ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ
ตอนที่ 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ
[หวังชู่อี]
หนึ่งในเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจิน ฉายาพระอาทิตย์หยก นักพรตขาเหล็ก
เลเวล: 77
พลังชีวิต: 230000/230000
กำลังภายใน: 82000/82000
……
บัดซบ นี่ต่างหากตัวซัพพอร์ตสุดแกร่ง!
ส่วนสาเหตุว่าทำไมเขาถึงแน่ใจว่าหวังชู่อีคนนี้คือตัวซัพพอร์ตสุดแกร่ง แต่ไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่งน่ะหรือ
ก็เพราะวิธีการขึ้นเวทีของนักพรตเต๋าหวังก็คือหันหลังให้พวกเยี่ยเว่ยหมิง มาขวางการล้อมโจมตีจากซุปเปอร์ BOSS ห้าคนให้พวกเขา
ไม่เพียงเท่านี้ ถึงขนาดตอนที่หกยอดฝีมือเพิ่งประมือกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็แน่ใจจุดยืนของนักพรตเต๋าหวังชู่อีคนนี้ตามต้นฉบับเดิมแล้ว ดูจากอายุของเขาก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเป็นตัวละครหลัก แต่เป็นตัวประกอบสำคัญคนหนึ่งแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นตัวประกอบของเนื้อเรื่องในเกมนี้!
สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอะไร เนื่องจากหวังชู่อีมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งที่ตัวประกอบสำคัญต้องมี
เขาสู้กับศัตรูด้วยความสามารถที่สูสีกันได้!
มีเพียงตัวประกอบแบบนี้ ถึงจะตรึงศัตรูที่แข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตัวละครหลักเต็มไปด้วยพื้นที่ในการสร้างตัวตน ไม่ถึงขั้นต้องให้ตัวละครหลักเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงลำพังเร็วเกินไปจนทำลายกำลังของระบบ
ทั้งเนื้อเรื่องนี้ ทุกคนล้วนแสดงบทบาทสำคัญได้
แต่ปัญหาก็คือ หากหวังชู่อีเป็นตัวละครประกอบของเนื้อเรื่อง เช่นนั้นใครกันแน่ที่เป็นตัวละครหลัก
ตอนนี้ฝั่งพวกเขาเหลืออยู่เพียงสามคน เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฐานะผู้เล่นอย่างพวกเขาเป็นตัวละครหลักไม่ได้อยู่แล้ว
เช่นนั้นในบรรดาสูตรคณิตศาสตร์ขั้นสูง หากใช้สูตรการตัดออกในตำนานที่เลิกใช้กันไปนานแล้วมาคำนวณ…
อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าคนซื่อบื้อที่ยืนอยู่ข้างกายพวกเขา กัวจิ้ง?
ดูจากสติปัญญาแล้ว เหมือนไม่ใช่นะ!
หรือว่าเขายังมีวิชาคาถาอะไรที่เก็บงำไว้ ไม่ได้เปิดเผยออกมา
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงจินตนาการไปต่างๆ นานานี้เอง กัวจิ้งก็เร่งเท้าเดินมาถึงตรงหน้าหวันเหยียนคังแล้ว ขณะที่เดินยังพูดว่า “คุณชาย รีบบอกให้คนของเจ้าหยุดเถอะ แล้วก็คืนรองเท้าปักลายให้แม่นางมู่ แค่นี้ทุกคนก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าคนของเจ้าจะทำร้ายนักพรตเต๋าท่านนี้บาดเจ็บ หรือนักพรตเต๋าท่านนี้จะทำร้ายคนของเจ้าจนบาดเจ็บ สุดท้ายก็ไม่ดีทั้งนั้น”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขีดดำขึ้นหน้า นี่จะใช้วาจาท่องคาถาจริงๆ หรือ
สำหรับคำพูดโน้มน้าวของกัวจิ้ง หวันเหยียนคังตอบเพียงคำว่า “ไสหัวไป!”
สกิลที่ใช้หลบเลี่ยงคาถาปากได้อย่างนี้ หรือว่านี่จะเป็นวิชาตอแหลในตำนาน
กัวจิ้งยังคงใช้คาถาปากต่อไป…เอ่อ พูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลต่อไป แต่ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ กลับค้นพบแล้วว่าฝั่งนี้มีปลาตัวใหญ่ที่สู้กับคนอื่นไม่ไหว
เมื่อเจอ BOSS ที่อยู่ในโหมดบาดเจ็บสาหัส ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ
คำตอบ: ฆ่าให้ตาย! รีบฆ่าให้ตาย! ใครไปก่อนก็ได้ก่อน!
โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นหลายทีมที่ตอนนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดต่อสู้ ตอนนี้ทยอยกันล้อมเข้ามาแล้ว เตรียมจะฉวยโอกาสตอนที่ห้ายอดฝีมือถูกหวังชู่อีตรึงไว้ ชิงเอาศีรษะของหวันเหยียนคังมาไว้ในมือก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ถึงขนาดไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น
แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบเตรียมพร้อมอย่างแนบเนียนแล้วเช่นกัน นิ้วหัวแม้มือและนิ้วกลางข้างขวาของเขากักไว้ด้วยกัน ระหว่างสองนิ้วนั้นมีลูกดีดเหล็กขนาดเท่าลูกแก้วอยู่ลูกหนึ่ง
ส่วนมือซ้ายก็ไม่ได้ว่าง กำลังงอนิ้วนับอย่างรวดเร็วเหมือนซินแสกำลังตรวจดวงชะตา
เปิดใช้งานไท้ซัวเป็นไฉน!
ลูกพลับ[1]น่ะ ต้องเลือกผลนิ่มๆ มาบีบ!
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าพวกที่ฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์ต่างหาก ถึงจะนับว่าฉวยโอกาสตอนคนอื่นลำบาก แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่นับ เพราะสถานะด้านลบที่เกือบพิการของหวันเหยียนคังตอนนี้ ก็เป็นเขาที่โจมตีเองกับมือ
ดังนั้นจากมุมมองของเขา ศีรษะของหวันเหยียนคังควรจะเป็นของเขามากกว่า
วิชา ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ที่หวันเหยียนคังใช้ก่อนหน้านี้ดูเหมือนร้ายกาจไร้ที่เปรียบ หากเจ้าทำให้อีกฝ่ายดรอปสิ่งนี้ออกมาได้ ไม่ว่าจะเรียนเอง หรือนำไปแลกเป็นของอย่างอื่นก็คุ้มค่าทั้งนั้น
และการสังหารหวันเหยียนคังในโหมดธรรมดาคนนี้ อีกฝ่ายจะต้องดรอปวิชากรงเล็บนั่นแน่นอน!
เพื่อรับประกันไม่ให้แผนการชิงศีรษะผิดพลาด เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นอัปสุดยอดทักษะไม้ตายอย่าง ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ หนึ่งเลเวลก่อนที่จะลงมือต่อสู้
[ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ (ระดับสูง)]
หนึ่งในสุดยอดวิชาอันเลื่องชื่อของมารบูรพาหวงเย่าซือ
เลเวล: 6
ค่าประสบการณ์: 0/50000
โจมตี +300%
แม่นยำ +300%
กำลังภายในที่ใช้: 300 แต้ม
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เมื่อเทียบระหว่างวิทยายุทธ์เลเวลเดียวกัน ค่าสเตตัสก็ต่างกันสุดๆ
เป็นวิทยายุทธ์ขั้นสูงที่มีเพียงกระบวนท่าเดียวเหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพของ ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เลเวลหกนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘คนผีร่วมวิถี’ ที่อัปจนเลเวลเต็มแล้ว
อีกทั้งมันยังแข็งแกร่งขึ้นตามเลเวลที่สูงขึ้นด้วย!
คิดไปคิดมา หากไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชานี้มีเพียงกระบวนท่าเดียว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ให้สู้ตัวต่อตัวกับศัตรูได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถึงขั้นรู้สึกว่ามันมีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดวิชาของยุทธภพเลย!
ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงงอนิ้วคำนวณ หวันเหยียนคังก็รู้สึกขนลุกซู่ทันที
เขาลุกขึ้นจากพื้น คิดจะใช้แผนหลบหนี แต่กลับเจอทีมของผู้เล่นที่ดุร้ายราวกับเสือเข้ามาขวางหน้า
“สหายทั้งหลาย ฆ่าเขาซะ”
“พวกเราไม่ต้องโจมตี ทุกคนอาศัยความสามารถไปช่วงชิง ใครเก่งกว่าก็ถือเป็นของคนนั้น!”
“ดี!”
เมื่อผู้เล่นแต่ละทีมปรึกษากัน ก็ถือว่าตัดสินชะตาชีวิตของหวันเหยียนคังแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ต่างคนต่างหยิบอาวุธขึ้นมา แย่งกันเข้าไปล้อมโจมตีหวันเหยียนคัง
หวันเหยียนคัง เจ้าหนีไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราไล่ตามเจ้าเอง พอตามทันแล้ว พวกเราก็จะ…
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด
เดิมทีหวันเหยียนคังก็ถูกเขาโจมตีจนเกือบพิการไปแล้ว ขณะที่ระบบตัดสินว่าเขามีสิทธิพิเศษมากกว่า ตราบใดที่โจมตีหวันเหยียนคังเป็นคนสุดท้ายได้ ไอเทมดรอปพวกนั้นก็มีโอกาสเป็นของเขาร้อยเปอร์เซนต์ คนอื่นแย่งไปไม่ได้เลย
ด้วยพลังโจมตีจาก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เลเวลหกของเขา หากคิดจะแย่งผู้เล่นทั่วไปกลุ่มนี้โจมตีหวันเหยียนคังเป็นครั้งสุดท้าย ก็ไม่มีความยากลำบากอะไรเลย
ตอนที่เห็นหวันเหยียนคังจนตรอกไร้หนทาง เยี่ยเว่ยหมิงกลับพลันขมวดคิ้ว เพราะในระหว่างที่เขางอนิ้วคำนวณ จู่ๆ ก็มีโจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนกว่าเมื่อก่อนสิบเท่าโผล่มา!
ในขณะเดียวกันนี้เอง ทุกคนพลันเห็นเงาสีขาวแวบผ่านตรงหน้า จากนั้นผู้เล่นกลุ่มที่หมายจะล้อมสังหารหวันเหยียนคังก็ทยอยกันถูกโจมตีกระเด็นออกไปราวกับเปิดโหมดไร้เทียมทาน
หลังจากตกลงพื้น ค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของคนพวกนี้ก็กลายเป็นสีเขียวเข้มพร้อมกัน ยังไม่ทันรอให้พวกเขารู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ก็ทยอยกันตายเพราะถูกพิษ ไปรายงานตัวตรงจุดคืนชีพแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ค่อนข้างไกลแม้จะรอดหายนะนี้ไปได้ แต่กลับตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวที่กะทันหันของเจ้าหมอนี่แล้ว
[โอวหยางเค่อ]
ประมุขน้อยแห่งเขาอูฐขาว หัวหน้าของห้ายอดฝีมือในจวนอ๋องจ้าว
เลเวล: 75
พลังชีวิต: 215000/215000
กำลังภายใน: 80000/80000
……
เมื่อเห็นโอวหยางเค่อปรากฏตัวกะทันหัน เยี่ยเว่ยหมิงที่สองมือกำลังรวบรวมวิชา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ กับ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
การประลองยุทธ์เลือกคู่สังเวียน ในสายตาเขาเดิมทีเป็นเพียงกิจกรรมรูปแบบใหม่ของระบบเท่านั้น มาดูเอาสนุกเฉยๆ โดยคิดว่า ‘ดีกว่าอยู่ว่างๆ’ ยังได้เลย
ต่อให้เป็นหลังจากที่หวันเหยียนคังปรากฏตัวแล้ว ก็คิดว่าเป็นภารกิจเนื้อเรื่องขนาดเล็กที่น่าสนใจเท่านั้น มาเล่นขำๆ ก็พอ ดังนั้นเนื้อเรื่องที่หักมุมล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเขาคาดเดาได้ จึงไม่เคยคิดจะไปถามอินปู้คุยเลย
อย่างไรเสีย สองสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีกับน้ำใจมนุษย์ ขอเพียงยามปกติใช้น้อยๆ เมื่อถึงเวลาสำคัญถึงจะใช้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องนำปัญหาที่ตัวเองแก้ไขได้อย่างง่ายดายไปถามอินปู้คุยเสียทุกอย่าง
จนกระทั่งหวันเหยียนคังถูกเขาทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง แล้วห้ายอดฝีมือปรากฏตัว เขาถึงตระหนักได้ว่าความสำคัญของภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้เหมือนจะผิดไปจากที่เขาคาดไว้แล้ว
ทว่าเมื่อคิดจะถามอีกครั้ง ฉากใหญ่ของเนื้อเรื่องก็เปิดม่านอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งอาณาเขตกลายเป็นแผนที่พิเศษ พิราบสื่อสารของพวกเขาส่งออกไปไม่ได้แล้ว
เพียงแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะผ่านภารกิจครั้งนี้ไปได้อย่างราบรื่น ทั้งยังตักตวงผลประโยชน์จากภารกิจนี้ได้เต็มที่ด้วย
แต่เมื่อบอสที่เลเวลแบบหวังชู่อี โอวหยางเค่อปรากฏตัวออกมาคนแล้วคนเล่า ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ค้นพบอย่างจนใจว่า สถานการณ์ยิ่งไม่อยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว
อย่างไรเสีย ยิ่งเลเวล NPC ของทั้งสองฝั่งยิ่งสูง พื้นที่ที่เหลือไว้ให้ผู้เล่นควบคุมก็ยิ่งน้อย
ตอนนี้มี BOSS เลเวลเจ็ดสิบกว่ากระโดดออกมาแสดงตัวแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมี BOSS ใหญ่เลเวลร้อยกว่ากระโดดออกมาคุมทุกอย่างหรอกนะ
หากเป็นอย่างนี้จริงๆ ตอนอยู่ในสนามต่อสู้ นอกจากเขาจะแวะมาซื้อซีอิ๊ว[2]เหมือนผู้เล่นคนอื่นแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะทำอะไรได้มากกว่านี้
ตอนนี้เอง ตรงจุดที่อยู่ไม่ไกลจากข้างกายก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้น “เฮ้! เจ้ามือปราบหน้าด้านใจดำ สนใจร่วมงานกันไหม ไปปล้นทรัพย์ด้วยกันสักครั้ง”
เมื่อมองไปตามเสียง ก็พบว่าผู้พูดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวน้อยชุดแดงที่ตายเพราะแผนชั่วของเขาก่อนหน้านี้ หนึ่งดาบสามเฉือน!
ส่วนข้างหลังนาง ก็เป็นสองใบหน้าที่คุ้นเคย
คนหนึ่งคือคู่ต่อสู้คนแรกที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอในแข่งรอบน็อกเอาท์ ศิษย์พรรคกระยาจก เซียวเหยาถอนใจ
ส่วนอีกคนก็เป็นคนรู้จักเก่าของเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน จอมยุทธ์ไก่อ่อนแห่งอู่ตัง เสวียนเสี่ยวปี่
ไม่น่าเชื่อว่าตอนที่ผู้เล่นทุกคนกำลังตีมอนสเตอร์สะสมคะแนน หนึ่งดาบสามเฉือนก็หาผู้ล่นสองในแปดผู้แข็งแกร่งที่มีสุดยอดทักษะเจอในอึดใจเดียว แล้วตอนนี้ก็จะมาร่วมมือกับเยี่ยเว่ยหมิงและสะพานสวรรค์น้อยอีก
ดูท่าแล้ว สงสัยวันนี้น้องดาบคงเตรียมจะทำเรื่องยิ่งใหญ่!
[1] ลูกพลับนิ่ม 软柿子 เปรียบเปรยถึงคนอ่อนแอ รังแกง่าย
[2] แวะมาซื้อซีอิ๊ว 打酱油 หมายถึง คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง