ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 195 รางวัลภารกิจ หมวกขนนกอสูรโลหิต (อาวุธล้ำค่า)!
- Home
- ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ
- ตอนที่ 195 รางวัลภารกิจ หมวกขนนกอสูรโลหิต (อาวุธล้ำค่า)!
ตอนที่ 195 รางวัลภารกิจ หมวกขนนกอสูรโลหิต (อาวุธล้ำค่า)!
อะไรนะ
ให้ข้าตั้งชื่ออย่างนั้นหรือ
จะว่าไปแล้ว การตั้งชื่อให้หยางกั้วควรจะเป็นงานของกัวจิ้งไม่ใช่หรอกหรือ
ในกลยุทธ์ที่อินปู้คุยให้มาเขียนไว้ชัดเจนแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงอึ้งก่อน แต่ก็นึกได้ทันทีว่าฉินหนานฉินไม่รู้จักเลยว่ากัวจิ้งคือท่านไหน งานตั้งชื่อเหมือนให้ตัวเองทำจะเหมาะสมกว่ากระมัง
เช่นนั้น ในเมื่ออำนาจการตั้งชื่อตกมาอยู่ในมือตนอย่างไร้เหตุผลแล้ว หากตัวเองตั้งชื่อว่าอะไร พระเอกในอนาคตก็จะต้องชื่อนั้นด้วยหรือเปล่า
พอนึกถึงบทลงโทษภารกิจที่ต้องถูกฆ่าจนเลเวลเหลือศูนย์ รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขาดคุณธรรม
แน่นอน สีหน้าไร้คุณธรรมปรากฏบนใบหน้าเขาแวบเดียวเท่านั้น ชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาซื่อตรงไร้ความเห็นแก่ตัวเหมือนอย่างเคยอีกครั้ง เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หากพูดถึงชื่อเด็กคนนี้ ที่จริงก็ต้องเอ่ยถึงภูมิหลังอันซับซ้อนไม่ธรรมดาของหวันเหยียนคังสักหน่อย”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็หันตัวไปทางทิศใต้ เหลือให้อีกฝ่ายเห็นเพียงด้านข้างอันสูงใหญ่ “ที่จริงแล้ว เขาไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของหวันเหยียนหงเลี่ย ท่านอ๋องหกแคว้นจิน บิดาที่แท้จริงของเขาชื่อหยางเถี่ยซิน เป็นทายาทของแม่ทัพหยางไจ้ซิง แม่ทัพผู้โด่งดังที่ต่อต้านแคว้นจิน หากนับเช่นนี้ หวันเหยียนคังก็กล่าวได้ว่าเป็นทายาทของผู้จงรักภักดีเช่นกัน”
“เพียงแต่ในระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดสลับซับซ้อนมากจริงๆ เรื่องเป็นเช่นนั้น แล้วก็เป็นเช่นนี้…”
ขณะที่พูด เขาก็ส่ายหน้าทอดถอนใจ “น่าเสียดายที่หยางคังนั่นถูกชาวแคว้นจินเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ได้รับการสั่งสอนแนวคิดที่ถูกต้อง ทำให้มีความประพฤติไม่ซื่อตรงเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำเรื่องเสื่อมเสียมโนธรรมทั้งคนเทพร่วมประณามอย่างการข่มเหงสตรีได้!”
พอพูดถึงตรงนี้ เสียงของเยี่ยเว่ยหมิงก็เงียบลงกะทันหัน หันร่างอันสูงใหญ่กลับมาเผชิญหน้ากับฉินหนานฉิน “ดังนั้น หากเป็นเด็กผู้ชาย ข้าหวังว่าเขาจะเป็นคนที่ทำผิดแล้วรู้จักแก้ไข ดังนั้น เรียกเขาว่าหยางโก่วต้านก็แล้วกัน”
พอชะงักไปครู่เดียว ก็กล่าวเสริมอีกว่า “หากเป็นเด็กหญิง ข้าก็หวังว่านางจะได้รับความงามของเจ้ามา หน้าตางดงามราวกับดอกไม้ เช่นนั้นก็ชื่อหยางฮวาที่แปลว่าดอกไม้ดีกว่า เป็นอย่างไร”
มารดาเจ้าเถอะ! เจ้ามาไล่สังหารข้า แล้วยังจะพาทั้งครอบครัวมาไล่สังหารจนเลเวลข้าเหลือศูนย์อีกหรือ
ในเมื่อครั้งนี้ตกอยู่ในมือข้าแล้ว ทั้งชาตินี้เจ้าก็ชื่อหยางโก่วต้าน[1]ไปแล้วกัน!
