้วเหรอ? ดี วันหลังก็คงเป็นเพื่อนกันอย่างสบายใจไม่ได้แล้ว
ปฏิสัมพันธ์ที่รักใคร่ระหว่างม้าตัวน้องสองตัวและเชอร์ลี่ย์ทำให้เจ้าหญิงโลลิต้ารู้สึกอิจฉา เธอยื่นมือไปลูบคอของตี้หลูเพื่อปลอบประโลมอย่างเบามือ ซึ่งตี้หลูก็ให้เธอลูบ แต่ไม่ได้เขยิบเข้าใกล้เหมือนกับที่ทำกับเชอร์ลี่ย์
เจ้าหญิงโลลิต้าแอบสาบานอยู่ในใจเงียบๆ ว่าพอกลับไปบ้านเธอจะต้องไปเล่นกับพวกม้าตัวน้อยสักหน่อยแล้ว และต้องมีความรู้สึกรักใคร่แบบนี้ด้วย
งานเลี้ยงอาหารค่ำในงานแต่งงานสิ้นสุดลงในช่วงสายยามบ่าย พนักงานบริกรที่บริษัทจัดงานแต่งงานจ้างมาเริ่มเข้ามาเก็บหน้างาน ทำความสะอาด เพื่อนสมัยเรียนที่ดื่มจนหน้าแดงคอแดงไปหมดหาฉินสือโอวจนเจอ วินนี่จึงชงชาเขียวให้พวกเขาเพื่อแก้เมาค้าง
งานเลี้ยงงานแต่งงานทางตะวันตกจะไม่มีการมอมเจ้าบ่าว ดังนั้นทางฉินสือโอวจึงยังมีสติครบถ้วน ซึ่งทำให้คนทั้งกลุ่มอิจฉา เหมาเหว่ยหลงพูด “ไม่ได้ คืนนี้ต้องดื่มให้เต็มที่ ต้องล้มไอ้ฉินให้ได้สักครั้ง”
ฉินสือโอวไม่กลัวเพราะอยู่ในถิ่นตัวเอง เขามองไปที่กลุ่มคนแล้วเผยรอยยิ้มแอบแฝงอะไรไม่ดีอยู่ถามขึ้นว่า “นี่พูดเรื่องจริงเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงคุ้นเคยกับนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาดี พอเห็นสีหน้าที่เขาแสดงออกมา ในใจก็บ่นพึมพำ แต่เฉินเหลยใจร้อนรีบชิงตอบก่อน “แน่นอนสิ ครั้งนี้ที่พวกเรามา จะต้องให้นายได้ชดใช้แน่”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา ดี ถ้าอย่างนั้นก็ชดใช้เลย เขาส่งสัญญาณโดยการทำเสียงดังร้องเรียกพวกชาวประมงและเหล่าทหารที่กำลังสนุกสนาน ถามขึ้นว่า “เพื่อนผอง กลางวันดื่มพอไหม?”
ชาร์คพูดอย่างเสียดายว่า “ไม่ครับบอส พูดจริงๆ เลยครับ พวกเรายังดื่มไม่ได้เต็มที่ เพราะกลัวอะไรผิดพลาดแล้วทำให้บอสขายขี้หน้า”
ฉินสือโอวตบไปที่แขนของเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ดีใจจริงๆ ที่มีลูกน้องที่ดีแบบนายอย่างนี้ ชาร์ค บอกเพื่อนๆ เลยว่า ใครที่ยังดื่มไม่เต็มที่คืนนี้อยู่ก่อน พี่น้องของฉันไม่พอใจกับปริมาณเหล้าที่พวกเขาดื่มไป บอกว่าอยากจะเทียบขั้นกันสักหน่อย”
ทันใดนั้นดวงตาของชาร์คพลันสว่างขึ้นทันใด ประเมินคนกลุ่มนั้นโดยกวาดไล่ทีละคนราวกับหมีที่ประเมินกระต่าย แล้วก็รีบวิ่งกลับไปอย่างร่าเริงพร้อมตะโกนว่า “รีบมาทางนี้ รีบมาทางนี้เร็ว คืนนี้มีสงครามระดับชาติ เตรียมปกป้องศักดิ์ศรีของชาวไวกิ้ง”
“เชี่ย! ใครมันช่างกล้านัก?”
