ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1865 การซื้อขอaงมหึมาของฟาร์มปลาแห่งที่สาม
หลังจากการซื้อฟาร์มปลาแห่งที่สาม ฉินสือโอวก็ได้ว่าจ้างบริษัททำความสะอาดเพื่อทำความสะอาดและตกแต่งวิลล่าและห้องสันทนาการ เออร์บักเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการห้องสันทนาการ ตอนนั้นชายชราพาเพื่อนเก่าอันเดร์มาพักอยู่ที่ฟาร์มปลาแห่งที่สามด้วย ทำความสะอาดแล้วอาศัยอยู่ที่ห้องสันทนาการที่ว่างเปล่านี้มาสักระยะหนึ่ง แล้วค่อยกลับเกาะแฟร์เวล
เมื่อเขาออกเดินทางออกจากเกาะแฟร์เวลเมื่อสองวันก่อน เขาก็ได้นำเอาฝูงปลาจำนวนหนึ่งมาด้วย ความเร็วในการว่ายน้ำของฝูงปลาช้ากว่าเรือปริ้นเซสเมล่อน ตอนนี้เขาจึงรอฝูงปลามาถึงฟาร์มปลาแห่งนี้ หลังจากนั้นก็จะลงทุนการก่อสร้าง
ฟาร์มปลา พื้นที่ทำนาและฟาร์มปศุสัตว์ที่แคนาดาต่างมีวิลล่าในชนบททั้งนั้น ฟารืมปลาแห่งที่สามเคยเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของครอบครัวจับบาร์ เขาจึงมีสร้างวิลล่าจากไม้เนื้อแข็งไว้เช่นเดียวกัน
ในความเป็นจริงวิลล่าเหล่านี้มีขนาดเท่ากับบ้านในชนบทเล็กๆ ซึ่งเทียบไม่ได้กับวิลล่าในเขตชานเมือง สิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับก็ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่นหากต้องการไปซื้อของ หรือไปซูเปอร์มาร์เก็ต ต้องขับรถไปที่เมืองเล็กๆ ซึ่งห่างออกไปถึง 20 กิโลเมตรถึงจะได้
หลังจากส่งชาลส์กลับ ฉินสือโอวพาชาร์ค เกิงจุนเจี๋ยและคนอื่นๆ ไปซื้อของ ของที่ต้องซื้อก่อนเลยก็คือเรือและรถ
เหตุผลที่เขาลังเลที่จะสร้างฟาร์มปลาแห่งที่สามอีกเหตุผลหนึ่งก็คือที่นี่ต้องทำใหม่ตั้งแต่ต้น เท่ากับว่าต้องทำฟาร์มปลาต้าฉินใหม่แบบนั้น ซึ่งต้องใช้แรงงานและพลังงานมาก ทว่าในเมื่อมาแล้วก็ต้องเริ่มทำแล้วล่ะ
เมื่อเทียบกับการสร้างฟาร์มปลาต้าฉินตอนนั้น ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเขาในตอนนี้คือเขามีประสบการณ์และกลุ่มลูกน้องที่มีประสบการณ์มากกว่าเขา เขาไม่จำเป็นต้องลงมือทำงานหลายอย่าง เช่น เกิงจุนเจี๋ยจะรับผิดชอบในการซื้อรถ บูลจะพาคนไปซื้ออวนจับปลา ซื้ออุปกรณ์ตกปลา ส่วนชาร์คพาคนไปที่ เมืองคาร์กิลิกเพื่อซื้อเรือประมงขนาดเล็ก
การซื้อรถเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด แคนาดามีระบบการซื้อรถออนไลน์ที่พัฒนามาอย่างดี ฉินสือโอวจะเลือกรถทางออนไลน์ จากนั้นจึงทิ้งข้อมูลติดต่อของเขาไว้ ผู้ช่วยซื้อรถจะติดต่อเขา และทั้งสองฝ่ายจะมีการพูดคุยกันถึงรายละเอียดเพื่อที่เขาจะได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ผู้ช่วยซื้อรถจะช่วยเขาหาจุดขาย 4S ที่ใกล้ที่สุด ดังนั้นเขาก็แค่ไปจ่ายเงินและรับรถได้เลย
อย่างตอนที่ฉินสือโอวมาเพิ่งมาแคนาดาเป็นครั้งแรก เขาซื้อรถคาดิลแลควันเพราะเออร์บักเป็นพาไปคาร์ซิตี้ อันที่จริงเขาไม่ต้องการมันเลย อย่างไรก็ตามชายชราคนนี้เป็นคนสไตล์เก่าไม่ชอบช้อปปิ้งออนไลน์ จึงชอบไปถึงที่ช้อปของจริงมากกว่า
