ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน
ตอนที่ 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน
พอจบบทสนทนาในช่องทีมแล้ว สายตาของทุกคนก็มองไปบนไอเทมอย่างอื่นที่ดรอปจากอาซานอีก เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะไม่ลังเลใดๆ เก็บ ‘ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก’ ขวดนั้นเข้าในสัมภาระทันที “ของที่เหลือพวกเจ้าแบ่งกันเถอะ ข้าต้องการแค่ยาขวดนี้”
เมื่อเห็น ‘ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก’ ถูกเยี่ยเว่ยหมิงหยิบไป ฉางซิงอวี่ก็รู้สึกลังเลและผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้แล้ว เขาจึงไม่ได้พูดมาก ถึงขั้นไม่ได้แสดงความผิดหวังที่อยู่ในใจออกมาด้วย เขาเตะบนศพของเฉียนเอ้อไป้ที่อยู่ข้างๆ แทน
ด้วยการนำของฉางซิงอวี่ ทุกคนจึงคลำศพของแปดพี่น้องคนละท้องรอบหนึ่ง ได้อุปกรณ์ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ไปนิดหน่อย
ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจำนวนนั้นก็ยังเป็นตำราลับทักษะยุทธ์แปดเล่ม
[ธนูเทพทุ่งหญ้า (ระดับกลาง)]
ตำราลับทักษะธนูที่วีรบุรุษทุ่งหญ้าเจ๋อเปี๋ยทิ้งไว้ เป็นเพียงหนึ่งในแปดส่วนของตำราลับฉบับสมบูรณ์ เงื่อนไขการฝึก:…
นักธนูทุกคนดรอปตำราลับแบบนี้คนละหนึ่งเล่ม หลังจากรวบรวมตำราลับทั้งหมดแล้ว ก็รวมทั้งหมดให้เป็นตำราลับวิชาธนูระดับสูงหนึ่งเล่ม
[ธนูเทพเจ๋อเปี๋ย (ระดับสูง)]
ตำราลับทักษะธนูที่วีรบุรุษทุ่งหญ้าเจ๋อเปี๋ยทิ้งไว้
เงื่อนไขการฝึก:
พละกำลัง 200
ความว่องไว 100
……
ตำราลับเล่มนี้เป็นของดีจริงๆ ดูจากทักษะที่แปดคนนั้นแสดงออกมาก็รู้แล้ว มีประสิทธิภาพน่าทึ่งแน่นอน ทั้งยังไม่จำกัดเงื่อนไขค่าสเตตัสพื้นฐานอย่างค่าสติปัญญากับค่าตระหนักรู้ด้วย
แต่ติดที่ผู้เล่นที่ฝึกทักษะธนูมีไม่เยอะ ดังนั้นราคาจึงไม่สูงมาก สุดท้ายฉางซิงอวี่ก็ใช้เงินหนึ่งพันเหรียญทองประมูลซื้อไปแล้ว
ส่วนของอย่างอื่น ทุกคนก็มีความจำเป็นต้องใช้แตกต่างกันไป ส่วนของที่ทุกคนไม่ต้องการ เยี่ยเว่ยหมิงก็เสนอให้มอบให้ฉางซิงอวี่นำไปขาย จากนั้นทุกคนก็มานั่งแบ่งเงินกัน
หลังจากได้ยินคำแนะนำนี้ ฉางซิงอวี่ก็เพียงมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่งด้วยสายตาล้ำลึก แล้วก็ตอบรับไปตามสถานการณ์
เขารู้สึกว่าเยี่ยเว่ยหมิงคนนี้รู้แน่นอนว่าระหว่างเขากับชีชียังไปมาหาสู่กันเรื่องธุรกิจ!