“ฉันชอบการท้าทายแบบนี้ แต่ฉันสงสัยความจริงเรื่องนี้ เพื่อนชาวจีนกล้าขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลังจากนั้นเฉินเหลยและคนอื่นๆ เห็นพวกชาวประมงยกนิ้วโป้งให้พวกเขา บทสนทนาระหว่างชาร์คกับฉินสือโอวดำเนินเร็วเกินไป ภาษาอังกฤษของพวกเขาธรรมดา จึงไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่ตอนนี้พอได้ยินพวกชาวประมงตะโกนคำพูดประมาณว่า ‘คือคนจีน’ ‘คืนนี้เจอกัน’ ‘จะต้องนอนแผ่กลับบ้านให้ได้’ จึงเดาได้เลยว่าฉินสือโอวกำลังเล่นตลกอะไรกับพวกเขาอยู่
เหมาเหว่ยหลงลูบจมูกแล้วเหล่มองเพื่อนๆ สมัยเรียน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบสนอง เขาจึงเดินจากไปอย่างเงียบๆ เขาเดินไปหาพวกชาวประมงและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “เฮ้ พี่น้องชาวไวกิ้ง พวกเราก็อยู่ฝั่งเดียวกัน ทุกคนก็รู้จักหน้าค่าตากันดี คืนนี้พวกเรามาดื่มกันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง พวกพี่ๆ น้องๆ พร้อมไหม?”
บูลมองไปที่เหมาเหว่ยหลงด้วยความสงสัย พูดขึ้น “เหมา พวกเราไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกันนะ”
เหมาเหว่ยหลงตบไปที่หน้าอกตัวเองแล้วพูดขึ้น “ใช่ พวกเราเป็นฝั่งเดียวกัน ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่ได้เปลี่ยนสัญชาติ แต่ฉันมีบัตรกรีนการ์ดของแคนาดาแล้ว และที่สำคัญ ฉันโหยหาวัฒนธรรมของชาวไวกิ้งมาตลอด โจรสลัดในใต้หล้านี้ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันหรอกเหรอ?”
คำพูดนี้ของเขาทำให้พวกชาวประมงรู้สึกยินดี แต่สุดท้ายชาร์คก็ยังคงผลักเขาออกไปอย่างโหดร้าย “เหมา นายคือพี่น้องของพวกเราแล้ว แต่จำนวนคนฝั่งนั้นมีน้อยเกินไป ถ้านายจะมาฝั่งเราอีก ก็คงไม่สนุกแล้วล่ะ คืนนี้พวกเราอยากดื่มให้สนุกเต็มที่ไปเลย”
เหมาเหว่ยหลงตกตะลึงในทันใด ซีมอนสเตอร์ลูบเคราที่ถักไว้ใต้คางเขาแล้วพูดขึ้น “อย่าทำแบบนี้เลยเพื่อนผอง ไว้คราวหน้าเถอะ คราวหน้าเมื่อพวกเราจัดกิจกรรมไวกิ้ง พวกเราจะเรียกนายละกัน”
บูลพูดอย่างมีความสุข “ไม่เลวเลย ครั้งที่แล้วที่เราดื่มกับพวกเอธิโอเปียที่เมืองเซนต์จอห์น ตอนนั้นคนเราน้อยจึงดื่มชนะพวกเขาไม่ได้ แต่ครั้งนี้รวมเหมาไปด้วย รับรองต้องจัดการได้สาสมแน่!”