คู่รักอัณฑะสุนัข แค่จินตนาการก็ได้อารมณ์แล้ว!
ก่อนที่ฉินหนานฉินจะพบกับหยางคัง นางเป็นเพียงผู้หญิงจับงูคหนึ่ง ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน ย่อมแยกไม่ออกอยู่แล้วว่าชื่อไหนดี หรือชื่อไหนแย่
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงมีท่าทางเด็ดเดี่ยวผึ่งผาย นางก็ถูกเขาหลอกตบตาทันที
หลังจากพยักหน้าแล้ว สตรีที่มีภูมิหลังน่าเวทนาคนนี้ก็เผยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวังเป็นครั้งแรก “เช่นนั้นก็เชื่อฟังพี่ใหญ่เยี่ย”
ขณะที่พูดก็เกลี่ยผมงามที่ถูกลมพัดมาบังแก้ม “หากเป็นเด็กชาย ก็ให้ชื่อว่ากั้วเอ๋อร์ เรียกเป็นชื่อเล่น หากเป็นเด็กหญิง ก็ให้ชื่อว่าหยางมี่ ขอบคุณพี่ใหญ่เยี่ยมาก ชื่อที่ท่านตั้งให้เพราะมากจริงๆ ข้าจะจำไว้”
หืม? หูเจ้าเป็นอะไรไป
“เจ้าฟังผิดแล้ว ชื่อที่ข้าตั้งให้คือหยางโก่วต้านกับหยางฮวา” เยี่ยเว่ยหมิงอดเตือนไม่ได้
ฉินหนานฉินยังคงยิ้มอย่างสดใส “หากในอนาคตเด็กคนนี้ถูกดูหมิ่น หรือรังแกเพราะชื่อนี้ ด้วยนิสัยของเขาคงยากที่จะไม่แค้นเคืองอยู่ในใจ รอให้เขาฝึกทักษะยุทธ์สำเร็จแล้ว ข้ากังวลว่าเขาจะทำเรื่องอะไรไม่ดี ทำเช่นนี้ไม่ดีต่อใครทั้งนั้น ท่านคิดว่าอย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงเอามือลูบจมูก นี่นางกำลังขู่ข้าหรือ
ตอนนี้ กลับได้ยินฉินหนานฉินพูดต่อว่า “หากเป็นลูกสาว ในอนาคตถูกดูหมิ่น หรือถูกรังแกเพราะชื่อนี้ รอให้พี่ชายหรือน้องชายของเขาฝึกทักษะยุทธ์สำเร็จ…”
“ฮ่าๆ…” รอยยิ้มบนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงพลันเปลี่ยนเป็นสดใสไร้ที่เปรียบ “เจ้าฟังไม่ผิดหรอก ข้าหมายความอย่างนั้น เด็กชายชื่อหยางกั้ว เด็กหญิงชื่อมี่เอ๋อร์ อ่อนหวานดี ฮ่าๆ ข้าช่างเป็นคนมีพรสวรรค์…”
นี่ข้ากำลังกลัวหรือ
ส่วนฉินหนานฉิน ในที่สุดตอนนี้ก็เผยรอยยิ้มอันพึงพอใจออกมาแล้ว “เช่นนั้น พี่ใหญ่เยี่ยผู้มีพรสวรรค์ พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ ของสองสิ่งนี้อาจไม่เพียงพอให้แสดงความเคารพ หวังว่าพี่ใหญ่เยี่ยจะไม่รังเกียจ”
[ติ๊ง คุณช่วยฉินหนานฉินให้รอดจากปากเสือได้อย่างราบรื่น ทำภารกิจลับ ‘ช่วยชีวิตฉินหนานฉิน’ สำเร็จ ได้รับรางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 200000 แต้ม ค่าตบะ 30000 แต้ม ฉินหนานฉินเป็นผู้แจกรางวัลเอง]
