ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 15 มองทำแป๊ะอะไร
ตอนที่ 15 มองทำแป๊ะอะไร
พรึ่บๆๆ…
ตอนเยี่ยเว่ยหมิงกำลังกลุ้มใจเพราะคิดว่าตัวเองคลาดกับผู้ต้องสงสัยแล้ว นกพิราบขาวตัวหนึ่งกลับกระพือปีกมาเกาะบนบ่าเขา
นกพิราบขาวประเภทนี้เป็นไอเทมส่งข่าวที่พิเศษจำเพาะมากในเกม ชื่อว่าพิราบส่งจดหมาย
ชั่วพริบตาที่นกพิราบขาวเกาะบนบ่าเขา ตัวมันก็หายไปแล้ว แทนที่ด้วยข้อความที่ปรากฏขึ้นมาในคอลัมน์ข้อความของเขา
[ก่อนหน้านี้จางชุ่ยซานไม่ได้หนีไปก่อนต่อสู้ แต่สังเกตเห็นว่ามีคนในหนีออกจากมุมลับในสำนักคุ้มภัย เขาไล่ตามไปโดยไม่ทันได้บอกคนอื่น เพราะบรรดาคนที่อยู่ตรงนั้น ค่าตบะของเขาสูงที่สุด และมีเพียงเขาที่สังเกตเห็นว่ามีอีกคนสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวแล้ว
แม้คนจะไม่ได้ตามไป แต่พวกเราก็สืบข่าวต่อที่เมืองหังโจว หากตั้งใจจะร่วมมือกัน พรุ่งนี้ยามโหย่ว[1]กรุณาพบกันที่สะพานขาด
…อินปู้คุย]
หลังจากได้ประมือกับคนชุดดำนั่น ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็มีความมั่นใจเก้าส่วนที่จะชี้ขาดแล้วว่าคดีฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินไม่ใช่ฝีมือของจางชุ่ยซานหรือศิษย์สำนักอู่ตัง
กอปรกับทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน ล้วนต้องการสืบความจริงเบื้องหลังเรื่องที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินถูกฆ่าล้างสำนัก การร่วมมือกับอู่ตังก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวและไม่มีอะไรเสียหาย
หลังจากคิดจนเข้าใจประเด็นสำคัญแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ตอบกลับข้อความของอินปู้คุยทันที บนนั้นมีเพียงคำว่า ‘ย่อมเจอกันแน่นอน!’
กลับมาบรรจุศพที่สำนักคุ้มภัยต่ออีก จนกระทั่งกระเป๋าสะพายหลังเต็มแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ตรวจดูในสำนักคุ้มภัยอย่างละเอียดอีกรอบ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีเบาะแสอื่น ถึงได้ใช้งานวิชาตัวเบาแปดก้าวไล่ทันคางคกวิ่งไปนอกเมืองหังโจว
ขุดหลุมฝังคน กลับมาสำนักคุ้มภัยเพื่อเก็บศพต่อ แล้วก็ไปขุดหลุมฝังศพนอกเมือง…
การเทียวไปเทียวมานี้ ใช้เวลาไปครึ่งค่อนคืนเต็มๆ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงฝังศพร่างสุดท้ายแล้ว ตรงขอบฟ้าก็สว่างขาวเหมือนท้องปลา ส่วนเนินหลุมศพที่เขาฝังคนไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกระบบรีเฟรชทิ้งไปแล้ว กลายเป็นที่ราบทุ่งหญ้าเหมือนเดิม
บางทีตัวละครเล็กๆ อย่างตูต้าจิ่น ถูกกำหนดให้คนรุ่นหลังไม่มีทางจดจำชื่อของเขาได้ ถึงขั้นไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนโลกนี้เลย
สูดอากาศสดชื่นยามเข้าตรู่เข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้กลับไปที่เมืองหังโจวอีก แต่ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกวิ่งตรงไปทางเขาซี่จ้าว
อยู่ที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินไม่พบเบาะแสใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ขี้คร้านจะเสียเวลาหลับหูหลับตาสืบข่าวในเมืองหังโจวอีก ก่อนที่จะพบกับอินปู้คุย ไม่สู้นำตำราลับที่ผู้เฒ่าหลี่ทิ้งไว้ออกมาก่อนดีกว่า พยายามเพิ่มความสามารถของตัวเองเท่าที่จะเป็นไปได้
จากลางสังหรณ์ของเขา ภารกิจต่อไปคงไม่ง่ายแค่การใช้เหตุผลพิจารณาเพื่อไขคดีแน่
จากนอกเมืองหังโจวไปถึงเขาซี่จ้าวนั้นง่ายมาก ใช้เวลาเดินทางสิบนาทีเท่านั้น ขอเพียงเดินเลียบฝั่งทะเลสาบซีหูไปทางทิศใต้ก็พอ บนเส้นทางเจอมอนสเตอร์มนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า ‘โจรลุ่มน้ำทะเลสาบซีหู’ เป็นประเภทที่รุกโจมตีก่อน มีเลเวลอยู่ระหว่างสิบถึงสิบสอง ในเมื่อเป็นมอนสเตอร์เล็กๆ ทั่วไป ความสามารถก็ย่อมไม่มีจุดไหนที่โดดเด่น โดยทั่วไปก็เป็นคนธรรมดาที่โหดร้ายขึ้นมาหน่อย ด้วยความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ถ้าคิดจะฆ่ากันขึ้นมาก็ไม่ง่ายนัก
เมื่อเทียบกับความสามารถกากๆ แล้ว อัตราดรอปไอเทมของโจรลุ่มน้ำทะเลสาบซีหูก็ยังนับว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่ละตัวที่กำจัดได้ล้วนมีเงินให้ดรอปนิดหน่อย แม้จำนวนจะไม่มาก แต่ถ้าตีมอนสเตอร์ได้หลายตัวก็ถือเป็นรายรับที่ไม่น้อยเลย
ต้องทราบไว้ว่า ถ้าฆ่ามอนสเตอร์ที่เป็นสัตว์ จะไม่มีเงินให้ดรอปอย่างนี้
นอกจากนี้ก็มีสุราสยงหวง เวลาสังหารโจรลุ่มน้ำทะเลสาบซีหูหนึ่งคน ก็แทบจะดรอปได้หนึ่งขวด เอฟเฟ็กต์ที่ได้ก็คือ: หลังจากดื่มแล้ว ภายในหนึ่งชั่วโมงจะได้ พลังโจมตี +5 มีโอกาสเข้าสู่สถานะเมา ท่าร่าง -5 ความว่องไว -5 (อัตราการเมาและพลังสายตากำหนดตามความสามารถในการดื่มสุราของผู้เล่น)
ประสิทธิภาพเหมือนแทะซี่โครงไก่มาก ประโยชน์ไม่เยอะแต่จะทิ้งก็เสียดาย เอาไปขายแลกเงินที่ร้านค้าเบ็ดเตล็ดในเมืองได้ ถือเป็นรายรับก้อนหนึ่งที่ไม่เลวเลย
เยี่ยเว่ยหมิงทดลองใช้เวทบรรจุศพของตัวเองกับโจรลุ่มน้ำทะเลสาบซีหูพวกนี้อีกครั้ง เพียงแต่ไม่ได้ผลตามที่ใฝ่ฝันไว้ จัดการเก็บศพไปแล้วสิบร่าง แต่กลับได้ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เพียงเล่มเดียว
[ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ: ความรู้และประสบการณ์ใช้ดาบของโจรลุ่มน้ำทะเลสาบซีหู ใช้งานวิชาดาบที่กำหนด ระดับความชำนาญ +5 แต้ม!]
ลองเอามือตบส่งเดชแล้วไม่พบตำราลับอีก ภายใต้การเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ระดับความชำนาญเคล็ดกระบี่เพิ่มขึ้นหนึ่งแต้ม!
