ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 110 เจ้าสายฟ้าถล่ม
ตอนที่ 110 เจ้าสายฟ้าถล่ม
เจ้าสายฟ้าถล่ม (ระดับสูง): ครอบคลุมวิชาอาวุธลับระดับสูงสุดของสำนักชิงเฉิง ‘อักษรชิงเก้าโหล’ กับ ‘สิบแปดทลายอักษรนคร’ ใช้อาวุธเฉพาะของสำนักชิงเฉิง ‘เจ้าสายฟ้าถล่ม’ อานุภาพของมันจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เลเวล: 1
ค่าประสบการณ์: …
ประสิทธิภาพ +20%
แม่นยำ +20%
เจาะเกราะ (มองข้ามการป้องกันของฝ่ายตรงข้าม)
สุดยอดทักษะของสำนักชิงเฉิงที่ไร้ผู้สืบทอดมานานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าในมือกงเหย่เฉียนจะยังมีอยู่!
ส่วนซานเย่ว์หลังจากเรียนรู้วิชาอาวุธลับระดับกลางสองวิชานี้แล้ว สองวิชานี้ก็รวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นวิทยายุทธ์ระดับสูง!
รางวัลภารกิจนี้สุดยอดจริงๆ ด้วย!
เช่นนั้นก็ไม่แปลกใจที่นางหนูซานเย่ว์จะตื่นเต้นดีใจขนาดนี้ ดีใจราวกับได้รับความพึงพอใจด้านร่างกาย
เป็นเพราะรางวัลนี้เหมาะสมกับนางเกินไปแล้ว
ถึงขั้นว่ายอดเยี่ยมกว่าการมอบตำราลับทักษะยุทธ์ระดับสูงหนึ่งเล่มให้นางโดยตรงอีก!
เพราะเมื่อเทียบกับตำราลับทักษะยุทธ์ระดับสูง การเพิ่มระดับจากพื้นฐานทักษะเดิมก็ยังมีข้อดีใหญ่ๆ อยู่สองข้อ
หนึ่งคือเก็บรักษาค่าประสบการณ์ของทักษะก่อนหน้านี้ไว้ได้ ไม่เกิดความสิ้นเปลือง พร้อมทั้งยังประหยัดพื้นที่ใช้งานไปหนึ่งคอลัมน์สกิลด้วยยิงครั้งเดียวได้นกสองตัวจริงๆ!
พูดถึงค่าสเตตัสของทักษะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือความแม่นยำ ก็ถือว่าโดดเด่นมากในบรรดาทักษะอาวุธลับ
เมื่อเทียบกับวิทยายุทธ์โจมตีระยะประชิด พลังโจมตีของอาวุธลับธรรมดาและค่อนข้างอ่อนแอ แต่ดาเมจและความแม่นยำของ ‘เจ้าสายฟ้าถล่ม’ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ด้อยกว่า ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ แม้แต่น้อย!
ถ้าดูจากความต่างด้านเลเวลของสองสกิลที่นำมารวมกัน ก็ถือว่าเป็นเพียงระดับกลางๆ แต่สิ่งที่ทำให้คนอิจฉาจริงๆ ก็คือค่าสเตตัสพิเศษอย่าง ‘เจาะเกราะ’ นั่นเอง
มองข้ามการป้องกันไปเลย!
ค่าสเตตัสนี้เจ๋งขนาดไหนกัน?
ลองเปรียบเทียบกันง่ายๆ ก็รู้แล้ว
การป้องกันของเยี่ยเว่ยหมิงเอง เมื่อถูกเสริมด้วยค่าสเตตัสและอุปกรณ์ ก็สูงถึงสี่ร้อยกว่าแต้มแล้ว
อาวุธลับทั่วไป ต่อให้โจมตีใส่ตัวเขาก็ไม่เจ็บไม่คัน แต่ถ้ามองข้ามการป้องกันสี่ร้อยกว่าแต้มนี้ไป…
ความรู้สึกที่ทั้งเจ็บทั้งสุขแบบนั้น เจ้าก็ลองพิจารณาเอาเถอะ
ทั้งสองพึงพอใจกับไอเทมสองชิ้นที่กงเหย่เฉียนนำออกมาให้มาก เยี่ยเว่ยหมิงก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราเข้าสู่ช่วงต่อไปได้หรือยัง”
“จอมยุทธ์น้อยเยี่ยยังมีเรื่องอะไรอีก” กงเหย่เฉียนขมวดคิ้ว
“เจ้าบ้านกงเหย่ช่างได้ใหม่ลืมเก่า” เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้ง ก่อนจะนำห่อผ้าขนาดใหญ่ชิ้นหนี่งที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา หลังจากเปิดออกก็พบว่าข้างในเป็นภาพเขียนอักษรต่างๆ “นี่คือจุดประสงค์แรกที่พวกเรามาที่นี่ เพียงคิดจะมาขายของก็เท่านั้นเอง”
กงเหย่เฉียนนึกเสียใจทีหลังแล้ว!