ที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีรถฟอร์ดเอฟ650 สองคันแล้ว ดังนั้นฉินสือโอวยังคงเลือกซื้อสัตว์ร้ายตัวนี้เพราะเมื่อเทียบกับมันแล้วรถปิคอัพที่ผลิตโดยแบรนด์อื่นๆ เช่น โตโยต้า และ เชฟโรเลต นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่พวกมันยังถือว่าห่างไกลเมื่อมาใช้งานในฟาร์มปลา
ก่อนอื่นมาพูดถึงแรงขับเคลื่อนก่อน ฟอร์ด F650 ใช้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6.7 LV8 พลังขับเคลื่อนเต็มเปี่ยม ขอเพียงแค่มีถนนบนภูเขา จะขับเจ้าสัตว์ร้ายนี้ขึ้นเขาก็ไม่ใช่ปัญหา การใช้งานที่ฟาร์มปลา มันสามารถเอามาใช้ลากเรือ ตัวอย่างเช่น เรือบางลำตอนจะจอดเทียบท่าเรือตำแหน่งที่จอดยังไม่ดี เข้าที่จอดไม่ได้ ก็ใช้เจ้าสัตว์ร้ายนี้ลากเอาก็จะสามารถนำเข้าที่จอดที่จัดไว้แล้วล่วงหน้าของท่าเรือได้
ประการที่สองเรื่องยางรถ ยางรถของสัตว์ร้ายนี้สูงถึง 1.1 เมตร เป็นยางรถแบบ 425/65R 22.5 และยังสามารถปรับเปลี่ยนเป็นใช้ยางที่กำหนดเองแบบกว้างได้ ซึ่งสิ่งนี้สำคัญต่อฟาร์มปลามาก เพราะฟาร์มแลามีถนนลูกรังหลายสาย ถ้ายางรถไม่ใหญ่พอ เวลาขับจะลำบากไม่น้อย
ประการอื่นก็คือรูปลักษณ์ ฉินสือโอวยังไม่เคยเจอรถปิคอัพที่รูปลักษณ์ดูดุร้ายและน่าเกรงขามได้เท่านี้มาก่อน สำหรับผู้ชายที่แข็งแกร่งเช่นเขา รถยนต์ที่จับยิ่งดูน่าเกรงขามยิ่งดี ทางที่ดีที่สุดคือให้เขาขับออพติมัสไพร์ม
ซื้อรถฟอร์ด F650 สองคันตามปกติ ราคาทั้งหมดคือ 500,000 ดอลลาร์แคนาดา ตอนนั้นราคาคันแรกที่ซื้อคือ 340,000 ดอลลาร์แคนาดา แน่นอนว่านั่นเป็นรุ่นไฮเอนด์ แต่ครั้งนี้ที่ซื้อเป็นรุ่นมาตรฐาน ราคาจึงถูกลงมาหน่อย
อีกอย่างครั้งนี้เขาได้ส่วนลดในการซื้อรถด้วย ลดไปสองครั้งด้วยกัน ประการแรกเพราะเพราะฟอร์ดและบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสมีความร่วมมือกัน ดังนั้นเมื่อใช้การ์ดนี้จึงได้รับส่วนลดเล็กน้อย ประการที่สองเพราะจำนวนรถปิคอัพที่ฉินสือโอวซื้อเกินห้าคันแล้ว เขาเคยซื้อเองสองคัน เรค เหมาเหว่ยหลง ชาร์คและแซ็กก็เคยซื้อฟอร์ดเทอมิเนเตอร์ผ่านเขา ดังนั้นจึงได้รับส่วนลดเพิ่มอีกเล็กน้อย เมื่อหักส่วนลดไปแล้วจึงเหลือราคา 250,000 ดอลลาร์แคนาดา
เกิงจุนเจี๋ยและลูกน้องทหารยานยนต์คนหนึ่งขับฟอร์ดเทอมิเนเตอร์กลับมา รถมีแถมเสื้อหนังและแว่นกันแดดโบลอนมาด้วย ทั้งสองจึงแสดงท่าทางเป็นชายแกร่งตอนลงจากรถ พอฉินสือโอวเห็นก็หัวเราะใหญ่ แล้วพูดว่า “รูปร่างพวกนายไม่ได้ ตัวเล็กเกิน กลับไปกินโปรตีนผงสร้างกล้ามเนื้อหน่อย ดูแล้วไม่น่าเกรงขามเลยสักนิด”
เกิงจุนเจี๋ยหัวเราะแล้วถามว่า “ได้เลยครับ บอส แต่ว่าเสื้อพวกนี้ แว่น แล้วยังมีรองเท้าปีนเขาให้พวกเราสองคนได้ไหมครับ? ”
ปกติฉินสือโอวจะใจกว้างในเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาโบกมืออย่างไม่ได้สนใจ “แน่สิ ไม่มีปัญหา พวกนายชอบก็เอาไป”
เกิงจุนเจี๋ยและทหารยานยนต์ทั้งสองคนกอดรองเท้าสองคู่ที่อยู่หลังรถไว้อย่างดีใจ พวกเขาไม่ได้ใส่ เพราะถ้าใส่แล้วฉินสือโอวก็จะใส่ต่อไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องให้เจ้านายเห็นด้วยก่อนถึงค่อยใส่ได้
