ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 166 สาวน้อยชุดแดงได้แรงบันดาลใจ
ตอนที่ 166 สาวน้อยชุดแดงได้แรงบันดาลใจ
จะมีโต๊ะเดิมพันหรือไม่นั้นพูดยาก แต่ในการต่อสู้สนามต่อไป ก็เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงบอกไว้จริงๆ เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นแล้ว
ตั้งแต่เริ่มแข่งรอบน็อกเอาต์จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งดาบสามเฉือนหรือเยี่ยเว่ยหมิง ก็ล้วนเป็นประเภทอันดับสูงไปแข่งกับอันดับต่ำ ทั้งยังเป็นชัยชนะแบบบดขยี้ การสู้สังเวียนนั้นของเยี่ยเว่ยหมิงแม้เขาจะถูกกระทำและป้องกันอยู่ตลอด แต่คนที่มีตามองเห็นชัดเจนล้วนดูออก ว่าเซียวเหยาถอนใจใช้ทักษะอันน้อยนิดของตัวเองหมดแล้ว มิอาจไม่ยอมแพ้
ผลลัพธ์อย่างนี้ย่อมทำให้กลุ่มคนที่มามุงดูเกิดความเข้าใจผิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ นึกว่าศักยภาพของคนที่อันดับสูงอยู่เหนือกว่าคนที่อันดับต่ำกว่า
หากวิเคราะห์ตามตรรกะนี้ เช่นนั้นชงจินผิ่นที่ถูกจัดให้อยู่อันดับสามจะต้องสู้ชนะสะพานสวรรค์คริสตัลที่อยู่อันดับหกแน่นอน
อย่างไรเสีย คนหนึ่งก็อยู่อันดับสาม ส่วนอีกคนอยู่อันดับหก ในระหว่างนั้นยังมีกั้นอยู่สองอันดับ!
ทว่า ความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
คำตอบที่แท้จริงของคำถามนี้ มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ
ชงจินผิ่นที่อยู่อันดับสาม เมื่อเทียบกับสองอันดับแรกก่อนหน้านี้ ที่จริงแตกต่างกันแค่คุณสมบัติเดิมของตัวเองเท่านั้น!
หากจะพูดถึงอันดับ จะไม่เอ่ยถึงงานประลองใหญ่ครั้งนี้ก็ไม่ได้ ด้านกติกาการแบ่งคู่ต่อสู้ ก็แบ่งให้ผู้ที่อ่อนแอที่สุดแข่งกับผู้แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน
ที่จริงแล้ว กติกาการประลองแบบรีเฟรชคะแนนที่จัดให้ผู้อ่อนแอเจอกับผู้แข็งแกร่งแบบนี้ ก็เริ่มมาตั้งแต่ตอนแข่งโหมดแรงค์แล้ว
ตอนสู้กับ NPC สิบคนในการประลองรอบคัดเลือกเมื่อวานนี้ หากต่อสู้ได้ดี ก็ย่อมถูกระบบดูแลเป็นอย่างดี จัดผู้เล่นที่อ่อนแอจำนวนหนึ่งให้เขารีเฟรชคะแนน
ในทางกลับกัน พวกผู้เล่นที่ต่อสู้ได้ไม่ดี ถึงขนาดว่าต่อให้ NPC คนที่สิบที่ต้องสู้ด้วยเป็นหนึ่งในสี่ผีแห่งแม่น้ำฮวงโห[1] ตัวเองก็ยังสู้ด้วยลำบาก ถึงขั้นได้ชัยชนะอย่างสะบักสะบอม ก็จะต้องเป็นเป้าหมายให้ผู้เล่นที่แข็งแกร่งรีเฟรชคะแนนแน่นอน
ไม่มีหลักการความยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมอะไรทั้งนั้น กลับทำให้ศักยภาพกลายเป็นเบี้ยใหญ่สุดในการประลองยุทธ์ใหญ่ครั้งนี้ด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันก็ลดส่วนที่เป็นการเสี่ยงโชคลงไปได้เยอะมาก
การที่ถูกจัดให้เจอกับผู้เล่นที่แข็งแกร่งนั้น ไม่ได้ความว่าเจ้ามีศักยภาพไม่มากพอ แต่เป็นเพราะในการประลองก่อนหน้านี้ เจ้าแสดงความสามารถได้ไม่ดีก็เท่านั้นเอง
ทุกอย่างล้วนใช้ศักยภาพคุยกัน!
ทว่าฟ้าดินเดิมทีก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว กติกาการประลองก็ย่อมไม่สมบูรณ์เช่นกัน
เช่นเดียวกัน สถานการณ์ที่ผู้แข็งแกร่งบดขยี้ผู้อ่อนแอ แน่นอนว่าบรรดาสำนักที่ทำดาเมจเก่งจะต่อสู้ได้งดงามกว่า กำจัดคู่ต่อสู้ทิ้งได้เร็วกว่าอยู่แล้ว ในทางกลับกัน บรรดายอดฝีมือที่ถนัดป้องกันกับเอาชีวิตรอดก็ย่อมเสียเปรียบกว่า
หนึ่งดาบสามเฉือนที่อยู่อันดับหนึ่ง ที่จริงแล้วนอกจากอาศัยว่าสำนักดาบโลหิตเก่งเรื่องทำดาเมจได้สูง ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดก็คืออาศัยการเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวระดับชาเลนเจอร์ของนาง ส่วนเยี่ยเว่ยหมิง ก็จัดเป็น BOSS ในร่างมนุษย์!
สถานการณ์ของพวกเขาสองคนค่อนข้างพิเศษ จัดเป็นประเภทอาศัยศักยภาพที่แท้จริงมาบดขยี้คู่ต่อสู้ ไม่ได้เกี่ยวกับสำนักมากนัก
ส่วนชงจินผิ่นที่อยู่อันดับสาม ก็ได้เปรียบแค่อาศัยจุดเด่นของสำนักเท่านั้น เขาถึงได้เดินมาถึงขั้นนี้ได้
สำนักคงต้ง ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ถือว่าขึ้นชื่อเรื่องความโหด ทักษะยุทธ์มากมายในสำนักล้วนเป็นประเภทโหดจนอันตรายถึงชีวิต
หากจะถามว่าโหดร้ายถึงขั้นไหน
ก็ดูเคล็ดกระบี่ ‘คนผีร่วมวิถี’ ของเยี่ยเว่ยหมิงประกอบได้ เพราะนั่นคือวิทยายุทธ์ที่มาจากสำนักคงต้ง!
สำนักที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ ยามเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ด้อยกว่าตัวเองทุกด้าน ก็ย่อมได้เปรียบไม่จบไม่สิ้นอยู่แล้ว เขาได้คะแนนเป็นอันดับสามในโหมดแรงค์ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร
และยามเจอกับคู่ต่อสู้ที่เขาไม่มีทางบดขยี้ได้…
ยอดฝีมือของสำนักคงต้งคนนี้ ตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะกระอักกระอ่วนเพราะถูกสะพานสวรรค์น้อยรัวโจมตี
ทั้งสองประมือกันไปสิบกว่ากระบวนท่า สะพานสวรรค์น้อยก็ยังค่าพลังชีวิตเต็ม ส่วนสหายชงจินผิ่นคนนี้ ก็ถูกกระบี่จินสยาของนางสูบพลังชีวิตไปเกินครึ่งแล้ว
เมื่อเห็นว่าผลแพ้ชนะไม่มีอะไรน่าพะวงใจแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจู่ๆ ชงจินผิ่นคนนั้นจะใช้กระบวนท่าแปลก
เห็นเขาพลิกมือซ่อนกระบี่วิเศษไว้ข้างหลัง พร้อมพุ่งมาข้างหน้ากะทันหัน นึกไม่ถึงว่าจะใช้ร่างกายตัวเองชนเข้ากับกระบี่จินสยาในมือสะพานสวรรค์น้อย!