เขานึกเสียใจทีหลังจนไส้เขียวแล้ว!
ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์บอกว่าจะมาเพื่อขายของจริงๆ เพียงแต่เรื่องของจ้างเย่ว์ดึงดูดความสนใจของเขา อีกทั้งตัวจ้างเย่ว์เองก็รีเฟรชค่าความรู้สึกดีของเขาได้สูงมาก จู่ๆ ถึงได้เสนอให้เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์เข้าร่วมการคัดเลือก แต่ความจริงกลับสร้างสังเวียนการประลองที่ไม่ยุติธรรมขึ้นมา ทำเช่นนี้เพื่อให้จ้างเย่ว์ระบายอารมณ์โกรธก็เท่านั้นเอง
ต่อให้จ้างเย่ว์แพ้ก็ไม่เป็นอะไร หากอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นแล้วทั้งสองยังพลิกสถานการณ์ให้ชนะได้ ก็แสดงว่าเป็นบุคคลมีความสามารถที่หาพบได้ยากแน่นอน
หากตระกูลมู่หรงได้ใช้งานคนที่มีความสามารถเช่นนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่งดงามมาก
แต่น่าเสียดายที่แผนการดีดลูกคิดรางแก้วของเขาพังแล้ว ผลที่ได้คือถูกความจริงตบหน้า
อีกฝ่ายสู้ชนะบนสังเวียนแล้วจริงๆ ทั้งยังได้รับรางวัลมากมายจากดันเจี้ยนประลองคัดเลือกครั้งนี้ด้วย คนที่มีความสามารถอย่างนี้ ตระกูลมู่หรงของพวกเขาไม่กล้าใช้งาน!
สุดท้ายก็เหมือนคำโบราณที่กล่าวไว้ สูญเสียทั้งฮูหยินทั้งกองทัพ!
กลับเข้าสู้ประเด็นหลักอย่างจนใจ กงเหย่เฉียนเริ่มพลิกดูภาพเขียนอักษรที่เยี่ยเว่ยหมิงนำออกมา “บนภาพวาดเป็นบทกวีของเย่ว์เฟย ตัวอักษรของแท้น่าจะมาจากมือหานซื่อจง แต่ลายมือบนภาพนี้ดูปวกเปียกไร้พลัง ทุกขีดตัวอักษรเผยกลิ่นอายคร่ำครึของบัณฑิต มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสินค้าเลียนแบบ!”
“แล้วก็อันนี้อีก…เป็นสินค้าเลียนแบบเช่นกัน!”
“อันนี้…สินค้าเลียนแบบ!”
“สินค้าเลียนแบบ! สินค้าเลียนแบบ! ยังเป็นสินค้าเลียนแบบ!…”
หลังจากดูภาพเขียนอักษรทีละภาพจนหมด สีหน้าของกงเหย่เฉียนก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มแล้ว “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ของที่ท่านนำมาเป็นสินค้าเลียนแบบทั้งหมด ทั้งยังเป็นสินค้าเลียนแบบที่ทำได้หยาบ ไม่นับว่าเป็นสินค้าเลียนแบบชั้นดีด้วยซ้ำ ปลอมจนไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย!”
“ท่านนำของเหล่านี้มาที่หมู่บ้านชื่อสยา อย่าบอกนะว่านำมาเพื่อล้อข้าเล่นโดยเฉพาะ”
สำหรับความโกรธเคืองของกงเหย่เฉียน เยี่ยเว่ยหมิงกลับรับมือด้วยใบหน้ายิ้มเหมือนเดิม พร้อมส่งข้อความในช่องทีมว่า [สังเกตให้ดี] จากนั้นถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “กล่าวเช่นนี้ หรือว่าเจ้าบ้านกงเหย่เคยเห็นภาพเขียนอักษรที่เป็นของแท้มาก่อน ไม่อย่างนั้นจะมองปราดเดียวแล้วตัดสินได้อย่างไรว่าเป็นของปลอม”
กงเหย่เฉียนโบกมืออย่างทนรำคาญไม่ไหว “เกรงว่าคงจะมีเพียงในพระราชวังเท่านั้นที่ของเหล่านี้จะวางอยู่ด้วยกันได้ ข้าจะไปเคยเห็นได้อย่างไร”
ในช่องทีม
ซานเย่ว์ [เขาพูดความจริง ‼(•’╻’•)ᵎᵎᵎ]
เมื่อได้คำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ก้าวขึ้นมาเก็บภาพเขียนอักษรทันที พร้อมอธิบายว่า “ไม่ปิดบังความจริง ตอนนี้ในพระราชวังเกิดคดีขโมยต่อเนื่อง ภาพเขียนอักษรที่เป็นของแท้ถูกขโมยไปหมดแล้ว และถ้ามองจากทั้งยุทธภพ ผู้ที่มีกำลังทรัพย์จะซื้อภาพเขียนอักษรเหล่านี้ในรวดเดียว ก็มีเพียงเจ้าบ้านกงเหย่คนเดียวเท่านั้น พวกเราถึงได้บุ่มบ่ามมาหยั่งเชิง หวังว่าเจ้าบ้านจะไม่ถือสา”