กระบวนการเรื่องรถยังดำเนินการอยู่ ทั้งป้ายทะเบียน ประกันรถ เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะมีผู้ช่วยขายรถคอยช่วยเหลือ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือแค่ใช้รถ พักเดียวพิธีการเหล่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
เมื่อมีรถจะทำเรื่องอื่นก็ง่ายดายแล้ว ฉินสือโอวขับรถไปเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตรก่อน ชื่อเมืองคือพริ้นทาวน์ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารอบๆ เมืองคาร์กิลิก ไม่ได้เล็กไปกว่าเกาะแฟร์เวลเลย ภายในเมืองมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับครบครัน และยังมีวอลมาร์ตที่มีเนื้อที่กว่า 2,000 ตารางเมตรแห่งหนึ่งด้วย
จำนวนชาวประมงเยอะ สิ่งของที่ต้องการจึงมีจำนวนเยอะไปด้วย ดังนั้นจึงขับรถปิคอัพเข้าไปในเมืองทั้งสองคัน
รถปิคอัพจอดในลานจอดรถ ฉินสือโอวและกลุ่มชาวประมงหลายคนลงจากรถ เดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างเสียงดัง เมื่อเห็นกลุ่มเขาที่มีร่างกายกำยำเดินใกล้เข้ามา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็รู้สึกเกร็ง มือจับไปที่กระบองที่เหน็บตรงเอวแกล้งเดินไปใกล้พวกเขาอย่างเนียนๆ
แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะพวกชาวประมงตัวใหญ่ ไหล่กว้างและมีเอวหนา และส่วนใหญ่ก็ยังมีรอยสัก ทำงานที่ทะเลก็ไม่สะดวกที่จะไว้ผมยาว นอกจากฉินสือโอวแล้ว คนอื่นๆ ก็ต่างทำสกินเฮด แม้แต่เกิงจุนเจี๋ยและทหารคนอื่นๆ ก็ยังเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามทำผมสกินเฮดเช่นกัน มองดูแล้วก็เหมือนพวกแก๊งสกินเฮดหรือแก๊งวินมอเตอร์ไซค์ที่มาหาเรื่องจริงๆ
ต่อมาเมื่อพวกเขาเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มตามพวกเขามาอยู่ พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวรู้สึกไม่โอเคแล้ว จึงเดินเข้าไปถามว่า “เพื่อน นายตามพวกฉันมานี่จะเอายังไง ดูถูกพวกเราเหรอ?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นลุกลี้ลุกลนถามขึ้น “พวกคุณเป็นชาวประมงเหรอ?”
ชาวประมงอยู่อาศัยกินกับทะเลมายาวนาน ดังนั้นกลิ่นไอของทะเลจึงได้แทรกซึมเข้าไปในผิวหนังและเส้นผมของพวกเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะหาย ดังนั้นตัวตนของชาวประมงจึงสามารถตัดสินได้จากกลิ่นกายเมื่อเข้าใกล้
“เป็นชาวประมงเลยดูถูกพวกเราอย่างนั้นเหรอ?” เกิงจุนเจี๋ยที่เป็นคนตรงไปตรงมาพอได้ยินแบบนี้ก็โกรธทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างระแวดระวัง “ไม่ครับ เพียงแต่ว่ามีชาวประมงจากฟาร์มปลามอร์รี่ พอ ชาวประมงที่นั่นพอมาซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มักจะก่อความเดือดร้อน พวกเราเลยต้องคอยจับตาดูพวกชาวประมง”
ฉินสือโอวไปต่อไม่ถูก แม่งนี่มันเรื่องตกกระไดพลอยโจนเหรอเนี่ย? ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องจริงๆ…
……………………………..