เหมาเหว่ยหลงฝืนยิ้ม “พวกนายคุยกันไปก่อน ฉันไปก่อนละ”
หลังจากกลับไป สายตาเย็นชาของเฉินเหลย เฉินเจี้ยนหนาน หม่าจินและคนอื่นๆ จ้องไปที่เขา เหมาเหว่ยหลงถามอย่างไม่พอใจว่า “มองแบบนี้คืออะไร?”
“คนทรยศ!” “คนขี้โกง!” “สารเลว!” “เดรัจฉาน!” “ฉินโซ่ว!”
“ใครเรียกฉัน?” ฉินสือโอวถามขึ้นด้วยความตกใจ
เรื่องนี้ก็จบลงแบบนี้ ตอนเย็นฉินสือโอวและวินนี่จึงมองคนสองกลุ่มที่แข่งกันดื่มเหล้าด้วยรอยยิ้ม เนื่องด้วยเหมาเหว่ยหลงมีพฤติกรรมกบฏในตอนบ่าย เขาจึงถูกผลักไสให้ออกมาเป็นผู้นำตลอด
เมื่อมองเห็นเหมาเหว่ยหลงเดินออกมา บูลพูดด้วยความชื่นชมว่า “เหมาเป็นชายหนุ่มที่ดีจริงๆ! เพื่อแสดงความเคารพของพวกเราที่มีต่อเขา เพื่อนผอง พวกเราทุกคนจงอย่าออมมือ ทำให้เต็มที่ไปเลย!”
เหมาเหว่ยหลงเอ่ยขึ้น “คนดีต้องไว้ชีวิตสิ…”
ฉินสือโอวทางด้านนี้ยังมีธุระให้ทำอีกมากในช่วงเย็น เรื่องแรกเลย แมทธิว จินยังไม่ได้กลับไป บอกว่ามีธุระจะคุยกับเขาสักหน่อย สามีและภรรยาบรูซพาผู้นำด้านธุรกิจมากลุ่มหนึ่ง และยังอยากกินข้าวอย่างเป็นทางการกับเขาด้วย ท้ายสุดพิธีแต่งงานของเขาและวินนี่ยังมีสิ่งสุดท้ายที่ต้องจัดการด้วย
มิแรนดาเอาชุดแต่งงานชุดหนึ่งมอบให้กับวินนี่ ลักษณะของชุดแต่งงานชุดนี้เป็นแบบเรียบง่าย เป็นชุดสมัยที่เธอใช้ในงานแต่งงาน
โดยปกติแล้วชาวแคนาดาเวลาแต่งงานจะซื้อชุดแต่งงานมากกว่าเช่าชุด คนที่มีลูกสาวจะต้องส่งต่อให้ลูกสาวเมื่อพวกเขาแต่งงาน เช่นเดียวกับชาวจีนที่พ่อแม่จะมอบแหวนที่เป็นมรดกตกทอดให้กับลูกๆ ต่อไป
หลังจากที่ฉินสือโอวยุ่งกับงานของแม่ยายเสร็จ เขาก็ถูกแมทธิว จินเรียกไปหา บอกว่าอยากคุยธุระสักหน่อย
……………………………………….
เมื่อเปิดกล่องแหวน ทั้งสองก็แลกแหวนกัน บาทหลวงคาบ็อทยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ในตอนนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ประกาศในนามพระบุตร พระบิดาและพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ฉินสือโอวและวินนี่เป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พระเจ้าโปรดประทานพรให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ไม่มีใครสามารถทำให้แยกจากกันได้!”
“วินนี่ ฉินสือโอว ผมได้เป็นประจักษ์พยานในการกล่าวคำสาบานว่าจะรักกันและกันของทั้งคู่แล้ว ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศให้แขกผู้มีเกียรติในที่นี้ทราบว่าพวกคุณเป็นสามีภรรยากันแล้ว ตอนนี้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้ อาเมน!”
……………………………………….กมา
สีหน้ามีความสุขของวินนี่พลันหายไป “พระเจ้า ตอนเช้าลืมให้อาหารฉงต้าเหรอ?”
……………………………………….