หลังจากแบ่งของเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็นำโลงไม้หวงฮว่าใบหนึ่งมาบรรจุศพของอาซาน จากนั้นก็ใช้เสื่อห่อศพแปดพี่น้องฝาแฝดต่างบิดามารดา เก็บตำราลับตระหนักรู้กองใหญ่ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาที่เงียบๆ ดู
สาเหตุที่ครั้งนี้ใช้สินค้าระดับต่ำมาเก็บศพอาซาน ไม่ใช่เพราะเยี่ยเว่ยหมิงตระหนี่ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เตรียมไว้ไม่เพียงพอ
ก่อนออกเดินทาง เยี่ยเว่ยหมิงซื้อโลงไม้หนานมู่ไว้เพียงสองใบ ในจำนวนนั้นใบหนึ่งใช้บรรจุศพฟ่านเหยาไปแล้ว ส่วนอีกใบเตรียมไว้ใช้กับหยวนเจิน
คนที่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อะไรอย่างอาซาน ทำได้เพียงลดระดับการปฏิบัติกับเขา
อย่างไรเสีย เหล็กที่ดีก็ต้องเอาไว้ใช้กับคมดาบ
ส่วนนักธนูแปดคนนั้น เดิมทีพวกเขาก็เป็นสินค้าระดับต่ำอยู่แล้ว…
ทุกคนต่างใช้ท่าร่างของตัวเองวิ่งไปทางวัดร้างโหย่วเจียนด้วยอารมณ์ชื่นมื่น
ไม่วิ่งไม่ได้หรอก
อย่างไรเสีย ภารกิจสังหารหยวนเจินก็มีเวลาจำกัดเช่นกัน
ส่วนกล่องเหล็กที่ใส่จดหมายภารกิจ ก็ย่อมต้องให้ผู้ที่มีความสามารถสูงสุดอย่างเยี่ยเว่ยหมิงดูแลรักษาไว้
พวกเขาไม่กังวลว่าจะถูก BOSS จู่โจมอีก ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ภารกิจระดับหกดาว มีอาซานบวกกับแปดพี่น้องฝาแฝดโผล่มาก็ถือว่าทำเกินไปแล้ว พวกเขาไม่คิดว่าจะมีศัตรูแบบนี้โผล่มาอีกเป็นครั้งที่สอง
ถ้ามีอีก เช่นนั้นก็แสดงว่าประเมินภารกิจระดับหกดาวต่ำไปแล้ว
แต่ละคนในทีมใช้วิชาตัวเบาแตกต่างกัน เวลาวิ่งขึ้นมาก็งดงามอัศจรรย์แตกต่างกันไป ส่วนรายละเอียดว่างดงามอย่างไร ก็ไม่ต้องเปลืองตัวอักษรบรรยายแล้ว ทุกคนรู้เพียงว่าเยี่ยเว่ยหมิงวิ่งได้เร็วที่สุดก็พอ
พวกเขาไม่พูดไม่จาตลอดทาง ผ่านตลาดเข้าเมืองไปโดยตรง ในที่สุดก็มาถึงวัดร้างโหย่วเจียน ที่อยู่ของหลวงจีนหยวนเจินแล้ว
นอกประตูวัด ถังซานไฉ่เหมือนปรับอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว เข้ามาทักทายเพื่อนในทีมก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากทักทายกันไปสองสามคำ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งตำราลับ ‘ดรรชนีวชิระทรงพลัง’ ให้ถังซานไฉ่ ส่วนอีกฝ่ายก็ใช้กำปั้นทุบบนบ่าเขาแรงๆ หนึ่งที แล้วบอกว่า “ภารกิจของข้าล้มเหลวแล้ว แต่พวกเจ้าน่าจะยังรับรางวัลภารกิจได้อยู่ อีกประเดี๋ยวถ้ามีการต่อสู้กัน ข้าจะให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าแมลงสาบน้อยฆ่าไม่ตาย!”
ทุกคนได้ยินแล้วนึกว่าเขาแค่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เดินนำเข้าไปในวัดร้างโหย่วเจียน
หยวนเจินก็ยังก็ยังเป็นหยวนเจินคนเดิม
ศีรษะล้านกลมๆ ดูแล้วเหมือนเป็นคนดีจริงๆ
พอเห็นพวกเขา หยวนเจินก็ประนมมือและทักทายด้วยรอยยิ้มมีเมตตา “อามิตาภพุทธ!ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยทุกท่านที่ลงมือทวงความยุติธรรม กำจัดมือสังหารชั่วร้ายที่มีเจตนาไม่ดีแทนอาตมา ให้อาตมาขอบคุณจอมยุทธ์น้อยทุกท่านแทนสหายร่วมเส้นทางนับไม่ถ้วนแห่งยุทธภพภาคกลางเป็นอย่างไร”
สำหรับคำสรรเสริญเยินยอของหยวนเจิน ทุกคนแสยะยิ้มในใจพร้อมกัน
เจ้ากลายเป็นตัวแทนของ ‘สหายร่วมเส้นทางยุทธภพ’ เหล่านั้นแล้ว เจ้าเคยถามความเห็นของพวกเขาหรือยังเถอะ
เยี่ยเว่ยหมิงแขวะในใจ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำตัวสบายๆ ต่อไป กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นสิ่งที่พวกเราสมควรทำอยู่แล้ว ก็เหมือนกับที่พวกเราทำภารกิจสำเร็จ แล้วท่านก็ควรมอบรางวัลภารกิจให้พวกเรา”
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว” หยวนเจินยิ้มบางๆ แล้วถามอย่างใจเย็น “จอมยุทธ์น้อยทุกท่าน อยากได้เคล็ดวิชาอะไรกันบ้าง”
ปากก็เรียกว่าจอมยุทธ์น้อยทุกท่าน แต่เขากลับจ้องเยี่ยเว่ยหมิงไม่ละสายตา เห็นได้ชัดว่าอยากให้เยี่ยเว่ยหมิงรับรางวัลภารกิจก่อน
เมื่อได้ยินคำถาม เยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดตามองคอลัมน์สกิลของตัวเอง แล้วบอกว่า “แม้บนตัวข้าจะมีวิชามากมาย แต่ระดับต่ำกว่าเจ็ดทั้งนั้น เหมือนจะเหลือเพียงตัวเลือกเดียว”
เยี่ยเว่ยหมิงเงียบไปครู่เดียว แล้วบอกว่า “ข้าต้องการอัปเลเวลไท้ซัวเป็นไฉน”
หยวนเจินได้ยินแล้วยิ้มมากกว่าเดิม “ข้าไม่รู้วิชานี้”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มค้าง “ไต้ซือหยวนเจิน ท่านไม่ได้จะเบี้ยวรางวัลภารกิจข้าหรอกใช่ไหม”
“จอมยุทธ์น้อยเข้าใจผิดแล้ว” หยวนเจินส่ายหน้าอธิบายอย่างใจเย็นมาก “ที่จริงทักษะยุทธ์ในใต้หล้าเส้นทางแตกต่างแต่เป้าหมายเดียวกัน แม้กระบวนท่าแตกต่าง แต่กลับเข้าใจกฎเกณฑ์วิทยายุทธ์ที่แฝงอยู่ในนั้น ดังนั้นมีทักษะยุทธ์มากมายที่แม้อาตมาจะใช้ไม่เป็น แต่ก็ยังพอชี้แนะให้จอมยุทธ์น้อยได้บ้าง…
…แต่ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ นั่นกลับเป็นเคล็ดวิชาพิเศษที่สืบทอดเฉพาะสำนักไท่ซาน แตกต่างกับวิถีของวิทยายุทธ์มาก จัดเป็นหนึ่งในทักษะยุทธ์ไม่กี่อย่างที่อาตมาชี้แนะไม่ได้”
ถ้าแปลเป็นภาษาที่ให้เข้าใจง่ายก็คือ ‘เคล็ดวิชา’ ที่อยู่ในรายการรางวัลภารกิจนี้ไม่นับรวม ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’
รู้ว่านี่เป็นข้อจำกัดจากกติการะบบ เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่พัวพันกับคำถามนี้ เปลี่ยนเป็นวิชาอื่นทันที “เช่นนั้นเปลี่ยนเป็น ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ก็แล้วกัน”
หยวนเจินกลับส่ายหน้าอีกครั้ง “เลเวล ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของจอมยุทธ์น้อยสูงเกินไป ไม่สอดคล้องกับกติกา ถึงอย่างไรรางวัลภารกิจก็เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ดเท่านั้น ในจำนวนนั้นไม่รวมเคล็ดวิชาที่เลเวลเจ็ด”
เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้ว ตอนที่กำลังจะโวยวาย เขาก็คาดเดาแผนการของอีกฝ่ายได้ทันที จึงส่งข้อความในช่องทีมว่า [มารดามันเถอะ!หยวนเจินคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ]
เพื่อนร่วมทีมไม่เข้าใจ เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายต่อ “ข้าเดาว่าเป็นเพราะเขาอยู่ในฐานะ NPC ระดับสูงที่คอยแจกรางวัล จึงมองเห็นเลเวลทักษะของพวกเราทุกคนได้ ต่อให้เขาไม่รู้ละเอียดว่าพวกเราฝึกวิทยายุทธ์อะไร แต่ต้องมองออกแน่นอนว่าบนตัวพวกเราไม่มีเคล็ดวิชาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขการฝึก”
เขาชะงักนิดหน่อย แล้วกล่าวเสริมว่า [ในฐานะที่เป็นเป้าหมายโจมตีสังหารของภารกิจที่ฟ่านเหยาแจก เขาก็น่าจะรู้เช่นกันว่าอีกประเดี๋ยวพวกเราก็จะลงดาบกับเขา ก็เหมือนกับฟ่านเหยาพี่รู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเราต้องการสังหารเขา]
ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้า แต่ก็ไม่เข้าใจว่าสองรื่องนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงคุยกับพวกเขาอย่างไร
ยังดีที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้คิดจะอุบไว้ บอกตรงๆ เลยว่า [เขารู้อยู่แก่ใจว่าบนตัวข้าไม่มีเคล็ดวิชาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขการฝึก ถึงได้จงใจถามข้าก่อนว่าข้าอยากเพิ่มเลเวลของเคล็ดวิชาไหน เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือ อยากให้ค่าใช้วิธีการนี้ยั่วโมโหเขา ทำให้พวกเราเริ่มภารกิจ ‘โจมตีเฉิงคุน’ ล่วงหน้า…
…เพราะถ้าข้าอดทนไม่ไหวแล้วพูดจาร้ายๆ กับเขา เขาก็จะถือโอกาสกระตุ้นให้ความขัดแย้งพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งได้…
…และถ้าการต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อไร ฐานะของเขาก็จะเปลี่ยนจาก NPC ผู้แจกภารกิจไปเป็น BOSS ที่พวกเราต้องต่อสู้ด้วย…
…ส่วนรางวัลภารกิจที่ต้องได้ก่อนหน้านี้ ก็จะถูกระบบตัดสินว่าพวกเราเป็นฝ่ายเลือกไม่รับเอง พอเป็นเช่นนี้ เขาก็จะยกเลิกรางวัลภารกิจทั้งหมดของพวกเราได้อย่างชอบธรรมแล้ว!]
[ต่ำช้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ] สะพานสวรรค์น้อยถลึงดวงตาคู่สวยของนาง ถามอย่างเหลือเชื่อนิดหน่อยว่า [เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร]
ตอนนี้กลับเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังก้าวหนึ่งพร้อมส่งข้อความในช่องทีม [พวกเจ้ารับรางวัลไปก่อน รอให้พวกเรารับรางวัลเรียบร้อยแล้ว ค่อยเจรจากับเขาอีกทีก็ได้]
[อ้อ ใช่ รางวัลของภารกิจนี้ก็คือจะเพิ่มเลเวลของทักษะยุทธ์ใดก็ได้ที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ด เพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ดังนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีแต้มค่าตบะมากพอ ทางที่ดีพวกเจ้าเพิ่มทักษะยุทธ์ให้ถึงเลเวลหกก่อน ทำให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด]
[คิดจะฮุบรางวัลภารกิจของพวกเราหรือ ฝันไปเถอะ!]
เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังหนึ่งก้าว หาจุดที่เหมาะสมที่สุดให้สหายร่วมทีมของตัวเองยืนเจรจา แล้วก็ยังไม่ลืมถลึงตาจ้องหลวงจีนน่ารังเกียจคนนี้อย่างดุร้าย
หยวนเจินก็ยังคงเป็นหยวนเจินคนเดิม ศีรษะล้านกลม หน้าตาไม่เหมือนคนดี!
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงหาเคล็ดวิชาที่เหมาะสมสำหรับเพิ่มเลเวลไม่เจอ ไม่น่าเชื่อว่าจะถอยไปด้านข้าง แล้วให้คนอื่นเลือกรางวัลภารกิจก่อน หยวนเจินเองก็แค้นจนกัดฟันกรอดแล้วเช่นกัน
ถ้ามีทางเลือก เขาย่อมไม่อยากช่วยพวกผู้เล่นที่กำลังจะแปรพักตร์ลงมือสังหารเขาเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์อยู่แล้ว แบบนั้นจะทำให้อีกฝ่ายมีความมั่นใจมากขึ้นตอนสังหารเขา
แต่ช่วยไม่ได้ เพราะกติกาที่ระบบกำหนดไว้ สำหรับ NPC อย่างพวกเขา กลับเป็นกฎเหล็กที่ไม่อาจแตะต้องได้
อย่าว่าแต่หยวนเจิน ต่อให้เป็นบอสใหญ่เลเวลสองร้อย ก็ต้องเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ระบบกำหนดให้อยู่ดี
แต่สำหรับผู้เล่นที่ทำภารกิจและรับรางวัลแล้ว นี่ก็คือหนึ่งในกฎเหล็กพื้นฐานไม่กี่ข้อของระบบเท่านั้น หยวนเจินแม้จะไม่เต็มใจ แต่ภายใต้การควบของคุมระบบ เขาก็ยังต้องให้รางวัลภารกิจคนพวกนี้ตามสัญญา
จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ถอยไปด้านข้างทันที เรียกโลงไม้หนานมู่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อหยวนเจินออกมา แล้วก็หย่อนก้นนั่งลงบนนั้น นำ ‘ถอดรหัสดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เล่มหนึ่งขึ้นมาเริ่มอ่านอย่างได้อรรถรส
Ink Stone_Fantasy
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Fantasy
ทางทีมงานได้แก้ไขเนื้อหาตอนที่ซ้ำกันใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับ