ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 115 ทั้งใต้หล้าไร้คู่ต่อสู้
ตอนที่ 115 ทั้งใต้หล้าไร้คู่ต่อสู้
เจ้าหมอนี่ปากเหม็นจริงๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าจะสู้ไม่ไหว ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็อยากจะพุ่งเข้าไปเล่นงานเจ้าหมอนี่ให้ตายแล้วดรอปอุปกรณ์จริงๆ
เยี่ยเว่ยหมิงข่มกลั้นอารมณ์ชั่ววูบไม่ให้ตะโกนว่า ‘พเนจรสุดขอบฟ้า’ ออกมา แล้วทำหน้าตึงพร้อมกล่าวว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสชอบความตรงไปตรงมา เช่นนั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อมแล้วเช่นกัน พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าท่านเหมียวเหรินเฟิ่งคือท่านไหนในยุทธภาพ!”
“เฟยอวี๋ได้รับคำสั่งให้มาจับผู้กระทำความผิดของสำนักชิงเฉิง แม้เขาจะทำไม่ถูกที่เข้าใจผิดว่าผู้อาวุโสเป็นศิษย์สำนักชิงเฉิง แต่ผู้อาวุโสก็ได้สั่งสอนเขาไปแล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสจะไว้หน้าสำนักมือปราบเทพได้หรือไม่ เห็นแก่หน้าหัวหน้าโหยวจิ้น เห็นแก่หน้าหวงโส่วจุน ละเว้นให้สักครั้ง ปล่อยพวกเขาออกไปจัดการคดีต่อ”
ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มใช้แผนสองของเขาทันที
ถลกหนังเสือมาทำธงขู่ให้กลัว!
เหมียวเหรินเฟิ่งอาจจะไม่เห็นผู้เล่นที่อ่อนแออย่างพวกเราอยู่ในสายตา แต่เจ้ามีเรื่องกับทั้งสำนักมือปราบเทพ กับทั้งราชสำนักไหวหรือ
เมื่อได้ฟังคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง เหมียวเหรินเฟิ่งกลับหัวเราะลั่น “เจ้าอย่าเอาราชสำนักมาข่มข้าเลย หวงโส่วจุน โหยวจิ้นข้าย่อมไปมีเรื่องด้วยไม่ไหวอยู่แล้ว แต่เหมียวเหรินเฟิ่งก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมาบีบก็ได้แน่นอน…
…อยากจะให้ข้าปล่อยพวกเขาไปอย่างนั้นหรือ…
…ได้สิ!…
…ตราบใดที่พวกเจ้าเอาชนะกระบี่ในมือข้าได้ก็พอ!…
“สุดท้ายก็ยังต้องสู้กัน” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่อย่างจนใจ จากนั้นบอกสะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างกายว่า “พเนจรสุดขอบฟ้า!”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองก็ส่งกระบี่ออกไปพร้อมกัน
เมื่อมีประสบการณ์ร่วมมือกันก่อนหน้านี้แล้ว สัญญาณลับที่ทั้งสองมีต่อกันก็ย่อมดีกว่าเมื่อก่อน เมื่อส่งกระบี่วิเศษออกไป กำลังภายในของทั้งสองก็เชื่อมกันในชั่วพริบตาเดียว จากเดิมทีที่ทั้งสองร่างกายไม่เกี่ยวข้องกัน ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวอย่างไม่อาจแยก
เนื่องจากพวกเขาทำภารกิจครั้งก่อนสำเร็จแล้วได้รับรางวัลเป็นค่าตบะกับอุปกรณ์ไม่ใช่น้อยๆ ความสามารถก็ย่อมก้าวหน้าตามไปด้วย ด้วยการเสริมของประสิทธิภาพกระบี่คู่ผนึกรวม ระดับความก้าวหน้าประเภทนี้ก็ยิ่งปรากฏเป็นตัวเลขจำนวนมาก สูงถึงระดับที่ค่อนข้างน่ากลัว!
ทว่ายามเผชิญหน้ากับเยี่ยเว่ยหมิงและสะพานสวรรค์น้อยที่เป็นแบบนี้ กลับไม่เห็นถึงความกังวลของเหมียวเหรินเฟิ่งเลยแม้แต่น้อย เห็นเพียงเขาส่งกระบี่ออกมาอย่างสบายมือ เงากระบี่แบ่งไปทางซ้ายและขวา โจมตีปลายกระบี่ของทั้งคู่ได้อย่างแม่นยำ
ตอนที่เสียง โช้งเช้ง! ดังขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยจะสะเทือนจนถอยหลังหนึ่งก้าวพร้อมกัน
กระบี่คู่ผนึกรวม ถูกตีพังไปหนึ่งกระบวนท่า!
โอ้สวรรค์!
กระบี่คู่ผนึกรวมที่แม้แต่อวี๋ชางไห่ยังต้านไม่ไหว แต่เพียงชั่วพบหน้ากันเหมียวเหรินเฟิ่งคนนี้กลับโจมตีพังแล้ว เจ้าหมอนี่มันเป็นโรคจิตอะไรกันแน่
ขณะที่กำลังตกใจ เขาก็เงยหน้าอีกครั้ง แต่กลับเห็นเหนือศีรษะอีกฝ่ายปรากฏข้อมูลค่าสเตตัสแล้ว
[เหมียวเหรินเฟิ่ง]
ฉายา ‘ทั้งใต้หล้าไร้คู่ต่อสู้’ อีกฉายาคือ ‘พระหน้าทอง’
เลเวล: 80
พลังชีวิต: ???
กำลังภายใน: ???
แค่เลเวลแปดสิบ ทั้งใต้หล้าก็ไร้คู่ต่อสู้แล้ว?
แล้วจะให้บอสเลเวลแปดสิบหกอย่างหวังอวี่เยียนคิดอย่างไร จะให้จางชุ่ยซานเลเวลเก้าสิบคิดอย่างไร ไหนจะเซี่ยซุน โหยวจิ้น หวงโส่วจุนที่มองเลเวลไม่ออกอีก…
ทำไมคนเลอะเลือนไร้สมองอย่างเจ้าถึงอยู่ในโลกที่มีแต่คนเลวทรามต่ำช้ามาจนป่านนี้ได้ ยังไม่มีใครโจมตีเจ้าตายอีกหรือ
แน่นอน จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิด แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้เช่นกันว่า NPC ไร้สมองที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่คนที่เขากับสะพานสวรรค์น้อยจะรับมือด้วยไหว ต่อให้อาศัยกระบี่คู่ผนึกรวมก็ไม่ไหวอยู่ดี!
เฟยอวี๋ เจ้าหมอนั่นช่างสร้างปัญหาเก่งจริงๆ!
ความคิดต่างๆ แวบผ่านเข้ามาในหัว เหมียวเหรินเฟิ่งกลับถือกระบี่โจมตีเข้ามาแล้ว อีกฝ่ายส่งกระบี่ทะลุเคล็ดกระบี่ป้องกันของสะพานสวรรค์น้อยได้อย่างแผ่วเบา บีบให้นางถอยหลังต่อเนื่องหลายก้าว ตามด้วยหมุนคมกระบี่ ฟังตรงใต้ซี่โครงของเยี่ยเว่ยหมิงอีก
“สู้ไม่ไหว หนี!” หลังจากประเมินศัตรูตรงหน้าแล้วว่าตัวเองสู้ไม่ไหวแน่ เยี่ยเว่ยหมิงก็กำชับสะพานสวรรค์น้อยทันที จากนั้นมือขวาก็สะพายกระบี่ชิงจู๋ไว้ข้างหลัง ขณะเดียวกันก็เอาตัวเข้าไปชนรับกระบี่วิเศษที่เหมียวเหรินเฟิ่งส่งเข้ามาโดยไม่หลบหลีก
กระบวนท่านี้ดูเหมือนรนหาที่ตาย แต่ความจริงกลับใช้ท่าไม้ตายโหดที่ทำให้พังพินาศไปพร้อมกับศัตรู!
ก่อนลงมือ เขาแบ่งกำลังภายในของตัวเองจากหนึ่งเป็นสอง ส่วนหนึ่งโคจรอยู่ในร่างกาย รอให้อาวุธของศัตรูแทงเข้ามาในร่างกาย ก็จะเริ่มรัดพันอาวุธนั้นไว้ทันที ทำให้ชักกลับคืนไปไม่ได้ ขณะเดียวกันก็กรอกกำลังภายในอีกส่วนไปบนกระบี่วิเศษในมือ ฉวยโอกาสโจมตีหนึ่งครั้งให้ถึงแก่ชีวิตตอนที่อาวุธในมืออีกฝายถูกบล็อก!
กระบวนท่านี้ เป็นท่าจากเคล็ดกระบี่เลเวลสูงสุดที่เยี่ยเว่ยหมิงเรียนมาในปัจจุบัน เป็นท่าที่ทำดาเมจสูงสุด
ชื่อของมันก็คือ…คนผีร่วมวิถี!
ด้วยค่าพลังชีวิตของเหมียวเหรินเฟิ่ง แม้เคล็ดกระบี่คนผีร่วมวิถีจะเพิ่มพลังโจมตี 300% และค่าสเตตัสปัจจุบันของเยี่ยเว่ยหมิงก็สร้างผลปลิดชีพไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วจุดประสงค์ของเขาก็เรียบง่ายจริงๆ
ไม่จำเป็นต้องทำให้เหมียวเหรินเฟิ่งตายคาที่ แค่โจมตีบนขาเขาอย่างโหดเหี้ยมสักครั้งก็พอ โจมตีให้เกิดผลเส้นเอ็นขาดก็พอแล้ว
ขอเพียงทำให้เหมียวเหรินเฟิ่งใช้วิชาตัวเบาไม่ได้ น้องสะพานสวรรค์น้อยก็จะถอยออกไปได้อย่างสบายแล้ว นับว่าเขาไม่ทำให้สหายลำบากไปด้วย
ส่วนอย่างอื่นน่ะหรือ
ยามเผชิญหน้ากับ BOSS เลเวลแปดสิบ เยี่ยเว่ยหมิงไม่กล้าหวังอะไรมากเกินไป
แม้ความคิดของเขาจะดี ทว่าเห็นได้ชัดว่าเหมียวเหรินเฟิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ BOSS ธรรมดา เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเริ่มใช้เคล็ดวิชา ‘คนผีร่วมวิถี’ ก็พลันชักกระบี่ถอยหลังแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ หลบท่าไม้ตายที่เป็นไพ่ใบสุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
มองออกเลยว่าเหตุใดเขาจึงกล้าเรียกตัวเองว่า ‘ทั้งใต้หล้าไร้คู่ต่อสู้’ แม้อาจจะไม่สมชื่อไปเสียหมด แต่ก็ยังมีความสามารถในระดับหนึ่งจริงๆ อย่างน้อยก็การที่อีกฝ่ายรู้จักปล่อยและรู้จักเก็บอาวุธ เยี่ยเว่ยหมิงตามอีกฝ่ายไม่ทันก็แล้วกัน
หลังจากหลบวิชาคนผีร่วมวิถีของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว เหมียวเหรินเฟิ่งก็ถลันร่างออกไป นำหน้าไปดักทางลงเขาของทั้งสองไว้แล้ว จากนั้นหันตัวมา กล่าวเสียงต่ำว่า “ความสามารถของเจ้าสองคน ก็พอดูได้นะ!”
เมื่อมายืนเคียงข้างสะพานสวรรค์น้อยอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็ชี้กระบี่ชิงจู๋ลงในแนวเฉียง สายตาไปหยุดอยู่บนตัวเหมียวเหรินเฟิ่งพร้อมถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสบอกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ท่านกักตัวพวกเฟยอวี๋ไว้ได้หรือไม่”
เหมียวเหรินเฟิ่งได้ยินแล้วคาดไม่ถึงนิดหน่อย มองเขาด้วยสายตาชื่นชมขึ้นหลายส่วน “เจ้าเด็กนี่ก็ลาดเหมือนกันนะ”
สะพานสวรรค์น้อยไม่เข้าใจ นางขมวดคิ้วถามว่า “พวกเจ้าสองคนกำลังเล่นทายปริศนาอะไรกันแน่ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ไม่ได้หรือ”
“ที่จริงก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย สาเหตุที่จอมยุทธ์เหมียวจะลำบากยุ่งยากกักตัวเฟยอวี๋ไว้ ก็เพียงเพราะอยากบีบให้พวกเราทำภารกิจก็เท่านั้นเอง” เยี่ยเว่ยหมิงมองหน้าเหมียวเหรินเฟิ่งพลางพูด “ส่วนรายละเอียดของเรื่องนี้ ก็ต้องขอให้จอมยุทธ์เหมียวอธิบายให้พวกเราฟังแล้ว เพราะแผนการในใจ มีเพียงจอมยุทธ์เหมียวเท่านั้นที่รู้ชัดแจ้งที่สุด”
เหมียวเหรินเฟิ่งได้ยินแล้วพยักหน้า ก่อนจะบอกว่า “ที่จริงหากจะพูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องโทษศิษย์ร่วมสำนักของเจ้าเด็กนั่น หากเขาแค่โจมตีข้าเฉยๆ อย่างมากข้าก็แค่สังหารเขาหนึ่งครั้งแล้วปล่อยไป แต่ก่อนที่เขาจะลงมือ เขาดันโอ้อวดข้าว่าตัวเองมีทักษะที่ไล่ตามเบาะแสหมื่นลี้กับมองทะลุการปลอมตัวได้ และสองทักษะนี้ของเขาก็ช่วยทำให้ข้าสมปรารถนาได้พอดี…”
เลิศมาก ที่แท้ทักษะของเฟยอวี๋ นอกจากสะกดรอยตามได้แล้ว ก็ยังมองทะลุการปลอมตัวได้อีก
หากไม่ใช่เพราะเหมียวเหรินเฟิ่งพูดขึ้นมา เยี่ยเว่ยหมิงก็คงยังไม่รู้!
ไอ้เวรนี่ซ่อนได้มิดชิดทีเดียว!