เมื่อใช้กระบวนท่านี้ กลุ่มคนที่ดูอยู่ด้านล่างสังเวียนก็อึ้งกันเป็นแถบ
จะว่าไปแล้ว เจ้าหมอนี่คงไม่ถึงขั้นปลงไม่ตก พอชงจินผิ่นแพ้ ก็เลยพุ่งชนกระบี่เพื่อฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ
และเมื่อได้เห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือนที่กำลังมองบนสังเวียนก็ตกใจพร้อมกัน
เยี่ยเว่ยหมิงพลันใช้สองมือประคองบนที่วางมือของเก้าอี้ แขนโค้งขึ้นมา ทำท่าเหมือนอยากจะขึ้นไปกู้สถานการณ์ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันก็ตะโกนบอกสะพานสวรรค์น้อยว่า “ระวัง!”
ทว่า หลังจากสิ้นเสียงถึงได้สติกลับมา เพื่อรับประกันความยุติธรรมในการประลอง สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่บนสังเวียนไม่ได้ยินเสียงเตือนของเขาเลย เขายิ่งไม่มีทางขึ้นไปช่วยบนสังเวียนได้ด้วย
ส่วนหนึ่งดาบสามเฉือนก็ขมวดคิ้วทันที เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนท่ากะทันหันของชงจินผิ่นได้ย้ำเตือนความทรงจำที่ไม่ค่อยงดงามนักของนาง
กระบวนท่านี้ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยเว่ยหมิง หรือหนึ่งดาบสามเฉือนก็รู้จัก เป็นเคล็ดกระบี่ทุ่มชีวิตของสำนักคงต้ง คนผีร่วมวิถี!
บนสังเวียน เมื่อเห็นชงจินผิ่นใช้ท่าโหดกะทันหัน สะพานสวรรค์น้อยก็ตกใจเช่นกัน
นึกถึงตอนแรก เยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือนประมือกันครั้งที่สองที่นอกเมืองหังโจว นางก็เป็นหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์เช่นกัน ตอนหลังระหว่างที่คุยเล่นกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็เคยจับภาพหน้าแนะนำข้อมูลสกิลให้นางดูด้วย
และระดับความโหดของท่านี้ รวมทั้งความน่ากลัวเพิ่มขึ้น 300% ก็ทำให้น้องสาวผู้บอบบางคนนี้ตกตะลึงมาก
แต่ในเมื่อรู้ถึงความร้ายกาจของท่านี้แล้ว นางก็ย่อมไม่โง่แทงกระบี่ในมือตัวเองไปใส่ร่างของอีกฝ่าย ทันทีที่พบว่าอีกฝ่ายใช้เคล็ดกระบี่คนผีร่วมวิถี สองเท้านางก็รีบก้าวถอยหลัง
นางแสดงประสิทธิภาพวิชาตัวเบาของสำนักสุสานโบราณออกมาถึงขีดสุดในชั่วพริบตาเดียว ดึงระยะห่างออกจากชงจินผิ่นที่กำลังจะเอาชีวิตเข้าแลก
ขณะที่กำลังถอยหลัง มือของสะพานสวรรค์น้อยก็ไม่ได้ว่าง นางพลิกข้อมือซ้ายแล้วสะบัด ดาวสองจุดยิงออกมาจากมือนางแล้ว ยิงเข้าไปในร่างกายของชงจินผิ่นโดยตรง
-132!
-137!
ตัวเลขดาเมจที่ไม่ได้สูงมากลอยขึ้นมาเหนือศีรษะคู่ต่อสู้สองรอบ ร่างกายของชงจินผิ่นกลับสั่นสะท้านอย่างไร้สาเหตุ กำลังภายในของ ‘คนผีร่วมวิถี’ ที่เพิ่งก่อตัวขึ้นชะงักทันที ถูกโจมตีขัดจังหวะแล้ว
ในขณะเดียวกันนี้เอง แถบพลังชีวิตเหนือศีรษะของเขาก็กลายเป็นสีเขียวแล้ว
นี่คือสัญลักษณ์ของการถูกพิษ!
[เข็มผึ้งหยก: อาวุธลับเฉพาะของสำนักสุสานโบราณ หากถูกพิษผึ้งบนเข็ม เมื่ออยู่ในโหมดความรู้สึกเจ็บก็จะคันไปทั้งตัว หากปิดโหมดความรู้สึกเจ็บ การเคลื่อนไหวก็จะผิดเพี้ยนไปโดยไม่รู้ตัว]
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ดวงตางามของหนึ่งดาบสามเฉือนก็พลันเบิกกว้าง เหมือนเกิดความคิดเหนือชั้นบางอย่างขึ้นมา โค้งมุมปากเผยรอยยิ้มน่าหลงใหล
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็โล่งอก กลับมานั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง
คุมสถานการณ์ได้แล้ว!
คุมได้จริงๆ
คนผีร่วมวิถีแม้จะร้ายกาจ แต่ก็ไม่อาจคงสภาพนี้ได้เป็นเวลานาน ทุกครั้งที่ใช้ท่านี้เสร็จ ถ้าไม่ถูกขัดจังหวะกลางคันก็จะอยู่ในเวลาคูลดาวน์ห้าวินาที
ตอนนี้สองเท้าหยกงามของสะพานสวรรค์น้อยแตะบนพื้นสังเวียนสองครั้งอย่างแผ่วเบาราวกับแมลงปอเกาะบนผิวน้ำ นางไม่เพียงแค่ไม่ถอย แต่ใช้ความเร็วเกือบเท่ากับตอนถอยออกก่อนหน้านี้เลี้ยวกลับมา แล้วแทงกระบี่ไปที่คอหอยของชงจินผิ่น
ชงจินผิ่นเห็นแล้วรีบชูกระบี่ต้านไว้ แต่ภายใต้บทบาทของเข็มผึ้งหยก การเคลื่อนไหวตอนต้านขวางจึงช้าไปครึ่งหนึ่ง ถูกสะพานสวรรค์น้อยแทงคอแล้ว
-3508!
ภายใต้การโจมตีนี้ ชงจินผิ่นซี้แหงแก๋คาที่ ส่วนสะพานสวรรค์น้อยก็ถูกส่งกลับมาบนเก้าอี้ของผู้ชม แล้วหันกลับมาชูสองนิ้วให้เยี่ยเว่ยหมิง
ส่วนหนึ่งดาบสามเฉือนในตอนนี้ ก็ส่งพิราบสื่อสารให้เจ้าอ้วนชนะฟ้าพี่ชายของนางอย่างเงียบๆ
[พี่ใหญ่ ช่วยข้าค้นหาตำราลับอาวุธลับเล่มหนึ่ง เอาที่ร้ายกาจหน่อย ถ้าจะให้ดีเอาแบบติดพิษ]…หนึ่งดาบสามเฉือน
ขณะที่พูด ผู้ท้าชิงกลุ่มสุดท้ายของการแข่งรอบน็อกเอาต์ จอมยุทธ์ไก่อ่อนเสวียนเสี่ยวปี่แห่งอู่ตังกับฉิวเฉวียนติ้งแห่งพรรคจรัสถูกส่งขึ้นไปบนสังเวียนแล้ว
ในตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือนก็มองไปบนตัวของเสวียนเสี่ยวปี่พร้อมกันโดยไม่รู้ตัว
ฉิวเฉวียนติ้งไม่มีอะไรต้องพูดถึง พรรคจรัสเดิมทีก็เป็นสำนักที่ทำดาเมจได้สูงอยู่แล้ว แต่ศิษย์อู่ตังอย่างเสวียนเสี่ยวปี่ การที่ทำคะแนนได้อันดับห้าของโหมดแรงค์ ทั้งยังอยู่เหนือกว่าสะพานสวรรค์น้อยที่คุ้ยเคยกับกระบี่วิเศษ เท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่าศักยภาพของเขาคู่ควรแก่การชื่นชมจริงๆ
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะรู้จักกับเสวียนเสี่ยวปี่นานแล้ว แต่เป็นเพราะพวกเขารู้จักกันเร็วเกินไป ตอนแรกทุกคนยังเป็นมือใหม่ ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขามีฝีมือขนาดไหนกันแน่
ดังนั้น เขาก็เหมือนกับหนึ่งดาบสามเฉือน ล้วนชมการประลองสังเวียนนี้ด้วยความรู้อยากเห็นสิ่งแปลกใหม่
เสวียนเสี่ยวปี่ไม่ได้เก็บงำความสามารถ พอลงมือก็แสดงฝีมือให้ทุกคนเห็นทันที
สไตล์การต่อสู้ของเขา จำกัดความได้ด้วยประโยคนี้
ราชันยุทธภพ ดาบล้ำค่าฆ่ามังกร!
ตอนที่เขาใช้กระบี่เป็นพู่กันเขียนอักษรประโยคนี้เสร็จ คู่ต่อสู้ของเขาก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้ว กลายไปเป็นหนึ่งในผู้ชมที่อยู่ด้านล่างสังเวียนแล้ว
“วิชากระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกรหรือ” หนึ่งดาบสามเฉือนเห็นแล้วยกมุมปากเล็กน้อย “เกมเพิ่งเปิดเซิร์ฟได้ไม่นาน นึกไม่ถึงเลย เขาไม่เพียงแค่ได้รับเคล็ดวิชาที่น่าสนใจเท่านั้น ทั้งยังฝึกจนได้ที่ ช่างน่าสนใจ”
“เป็นเรื่องปกติมาก” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก “เสี่ยวปี่เดิมทีก็เป็นยอดฝีมือเขียนอักษรในชีวิตจริงอยู่แล้ว เชื่อมโยงกับทักษะยุทธ์นี้ได้สูง จะว่าไปแล้ว นี่ก็น่าจะไม่ใช่ความลับอะไร เจ้าคงไม่ถือสาใช่ไหมที่ข้าพูดออกมา”
ประโยคสุดท้าย เขาย่อมพูดกับเสวียนเสี่ยวปี่ที่ถูกส่งกลับมานั่งประจำตำแหน่งแล้ว
เสวียนเสี่ยวปี่ได้ยินแล้วเพียงยิ้มบางๆ สื่อว่าไม่ถือสา
หลังจากการแข่งรอบน็อกเอาต์จบลง ก็ไม่มีเวลาให้พักผ่อน พวกเขาเข้าสู้การประลองรอบสามทันที
อิงตามตารางการแข่งก่อนหน้านี้ รอบแรกเป็นการแข่งขันระหว่างหนึ่งดาบสามเฉือนกับเสวียนเสี่ยวปี่
การสู้สนามนี้นับว่ายอดเยี่ยม แต่ก็เผยความจริงอันโหดร้ายออกมาเช่นกัน
ตัวอักษรยี่สิบสี่ตัวในคำว่าวิชากระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร ตอนนี้เสวียนเสี่ยวปี่ได้มาเพียงแปดตัวเท่านั้น เดิมทีอยากจะฉวยโอกาสเร่งโจมตีตอนหนึ่งดาบสามเฉือนกำลังสิ้นหวังกับทักษะยุทธ์นี้ บีบให้นางลงจากสังเวียนไปในอึดใจเดียว
จากนั้นก็เป็นเยี่ยเว่ยหมิง VS สะพานสวรรค์น้อย สะพานสวรรค์น้อยที่รู้อยู่แก่ใจถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองเลือกยอมแพ้เสียเลย
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้เล่นชายเลือกยอมแพ้ง่ายดายขนาดนี้ จะต้องถูกผู้ชมข้างล่างกล่าวเหน็บแนมแน่นอน แต่น้องสาวผู้อ่อนโยนไม่ว่าจะเป็นเมื่อไรก็ได้รับการปฏิบัติที่พิเศษเสมอ ต่อให้บรรดาผู้ชมจะผ่อนผันให้สาวงามเป็นพิเศษ แต่ก็บ่นแค่ ‘น่าเบื่อจริงๆ’ เท่านั้น ไม่ได้โจมตีไปที่ตัวนางมากกว่านี้
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีอารมณ์มาบ่นด้วยว่าทำไมสะพานสวรรค์น้อยต้องยอมแพ้
เพราะถึงอย่างไร ส่วนสำคัญที่แท้จริงก็กำลังจะเริ่มแล้ว ศึกชิงชนะเลิศระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือน!
[1] สี่ผีแห่งแม่น้ำฮวงโห 黄河四鬼 สี่ศิษย์ของพรรคฮวงโหในนิยายมังกรหยก ได้ชื่อว่ามีทักษะยุทธ์อ่อนด้อย