เมื่อได้ฟังเยี่ยเว่ยหมิงบอกเจตนาในการมาอย่างตรงไปตรงมา กงเหย่เฉียนนอกจากจะแค้นจนกัดฟันกรอดแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเช่นกัน
ถึงอย่างไรเยี่ยเว่ยหมิงก็กำลังไขคดีให้ราชสำนัก หากเขากลั่นแกล้งอีกฝ่ายเพราะเหตุผลนี้ เช่นนั้นแสดงว่าเขากำลังกลั่นแกล้งเยี่ยเว่ยหมิง หรือกลั่นแกล้งสำนักมือปราบเทพ หรือว่ากำลังกลั่นแกล้งราชสำนักกันแน่
แม้ในใจจะมีความไม่พอใจสารพัดอย่าง แต่บนใบหน้ากงเหย่เฉียนก็ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ แสดงออกว่าไม่ถือสาเลยสักนิด
น่าโมโหจริงๆ! o(≧口≦)o
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ขอตัวก่อน” เยี่ยเว่ยหมิงนำสินค้าเลียนแบบกองใหญ่ห่อไว้อีกครั้ง แล้วกล่าวเสริมว่า “แม้หัวขโมยนั่นจะยังไม่ปรากฏตัว แต่รับรองได้ว่าในภายหลังข้าจะไม่มาจำหน่ายของโจรให้เจ้าบ้านกงเหย่อีกแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ยังต้องรบกวนเจ้าบ้านกงเหย่ หากหัวขโมยปรากฏตัว หวังว่าท่านจะแจ้งไปที่สำนักมือปราบเทพทันที”
“แน่นอนๆ” กงเหย่เฉียนส่งทั้งสามไปด้านนอกราวกับพวกเขาเป็นเทพแห่งโรคระบาด พร้อมตบอกรับประกันว่า “ในเมื่อราชสำนักกำชับมาแล้ว ผู้น้อยก็ย่อมปฏิบัติตาม แต่คิดไปคิดมา หัวขโมยนั่นก็คงไม่นำของโจรมาขายที่จวนของข้าหรอก…
…เพราะต่อให้ข้าจะไม่รู้ความจริง แต่ถ้าอีกฝ่ายนำสินค้าที่เป็นของแท้มาได้ในรวดเดียว ข้าก็ไม่กล้ารับไว้อยู่ดี อย่างไรเสียข้าก็คงเดาออกถึงที่มาที่ไปของสินค้าเหล่านี้ ไม่ได้อยากเป็นกบฏเสียหน่อย จะทำเรื่องอุกอาจขนาดนั้นได้อย่างไร”
ในช่องทีม
ซานเย่ว์ [เขากำลังโกหก!‼(•’╻’•۶)۶]
โกหก?
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเกิดความคิดบางอย่างทันที แต่กลับไม่ได้พูดอะไร ตอนที่กงเหย่เฉียนส่งแขกอย่าง ‘กระตือรือร้น’ ก็เดินออกจากประตูใหญ่ของหมู่บ้านชื่อสยาอย่างกึ่งถูกบังคับ
เพิ่งจะเดินออกจากประตูใหญ่ของหมู่บ้านบนภูเขา ทั้งสามก็เห็นว่าข้างหน้ามีคนสามสิบกว่าคนรวมตัวกันอยู่ เหมือนกำลังพูดคุยอะไรกันสักอย่าง
ตอนนี้ จู่ๆ กลับได้ยินเสียงกงเหย่เฉียนที่อยู่ข้างหลังเอ่ยว่า “จอมยุทธ์น้อยทั้งสามได้ของล้ำค่ากลับไป ระหว่างทางต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้คนที่เจตนาไม่ซื่อจ้องอยากได้เชียวล่ะ”
ตอนที่กงเหย่เฉียนกล่าวประโยคนี้ เสียงก็ไม่ได้ดังมาก แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับฟังออกว่ามีคลื่นกำลังภายในเล็กน้อยอยู่ในเสียงของเขา
และเมื่อเสียงของเขาเงียบลง ผู้เล่นสามสิบกว่าคนที่รวมตัวกันอยู่ข้างหน้าก็หันหน้ามาพร้อมกัน สายตาของพวกเขามองพวกเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความละโมบ
วินาทีถัดมา
ปั้ง!
หมู่บ้านชื่อสยาปิดประตูใหญ่เสียเลย กันพวกเยี่ยเว่ยหมิงไว้ด้านนอกโดนสมบูรณ์
นี่มันยืมดาบฆ่าคนชัดๆ!
กงเหย่เฉียน ตาแก่เจ้าเล่ห์นี้ แม่งชั่วร้ายเกินไปแล้ว!