ค่าประสบการณ์ชุดใหญ่เข้ามาจู่โจมอีกแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงมองค่าประสบการณ์แวบหนึ่ง เหมือนใกล้จะได้อัปเลเวลอีกแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงรับของสองชิ้นมาจากมือฉินหนานฉินด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม พอลองมองดู กลับรู้สึกว่าตรงหน้าสว่างวาบ
เป็นอย่างที่คาดไว้ ภารกิจที่ต้องเผชิญหน้ากับคนโหดอย่างเหมยเชาเฟิง รางวัลที่ได้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ
[หมวกขนนกอสูรโลหิต (อาวุธล้ำค่า): หมวกที่ถักทอจากขนที่ร่วงจากตัวนกอสูรโลหิต มีกลิ่นหอมไม่ธรรมดา เป็นศัตรูของสัตว์ประเภทงู ต้านไฟ +300, ต้านพิษ +300 โจมตีมอนสเตอร์ประเภทงู +100%!]
หมวกขนนกอสูรโลหิตนี้มองเผินๆ ก็คือหมวกสีแดงเพลิงใบหนึ่ง นอกจากสวยแล้วก็เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ นึกไม่ถึงว่าค่าสเตตัสจะดุดันขนาดนี้!
พอรีบสวมหมวกใบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าพลังโจมตีของตัวเองเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างแล้ว
อืม แบบนี้เรียกว่ามีผลต่อสภาพจิตใจ
เพียงแต่ดูจากค่าสเตตัสของหมวกนี้แล้ว เขารู้สึกว่าผลต่อสภาพจิตใจแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ตอนนี้ยังไม่รู้รายละเอียดว่าจะใช้งานค่าสเตตัสต้านไฟอย่างไร คิดว่าในภายหลังคงมีสกิลโจมตีธาตุไฟโผล่มา
แต่พูดถึงแค่ตอนนี้เท่านั้น ยังมีผลต้านพิษที่สะดุดตากว่า
อย่างไรเสียในเกม ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ปัจจุบันก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้เล่นคนไหนใช้สกิลโจมตีธาตุไฟ ค่าสเตตัสนี้มีกลิ่นอายของ ‘เคล็ดวิชาฆ่ามังกร’ อยู่บ้างนิดหน่อย
แต่การต้านพิษนั้นต่างออกไป เมื่อเลเวลของผู้เล่นเพิ่มขึ้น ผู้เล่นสำนักถังเหมินที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้เรียนรู้ทักษะ ‘วิชาชุบพิษ’ แล้ว อาวุธลับส่วนใหญ่ที่โจมตีออกมาล้วนติดพิษมาด้วย
และเมื่อมีค่าสเตตัสต้านพิษสามร้อยแต้ม นอกจากร้อยพิษไม่กร้ำกรายแล้ว เกรงว่าอย่างน้อยก็ป้องกันการโจมตีธาตุพิษส่วนใหญ่ได้ด้วย
เพื่อทดสอบผลลัพธ์ เยี่ยเว่ยหมิงยังตั้งใจหยิบกระบี่ชิงจู๋ออกมากรีดบนแขนตัวเอง ผลปรากฏว่านอกจากหักค่าพลังชีวิตเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ ตอนถูกพิษเลย!
หมวกนี้ไม่เลวเลย!
ต่อไปนี้ก็จะได้ประหยัดเงินค่าถอนพิษแล้ว
แม้รูปลักษณ์ภายนอกของหมวกนี้จะดูโอ้อวดไม่สอดคล้องกับลักษณะซื่อตรงไร้ความเห็นแก่ตัว แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ถือสา
ถึงอย่างไรก็มีอุปกรณ์ภายนอกอย่างชุดขุนนางแล้ว ในสายตาคนอื่นคงเห็นเป็นหมวกขุนนางเหมือนของจ่านเจาเท่านั้นเอง
พอเก็บกระบี่ชิงจู๋ เยี่ยเว่ยหมิงก็ย้ายสายตาไปบนไอเทมอีกชิ้น
นี่คือไอเทมภารกิจชิ้นหนึ่ง
[จดหมายขอบคุณของฉินหนานฉิน: เพื่อขอบคุณที่คุณช่วยชีวิต ฉินหนานฉินบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบ เรื่องที่คุณล้างแค้นแทนนาง ช่วยให้นางรอดพ้นเงื้อมมือมารลงในจดหมายทั้งหมดเพื่อแสดงการขอบคุณ]
นี่ถือเป็นหลักฐานหรือเปล่า
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเก็บจดหมาย ก็มาถึง ‘หมู่บ้านนั้น’ ตรงตีนเขาที่ฉินหนานฉินเพิ่งบอกลากับเขาอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเขายังอยากตักตวงผลประโยชน์จากตัว NPC ที่ดูไม่ร่ำรวยอะไร แค่คิดจะถือโอกาสแวะผ่านทางเท่านั้น
แม้ฉินหนานฉินต้องการจะหาเขตที่พักเพื่อพักอาศัยก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาแผนชีวิตขั้นถัดไป
แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังต้องหาจุดพักม้าเพื่อนั่งรถม้าอยู่ดี
เพียงแต่ก่อนจะนั่งรถม้า เขาต้องหาสถานที่เติมท้องให้อิ่มก่อน
ถึงอย่างไร เขาก็หิวมาตั้งแต่ตอนบังเอิญพบหงชีกงตรงตีนเขาผิงกู่แล้ว เนื้อย่างสามชิ้นบนตัวก็ให้หงชีกงไปหมดเพื่อแลกเป็นตำราลับ ‘มังกรซ่อนกบดาน’
จากนั้นก็ทำศึกใหญ่กับซาทงเทียน แล้วก็ไปทำภารกิจที่หมู่บ้านรั่วหวา เขาไม่ได้เจียดเวลามากินอาหารสักคำเลย หลังจากช่วยชีวิตฉินหนานฉินแล้ว เขาก็วิ่งอย่างบ้าระห่ำตลอดทาง เขาหิวโหยจนหน้าท้องแบนแนบติดแผ่นหลังมาตั้งนานแล้ว
มองระดับความหิวแวบหนึ่ง พบว่าเหลือเพียงอีกสองชั่วยามก็จะหิวตายแล้ว!
แก้ไขวิกฤติที่จะถูกบอสเลเวลร้อยแปดสิบไล่ฆ่าได้แล้ว ทั้งยังได้รางวัลภารกิจที่ไม่เลวเลย เยี่ยเว่ยหมิงเองก็อารมณ์ดีสุดๆ เช่นกัน
เดิมทีอยากจะเชิญฉินหนานฉินมาร่วมรับประทานอาหารค่ำ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างเหี้ยมโหด เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงมาที่ภัตตาคารฝูกุ้ยเพียงแห่งเดียวของ ‘หมู่บ้านนั้น’ คนเดียว สั่งข้าวสวยชามใหญ่และกับข้าวที่ขึ้นชื่ออีกสองอย่างมากินคนเดียว
ในระหว่างนั้น เขาก็ส่งพิราบสื่อสารไปหาเฟยอวี๋กับซานเย่ว์เพื่อถามสถานการณ์ ข่าวส่งกลับมาเร็วมาก
[เหตุการณ์ในยุทธภพปกติทุกอย่าง สำนักหัวซานยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่กลับมีข่าวลือว่าเย่ว์ปู้ฉวินเริ่มเก็บตัวฝึกวิชาแล้ว เตรียมจะให้หนิงจงเจ๋อ ฮูหยินของเขา ลิ่งหูชง[2]ศิษย์ใหญ่สำนักหัวซานไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอวี๋ชางไห่แทน…
…ส่วนฝั่งสำนักซงซานกลับค่อนข้างอึกทึกคึกโครม ผู้เล่นกลุ่มใหญ่ของสำนักซงซานกำลังรวบรวมหลักฐานที่อวี๋ชางไห่สมคบกับพรรคฝ่ายมาร…
…ตอนนี้ NPC ตามเมืองใหญ่ๆ ที่คอยคัดลอกอักษรคงงานยุ่งแย่แล้วกระมัง!]…เฟยอวี๋
[สถานการณ์ทางฝั่งข้าปกติทุกอย่าง แต่ร้านที่ชื่อว่าภัตตาคารจานด่วนชีชีตรงตีนเขาชิงเฉิงค่อนข้างแปลก เถ้าแก่ของพวกเขาคงจะเป็นชีชี ผู้เล่นสำนักชิงเฉิงที่เนี่ยนเสียวเหนี่ยนเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ ข้าเคยเจอเขาครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองมองเขาไม่ออก]…ซานเย่ว์
พอได้ยินซานเย่ว์บอกว่าเคยเจอชีชีของสำนักชิงเฉิง สีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มหยอกล้อออกมา
[ยืนยันได้หรือเปล่าว่าชีชีนั่นจะปรากฏตัวในร้านเมื่อไร ข้าอยากไปพบเขาด้วยตัวเองสักหน่อย!]…เยี่ยเว่ยหมิง
พอส่งข่าวออกไป พนักงานร้านก็ยกอาหารร้อนระอุมาวางบนโต๊ะตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว “ยินดีต้อนรับลูกค้าสู่ภัตตาคารฝูกุ้ยที่เปิดโดยหวังฝูกุ้ย ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านนี้ นี่เป็นเนื้อผัดฝูกุ้ยกับไก่ผัดฝูกุ้ย อาหารที่พ่อครัวใหญ่หวังฝูกุ้ยทำได้ดีที่สุด หวังว่าท่านจะโปรดปราน ผู้น้อยหวังฝูกุ้ย เป็นพนักงานร้านของร้านนี้ หากท่านพอใจกับการบริการของข้า ครั้งหน้าอย่าลืมมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงงทันที “ร้านของเจ้ามีเจ้าเพียงคนเดียวหรือ”
“ไม่ใช่แน่นอน” เห็นได้ชัดว่าพนักงานร้านคนนี้คุยเก่ง เจ้าตัวอธิบายอย่างมีความอดทน “เถ้าแก่ ผู้จัดการร้าน พ่อครัวใหญ่รวมถึงพนักงานเล็กๆ อย่างข้าล้วนไม่ใช่คนเดียวกัน พวกเราเพียงชื่อหวังฝูกุ้ยเหมือนกันก็เท่านั้นเอง”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วหลุดขำ “อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น”
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” พนักงานยิ้มแห้ง “เป็นเพราะที่หมู่บ้านนี้ของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง หรือเด็กกับคนชรา ทุกคนชื่อหวังฝูกุ้ยหมด”
ทุกคนในหมู่บ้านเจ้าเป็นปีศาจกันหมดเลยหรือ
หมู่บ้านชื่อว่า ‘หมู่บ้านนั้น’ แถม NPC ทุกคนในหมู่บ้านยังชื่อหวังฝูกุ้ยอีก
มักง่ายขนาดนี้เชียวหรือ
จะว่าไปแล้ว ผู้ออกแบบเกมที่ออกแบบหมู่บ้านมือใหม่แห่งนี้ต้องแอบอู้งานขนาดไหนกันแน่
สำหรับ ‘หมู่บ้านนั้น’ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกหมดแรงจะบ่นแล้ว
[1] โก่วต้าน 狗蛋 แปลว่าลูกอัณฑะสุนัข
[2] ลิ่งหูชง 令狐冲 หรือเล่งฮู้ชง เป็นตัวเอกของ เรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร