ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก
ตอนที่ 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก
บนใบหน้าเจือรอยยิ้มเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง ชวีหลิงเฟิงยืนค้ำไม้เท้าคู่ เดินประชิดมาทางทั้งสามคนทีละก้าวจากประตูทางลับใต้ดิน
แกร๊ก! แกร๊ก!…
ไม้เท้าเหล็กเย็นเฉียบกระทบพื้นหินบลูสโตน ราวกับเป็นระฆังมรณะที่คืบคลานเข้ามาใกล้ทั้งสามคนช้าๆ
ชวีหลิงเฟิงไม่ปิดบังตัวตนอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมือ เพียงสร้างความกดดันให้ทั้งสามคนที่เดิมทีกำลังพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกันเท่านั้น ทำให้พวกเขาหัวเราะไม่ออก!
เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที เขามายืนเคียงข้างสะพานสวรรค์น้อยที่ค่อนข้างวิตกกังวล ช่วยคลายความกังวลให้นาง ส่วนซานเย่ว์ก็ปลีกตัวถอยหลังไปแล้ว พร้อมทั้งเรียกหินตั๊กแตนบินสามก้อนและเมล็ดโพธิ์ห้าเมล็ดมาไว้ในมือ
ตอนที่ผู้เล่นทั้งสามคนจัดตำแหน่งยืนสำหรับต่อสู้เรียบร้อย ร่างของชวีหลิงเฟิงก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหัวมุมทางเดิน กำลังใช้สายตามืดครึ้มมองทั้งสามคน
เพียงแต่วินาทีถัดมา รอยยิ้มของผู้มั่นใจในชัยชนะบนใบหน้าเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความงุนงง
เห็นอยู่ชัดเจนว่าสุนัขรับใช้ที่มาหาเรื่องเขาก่อนหน้านี้มีกันห้าคน เหตุใดจึงอยู่ที่นี่เพียงสามคน
แล้วอีกสองคนล่ะ หนีไปไหนแล้ว?!
ขณะที่ในใจเกิดความฉงน ชวีหลิงเฟิงกลับแสร้งทำเหมือนไม่แยแส “สุนัขรับใช้ราชสำนักอย่างพวกเจ้าช่างระวังตัวดีจริง สมบัติวางอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ นึกไม่ถึงว่ายังไม่ลืมที่จะสั่งให้อีกสองคนกลับไปแจ้งข่าว น่าสนใจจริงๆ!”
เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูด ซานเย่ว์ที่ถอยไปอยู่ข้างผนังแล้วกลับเอ่ยขึ้นว่า “ตอนที่พูดประโยคนี้ สายตาของเจ้าสั่นไหวเล็กน้อยสองครั้ง คิ้วกระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ดูจากการตอบสนองก็รู้แล้วว่าในใจเจ้าไม่ได้ไม่แยแสเหมือนที่แสดงออกมาเลย กลับเป็นกังวลมากด้วยซ้ำ…
…อาหมิงเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย ตราบใดที่หนึ่งในพวกเรารอดออกไปได้ เจ้าก็กินนอนอย่างไม่สงบสุขอยู่ดี!”
ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วร่างสั่นเทาทันที สง่าราศีที่พยายามสร้างขึ้นอย่างยากลำบากพังลงในชั่วพริบตาเดียว
สมควรตาย!
เหตุใดข้าจึงลืมไปเสียได้ ว่าสุนัขรับใช้ของสำนักมือปราบเทพอย่างพวกเจ้าล้วนมีทักษะที่น่ารังเกียจสุดๆ อยู่ด้วย
หากใช้คำพูดจัดการกับพวกเขา เกรงว่าตัวเองยังไม่ทันได้คำตอบของสิ่งที่ต้องการรู้ ก็คงถูกอีกฝ่ายล้วงคำตอบของตัวเองไปก่อนแล้ว
เพียงแต่ว่า…
ข้ายังเหลืออะไรที่ถูกเปิดโปงไม่ได้อีกล่ะ
ขณะที่ชวีหลิงเฟิงกำลังคิดวนไปวนมาในใจ เยี่ยเว่ยหมิงกลับเอ่ยขึ้นกะทันหันว่า “ที่จริงหากเจ้าอยากรู้ว่าสองคนนั้นหนีไปไหน ข้าจะบอกให้ก็ได้”
ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วชะงัก ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างดูถูก “เจ้ามีเงื่อนไขอะไร”
“หากข้าบอกว่าต้องการให้เจ้ายอมถูกจับแต่โดยดี เจ้าจะตอบตกลงไหม” ไม่รอให้ชวีหลิงเฟิงโต้กลับ เยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนประเด็นสนทนาแล้ว บอกคำตอบให้เขารู้เสียเลย “พวกเขาไปจับตัวลูกสาวเจ้า หากตอนนี้เจ้าจะกลับไปช่วยนาง บางทีอาจจะยังทัน”
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ แม้แต่สองสาวที่เชื่อมั่นในตัวเขา ก็ยังอดด่าในใจไม่ได้ว่า เจ้าเวรนี่ต่ำช้าไร้ยางอาย
คำว่า ‘อาจจะ’ ที่เขาบอกช่างได้ผลจริงๆ!
โอกาสที่เกือบจะเป็นศูนย์ก็ถูกเขาพูดให้กลายเป็นคำว่า ‘อาจจะ’ ได้เหมือนกัน
ตามที่เขาเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ เฟยอวี๋กับถังซานไฉ่จะเริ่มลงมือหลังจากชวีหลิงเฟิงออกห่างจากลูกสาวไปห้าร้อยเมตร เมื่อลองคำนวณแล้ว ตอนนี้ลูกสาวของชวีหลิงเฟิงคงจะถูกพวกเขาพาตัวไปถึงเขตการดักซุ่มตรงวัดถู่ตี้แล้ว
หากตอนนี้ชวีหลิงเฟิงเดินเข้าหากับดักเอง ก็ ‘อาจจะ’ ยังไปทันจริงๆ
เพียงแต่ในฐานะสหายร่วมทีม พวกนางย่อมไม่เปิดโปงคำโกหกของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว
แล้วพวกนางก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใจด้วย กลับรู้สึกเบิกบานใจด้วยซ้ำ
BOSS เลเวล 65 แล้วอย่างไรล่ะ
ก็ยังถูกอาหมิงของพวกเราปั่นหัวเล่นอยู่ดีไม่ใช่หรอกหรือ
“ฮ่าๆ…” คาดไม่ถึงว่าพอชวีซานนั่นได้ยินคำตอบของเยี่ยเว่ยหมิง นอกจากจะไม่มีท่าทีรีบร้อนออกไปช่วยลูกสาวทันทีแล้ว ในดวงตาทั้งคู่ยังเผยแววมุ่งสังหารอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย “เจ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าอยากให้ข้าออกไปช่วยลูกสาวทันทีแน่นอน พวกเจ้าสามคนจะได้หอบสมบัติพวกนี้หนีกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานได้สำเร็จใช่ไหม…
…ฝันไปเถอะ!”
เมื่อกล่าวคำว่า ‘ฝันไปเถอะ’ จบ ร่างของชวีหลิงเฟิงก็พุ่งเข้ามาหาเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยที่ยืนเป็นหนังหน้าไฟแล้ว
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้น มุมปากกลับเผยยิ้มเข้าอกเข้าใจออกมา ตอนที่ตะคอกเสียงต่ำว่า “สวนหย่อมเก๊กฮวย!” กระบี่ชิงจู๋ในมือเขาก็ส่งออกมาพร้อมกับกระบี่จินสยาในมือสะพานสวรรค์น้อยแล้ว ในขณะที่สองปราณรวมเป็นหนึ่ง คมกระบี่ก็ครอบคลุมจุดสำคัญรอบตัวชวีหลิงเฟิงในชั่วพริบตาเดียว
ทั้งสองลงมืออีกครั้ง สะพานสวรรค์น้อยมีเนื้อหมาป่าย่างเพิ่มค่าสเตตัสกับประสิทธิภาพของกระบี่จินสยา ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้โบนัสสเตตัสจากหยกพกเฟยเทียน เรียกได้ว่าพลังเพิ่มขึ้นเยอะมากพร้อมกันทั้งคู่ และพลังที่เพิ่มขึ้นสูงมากนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกเมื่อใช้ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ทำให้สูงกว่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่หนึ่งเท่า!
ทว่ายามเผชิญหน้ากับพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ บนใบหน้าชวีหลิงเฟิงกลับแสยะยิ้มเหยียดหยาม
“ไม่เจียมตัว!”
ขณะที่พูด ก็เห็นไม้เท้าเหล็กในมือขวาของเขาตวัดขึ้นมาเบาๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะโจมตีบนจุดเชื่อมต่อลมปราณสำคัญของทั้งสองได้อย่างแม่นยำ ทำลายการเชื่อมต่อกำลังภายในของพวกเขาแล้ว
ที่จริงก็เป็นอย่างที่เหมียวเหรินเฟิ่งบอกไว้ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เคล็ดวิชา รายละเอียดภายใน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานทั้งสอง กระบี่คู่ผนึกรวมที่ผู้ใช้งานทั้งสองไม่ได้รู้ใจกันอย่างที่ควรจะเป็น ในสายตายอดฝีมือก็เปราะบางเช่นนี้เอง
ส่วนชวีหลิงเฟิงก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่มองปราดเดียวก็เห็นถึงจุดอ่อนในกระบี่คู่ผนึกรวมแล้ว
สาเหตุที่ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ไม่ได้เปิดเผยออกมา สาเหตุหลักเป็นเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่อยากทำให้ผู้เล่นเหล่านี้ตกใจหนีไป
เหลือความหวังไว้ให้พวกเยี่ยเว่ยหมิงสักหน่อย เขาเองก็จะมีโอกาสสังหารพวกเขาให้หมดด้วยเช่นกัน!
ต้องบอกเลยว่าความคิดของชวีหลิงเฟิงก็เจ้าเล่ห์โหดร้ายเช่นกัน
วินาทีถัดมา ไม้เท้าเหล็กกับกระบี่คู่ก็ปะทะกัน
แกร๊ง! แกร๊ง!
ท่ามกลางเสียงอาวุธกระทบกันดังสองครั้ง ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงสั่นสะเทือน ร่างบางของสะพานสวรรค์น้อยสั่นรุนแรง จากนั้นเหนือศีรษะของทั้งสองก็มีตัวเลขดาเมจลอยขึ้นมา นั่นก็คือ -1364 กับ -1665 ตัวของทั้งสองก็ลอยขึ้นมาเช่นกัน ต่างคนต่างกระเด็นถอยหลังออกไป
ผลบดขยี้ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้ชวีหลิงเฟิงโจมตีจนเกิดผลนี้ได้อย่างง่ายดาย
จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่า ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้เขาออมมือขนาดไหน!
ส่วนชวีหลิงเฟิงก็โหดร้ายไม่ปรานี ไม้เท้าเหล็กในมือขวาพลันค้ำพื้น ออกตัวทีหลังแต่ไปถึงก่อนสองคนที่กระเด็นออกไป พอหมุนไม้เท้าเหล็กในมือขวา ก็โจมตีอาวุธลับที่ซานเย่ว์โปรยออกมาได้หมดอย่างสบายๆจากนั้นไม้เท้าเหล็กในมือซ้ายก็แทงออกมา เล็งตรงไปยังจุดซานจงเสว์ตรงหน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วรีบควงกระบี่รับ กวาดกระบี่ชิงจู๋ฟันบนไม้เท้าเหล็ก
แกร๊ง!
-636!
เยี่ยเว่ยหมิงพยายามป้องกันเต็มที่ ประกอบกับโบนัสพลังป้องกันจาก ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ขั้นหก แต่ตอนที่อาวุธกันกระทบกันโดยตรง ก็ยังถูกบดขยี้จนเกิดดาเมจหกร้อยกว่าแต้ม!
แต่ก็ยังดีที่เมื่ออาศัยแรงสะท้อนกลับของการโจมตีนี้ เขาก็ยังขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายไล่ตามโจมตีสะพานสวรรค์น้อยต่อได้ ขณะเดียวกันยังทำให้เขาถอยหลังไปไกลด้วย
หลังจากโจมตีไปหนึ่งครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงหยุดการโจมตีนี้ไว้ได้ ชวีหลิงเฟิงทำได้เพียงเหยียบลงพื้นเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่หลังจากเขาเหยียบลงพื้นแล้ว กลับโยนไม้เท้าในมือขวาทันที พอไม้เท้าหลุดมือ ก็เกิดลมพายุหมุนที่เป็นเหมือนรถแข่งขนาดใหญ่คันหนึ่ง ขณะที่ชนอาวุธลับของซานเย่ว์อย่างต่อเนื่องจนร่วงหมด ก็กระแทกร่างบางของนางกระเด็นออกไปด้วย
ตอนนี้มือขวาของเขาว่างแล้ว จึงโจมตีผ่านอากาศออกมาหนึ่งฝ่ามือ ถูกตรงจุดที่อยู่ระหว่างท้องกับหน้าอกของสะพานสวรรค์น้อยที่เพิ่งรอดพ้นอันตราย!
ฝ่ามือตัดอากาศ!
พรึ่บ!
-3435!
หลังจากดาเมจจำนวนมหาศาลลอยขึ้นเหนือศีรษะ ร่างอรชรอ้อนแอ้นของสะพานสวรรค์น้อยก็ถูกฝ่ามือนี้ตบจนกลายเป็นแสงสีขาวหายไปแล้ว
กลิ่นหอมจางหาย ร่างหยกพลันสลาย!
อื้ม ไปรอคืนชีพเลยแล้วกัน…
สะพานสวรรค์น้อยถูกสังหารตายแล้ว ซานเย่ว์ที่อยู่อีกด้านก็ตกอยู่ในวิกฤติใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน
ไม้เท้าเหล็กหมุนเป็นเกลียวราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างกดดันให้นางหายใจลำบาก อยากจะถอนตัวหลบ แต่กลับพบว่าตัวเองเคลื่อนไหวช้ากว่าที่สมองคิดตั้งครึ่งหนึ่ง เดิมทีที่หลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ แต่กลับทำได้เพียงปล่อยให้มันกระแทกบนตัวนาง
ขณะที่ซานเย่ว์พยายามหลบหลีกต่อไป นางกลับหลับตาลงโดยจิตใต้สำนึก กะว่ารอไปพบกับสะพานสวรรค์น้อยตรงจุดคืนชีพทีเดียวเลย
ทว่าการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่จินตนาการไว้ สิ่งที่แทนที่เข้ามาคือเสียงอาวุธกระทบกันที่นางคุ้นเคย
ทีแรกนึกว่าจะหลบไม่พ้น แต่หลังจากหลบพ้นแล้ว ซานเย่ว์ก็หันกลับมาทันที นางเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถูกพลังมหาศาลที่มาพร้อมกับไม้เท้าทำให้สะเทือนถอยหลังไปหลายก้าว พร้อมเห็นตัวเลขดาเมจ -586 ที่ลอยขึ้นเหนือศีรษะเขาด้วย
ส่วนไม้เท้าที่อันตรายถึงชีวิตด้ามนั้นก็สะเทือนออกไปเพราะพลังป้องกันของเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน มันกระเด็นไปชนกับอิฐเขียวบนผนังแล้วกระดอนตกลงพื้นอีกที ก่อนจะกลิ้งไปไกลพร้อมเสียงโลหะบาดหูอย่างต่อเนื่อง
เฮ้อ….
จนกระทั่งตอนนี้ ซานเย่ว์ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่ายังไม่ทันรอให้นางปรับตำแหน่งยืนของตัวเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเยี่ยเว่ยหมิงเตือน “ระวัง!”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าดำมืด ร่างของชวีหลิงเฟิงที่มาถึงตรงหน้าบังแสงโคมไฟไว้แล้ว
จากนั้นซานเย่ว์ก็เห็นฝ่ามือของชวีหลิงเฟิงขยายจากเล็กเป็นใหญ่ขึ้นตรงหน้านาง ชั่วพริบตาเดียวก็บดบังสายตานางหมดแล้ว
พรึ่บ!
ฝ่ามือของ BOSS เลเวล 65 โจมตีสุดกำลังบนหน้าผาก ซานเย่ว์ถูกตบคาที่ กลายเป็นแสงสีขาวซึ่งเป็นตัวแทนของความตายและการเกิดใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย
กลิ่นหอมจางหาย ร่างหยกพลันสลายอีกแล้ว!
จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่าเคล็ดฝ่ามือของชวีหลิงเฟิง เมื่อเทียบกับไม้เท้าเหล็กแล้วน่ากลัวกว่ากันมาก!
เมื่อตบสาวงามตายไปสองคนต่อเนื่องแล้ว ชวีหลิงเฟิงก็พลันหันตัวกลับมา ออกแรงใช้ไม้เท้ายันเพื่อพุ่งมาข้างหน้า แล้วโบกมือโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงอย่างต่อเนื่องเจ็ดฝ่ามือ
ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีอันหนักหน่วงและต่อเนื่องของ BOSS ที่น่ากลัว เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงล้มเลิกการโจมตีกลับทั้งหมด พยายามใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ อย่างสุดกำลัง ตั้งใจป้องกันอย่างเดียว
-312!
-286!
-321!
……
มีตัวเลขดาเมจลอยขึ้นบนศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิงต่อเนื่องเจ็ดครั้ง ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเขาเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว!
เพียงแต่หลังจากรับฝ่ามือของอีกฝ่ายไปเจ็ดครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆ กลับถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งด้วยซ้ำ
ที่แท้เคล็ดฝ่ามือของชวีหลิงเฟิงแม้จะดุร้าย แต่เมื่อเจอดาเมจบดขยี้บนอาวุธข่ม กลับยังห่างไกลจากพลังไม้เท้าของเขามาก
มุมปากเผยรอยยิ้มปล่อยวาง เยี่ยเว่ยหมิงชูกระบี่ชิงจู๋ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วชี้ไปยังชวีหลิงเฟิงจากที่ไกลๆ
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังเข้าใกล้ความตาย แต่บนใบหน้ากลับยังเผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา ในดวงตาชวีหลิงเฟิงก็มีน้ำตาอุ่นๆ สองสายไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว!
การแสดงออกของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ทำให้เขานึกถึงใครกัน
ต้องมีประสบการณ์ทางจิตใจอย่างไรกัน BOSS เลเวลหกสิบห้าถึงร้องไห้ในระหว่างการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายได้
เบื้องหลังของทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ซ่อนเรื่องราวที่ซับซ้อนหักมุมอย่างไรไว้กันแน่
ที่จริงสิ่งนี้ก็ไม่ได้สำคัญ
เนื่องจากเขาถูกพิษ ‘สายลมโศกา’ เขาจึงต้องร้องไห้!