จัดการเก็บศพไปสิบร่าง สุดท้ายกลับแลกมาได้เพียงระดับความชำนาญเคล็ดกระบี่หนึ่งแต้ม ไม่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะนับอย่างไรก็รู้สึกว่าตัวเองขาดทุนมาก
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการซื้อเสื่อต้องจ่ายเงิน แค่เวลาที่ใช้บรรจุศพกับฝังศพ ถ้าใช้เวลานั้นไปตีมอนสเตอร์หรือฝึกฝน สิ่งที่ได้รับก็จะเยอะกว่านี้มากแน่นอน!
เมื่อแน่ใจแล้วว่ามอนสเตอร์เล็กๆ ที่สามารถรีเฟรชได้ตลอดเวลาไม่มีค่าพอให้บรรจุศพ เยี่ยเว่ยหมิงก็ขี้คร้านจะเปลืองแรงฟรี รีบบุกบนเส้นทางตรงไปยังจุดมุ่งหมายด้วยความเร็วสูงสุด ระหว่างทางถ้าเจอโจรลุ่มน้ำที่รุกโจมตีก่อน เขาก็ถือโอกาสตอนที่ผ่านฆ่าทิ้ง ส่วนอย่างอื่นก็ไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องก่อน อย่างไรเสียวันนี้เขาก็มาที่นี่เพื่อหาสมบัติ ไม่ได้มาเพื่อฆ่ามอนสเตอร์อัปเลเวล
ทว่ายิ่งเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเท่าไร กลุ่มโจรทะเลสาบซีหูก็ยิ่งชุกชุม ตอนที่เขาขึ้นมาบนเขาซี่จ้าว ก็พบว่าทั้งภูเขาเต็มไปด้วยโจรลุ่มน้ำพวกนี้
มอนสเตอร์มีจำนวนเยอะ แต่ความสามารถธรรมดา อัตราดรอปของพอใช้ได้ ถ้าซ้อนปัจจัยพวกนี้เข้าด้วยกัน ก็เติมเต็มเงื่อนไขทั้งหมดในการอัปเลเวลได้แล้ว ดังนั้น ในป่าภูเขาระหว่างทางจะเห็นผู้เล่นจับกลุ่มสามถึงห้าคนตีมอนอยู่เรื่อยๆ บรรยากาศคึกคัก
สังหารมาตลอดทางจนถึงนอกเจดีย์เหลยเฟิง ไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็เห็นผู้เล่นต่างคนต่างจับกลุ่มสามคนเพื่อตีมอน ในจำนวนนั้นมีผู้เล่นหญิงหนึ่งคน กำลังใช้หลังพิงเจดีย์ ใช้หน้าไม้ยิงโจรลุ่มน้ำโจรลุ่มน้ำ เมื่อมีโจรเข้ามาใกล้ก็ใช้เท้าถีบออกอย่างไม่ลนลาน จากนั้นก็ยิงต่อไป สังหารอย่างถึงอกถึงใจ
เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดปวดหัวไม่ได้
เขามาที่นี่เพื่อหาสมบัติ ถ้าตอนที่เขาเปิดประตูวังใต้ดินแล้วมีผู้เล่นอยู่ด้วยเยอะขนาดนี้ ยังจะได้หาสมบัติกะผีน่ะสิ ลำพังแค่ต้องสลัดพวกที่ตามหลังมาเป็นพรวนก็ทำให้เขาปวดหัวได้แล้ว
วี้ด! วี้ด! วี้ด!…
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคล้ายนกร้องดังมาจากที่ไกลๆ พักหนึ่ง พวกโจรลุ่มน้ำราวกับได้รับคำสั่งอะไรบางอย่าง รีบแย่งกันหนีเข้าที่ซ่อนอย่างรวดเร็วราวกับบินได้ พวกโจรลุ่มน้ำที่อยู่ใกล้เจดีย์เหลยเฟิงก็ยิ่งพุ่งไปที่ประตูใหญ่ของเจดีย์ จากนั้นก็หายเข้าไปที่ประตูใหญ่ภายในชั่วพริบตาเดียว
ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที นอกจากโจรลุ่มน้ำสิบกว่าคนที่กำลังสู้กับผู้เล่น คนอื่นกลับเหมือนระเหยหายไปจากโลกมนุษย์ หายตัวไปจากกลุ่มคนตรงหน้าอย่างหมดจด
หลังจากพวกโจรลุ่มน้ำถูกผู้เล่นรัวดาบสังหารและแบ่งศพกันแล้ว จุดอัปเลเวลที่เดิมทีคึกคัก ตอนนี้ไม่มีมอนสเตอร์แล้วสักตัว เหลือเพียงผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่กำลังถลึงตาสลับหรี่ตาใส่กัน
“โจรลุ่มน้ำทะเลสาบซีหูจะรีเฟรชแค่ตอนค่ำของทุกวันเท่านั้น เมื่อหายไปหลังจากเสียงนกร้อง ต้องรอให้ฟ้ามืดถึงจะปรากฏตัวอีกครั้ง ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ” คนที่พูดคือผู้เล่นถือกระบี่ที่สวมเครื่องแบบสำนักหัวซาน เพียงแต่เครื่องแบบสำนักไม่สมบูรณ์ เหลือเพียงเสื้อยาวตัวเดียวเท่านั้น ยังต่างกับเครื่องแบบทั้งชุดของผู้แนะนำเข้าสำนักที่หมู่บ้านมือใหม่ไม่ใช่น้อยๆ หรือกระบี่ยาวในมือเขาก็เป็นเครื่องแบบด้วยเหมือนกัน?
เพียงแต่แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับข่าวดีสำหรับเยี่ยเว่ยหมิง
ไม่มีมอนสเตอร์แล้ว บรรดาผู้เล่นย่อมไม่อาลัยอาวรณ์อยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากคนอื่นไปหมด เขาก็หาสมบัติได้อย่างสงบใจแล้ว
หลังจากพวกเขาทักทายกัน กลับเห็นพวกเขาพาเพื่อนในทีมจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ทีมอื่นก็ทยอยตามออกไปเช่นกัน ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นเสียเลย เริ่มฟื้นฟูกำลังภายในของตัวเอง
นี่นับเป็นการกระทำที่ปกติภายในเกม ที่มากกว่านั้นคือจะทำให้คนอื่นสงสัยไม่ได้
หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที กำลังภายในของเยี่ยเว่ยหมิงก็กลับมาเต็มอีกครั้ง หางตาชำเลืองแวบหนึ่ง เห็นสาวสวยที่พิงเจดีย์ยิงหน้าไม้ก่อนหน้านี้กำลังหลับตานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงทางเข้าประตูใหญ่เจดีย์เหลยเฟิง ดูท่าแล้วคงกำลังฟื้นฟูกำลังภายในเช่นเดียวกัน ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงอยากจะเข้าเจดีย์ ก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่รบกวนพี่สาวคนนี้
สายตาไปหยุดอยู่บนตัวพี่สาวที่ขวางประตูโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเห็นนางใส่ชุดจิ้นจวง[2]สีดำทั้งตัว เรือนร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผมสั้นตรงทั้งศีรษะ ประกอบกับใบหน้าสวยประณีตให้ความรู้สึกว่าฉลาดและมีประสบการณ์
สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดก็คือแผลเป็นจากดาบบนแก้มขวาของนาง ราวกับเป็นรอยแยกบนเครื่องลายครามที่ประณีตชิ้นหนึ่ง ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเสียดายโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น พี่สาวคนนี้ก็ลืมตาขึ้น สบตากับเยี่ยเว่ยหมิงพอดี
สายตาทั้งคู่สบประสานกัน จากแววตาของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงมองออกว่ามีความไม่พอใจอยู่สามส่วน อีกสามส่วนคือการดูถูก อีกสามส่วนคือการท้าทาย รวมทั้งอีกหนึ่งส่วนคือความไม่แยแส
ถ้าจะให้สรุปก็คงได้แค่ประโยคนี้
มองทำแป๊ะอะไร
[1] ยามโหย่ว 酉时 17.00 น. – 19.00 น
[2] ชุดจิ้นจวง 劲装 เป็นชุดที่ทะมัดทะแมงเน้นความคล่องตัว กระโปรงไม่ยาวลากพื้น ชายแขนเสื้อถูกมัดเก็บไว้