ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 247 เขามาแล้ว!
แม้จะมีภารกิจ ‘ส่งจดหมายให้คุนหลุน’ ติดตัว เป็นไปได้ว่าจะมีศัตรูบางคนกระโดดออกมาไล่สังหารพวกเขาและแย่งชิงไอเทมภารกิจได้ทุกเมื่อ
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่กังวลปัญหาด้านความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทีมเลยสักนิด
เป็นเพราะกล่องเหล็กที่ใช้ใส่จดหมายฉบับนั้นอยู่ในมือเขา
อีกทั้งด้วยค่าสเตตัสอันยอดเยี่ยมของตัวเอง ประกอบกับท่าร่างที่แม้ภายนอกจะดูไม่ดีแต่ความจริงเร็วมาก เยี่ยเว่ยหมิงก็มั่นใจว่าไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูคนไหนก็ล้วนถอนตัวหนีออกมาได้หมด
อย่างไรเสียก็เป็นเพียงภารกิจระดับหกดาวเท่านั้น ระบบอาจจะส่งเฉิงคุนที่อยู่ในร่างสมบูรณ์โหมดปกติออกมาหาเรื่องเขาก็ได้
หาซุ้มน้ำชาแห่งหนึ่งในเมืองนั่งดื่ม หลังจากสั่งน้ำชาถ้วยใหญ่และติ่มซำไม่กี่อย่าง เยี่ยเว่ยหมิงก็นำ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ที่ได้จากเฉิงคุนมาเปิดอ่านอย่างได้อรรถรส
[ตระหนักรู้กำลังภายใน]
บันทึกกำลังภายในของเฉิงคุน ฉายาหัตถ์อัสนีบาตจักรวาล ใช้กำลังภายในที่กำหนด จะได้เพิ่มค่าประสบการณ์ 98000 แต้ม!
……
ตำราตระหนักรู้เล่มนี้ เดิมทีควรจะมีค่าประสบการณ์เจ็ดหมื่นแต้ม แต่ด้วยการเสริมของโลงไม้หนานมู่ มันเปลี่ยนเป็นเก้าหมื่นแปดพันแล้ว
แม้ด้านราคาจะแพงไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ก็ดีจริงๆ!
หลังจากนั้นสิบห้านาที…
[ติ๊ง! คุณอ่านศึกษา ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ จนเกิดความตระหนักรู้ ได้รับค่าประสบการณ์กำลังภายใน 147000 แต้ม! กรุณาเลือกใช้กำลังภายในที่กำหนด]
ไม่มีความลังเลใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มมันไปบน ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ทันที
อิงตามการใช้งานตำราลับตระหนักรู้ วิทยายุทธ์ที่ NPC ฝึก กับวิทยายุทธ์ที่เพิ่มค่าประสบการณ์เหมือนกัน ผลตอบแทนที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ 50% เยี่ยเว่ยหมิงได้ค่าประสบการณ์ของ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ เพิ่มขึ้น 220500 แต้ม!
ขาดค่าประสบการณ์เพียง 35500 แต้มก็จะได้เพิ่มเป็นเลเวลเก้าแล้ว!
เพื่อใช้ทรัพยากรที่จำกัดให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่ใช้ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ที่ได้จากฟ่านเหยาอีก แต่ใช้แต้มค่าตบะอัปเลเวล ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ให้ถึงเลเวลเก้า
[เคล็ดวิชาจักรวาล (ระดับสูง)]
เลเวล: 9
ค่าประสบการณ์: 0/1000000
พลังชีวิต +1800
กำลังภายใน +4500
ความแข็งแกร่ง +270
พละกำลัง +270
ท่าร่าง +270
ความว่องไว +270
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: ชำระปราณ
……
ตอนนี้เตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย เหลือแค่รอเฟยอวี๋
เพียงแต่ในช่วงที่กำลังรอคน เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่คิดจะปล่อยให้เวลาสูญเปล่า
เขานำ ‘ตระนักรู้กำลังภายใน’ ที่ได้จากฟ่านเหยาออกมาอีก แล้วเริ่มอ่านด้วยความตั้งใจ
[ตระนักรู้กำลังภายใน] บันทึกกำลังภายในของฟ่านเหยา ทูตขวาพรรคจรัส ใช้กำลังภายในวิชาใดก็ได้หนึ่งวิชา จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 70000 แต้ม!
หลังจากนั้นสิบห้านาที…
[ติ๊ง! คุณตั้งใจอ่านศึกษา ‘ตระนักรู้กำลังภายใน’ จนเกิดความตระหนักรู้ ได้รับค่าประสบการณ์กำลังภายใน 105000 แต้ม! กรุณาเลือกใช้กำลังภายในที่กำหนด
เยี่ยเว่ยหมิงนำค่าประสบการณ์นี้แตะไปบน ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ เบาๆ จากนั้นก็เพิ่มค่าตบะส่วนที่ขาดเข้าไปอีก ทำให้ ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ เพิ่มเป็นเลเวลเก้าแล้ว ค่าสเตตัสของมันก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเช่นกัน
[คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น (ระดับกลาง)]
เลเวล: 9
ค่าประสบการณ์: 0/1000000
…
พลังชีวิตสูงสุด +2700
กำลังภายใน +2700
ความแข็งแกร่ง +180
พละกำลัง +180
ท่าร่าง +180
ความว่องไว +180
ค่าสติปัญญา +18
ค่าตระหนักรู้ +9
……
เปรียบเทียบค่าสเตตัสของกำลังภายในสองวิชาก็รู้ล่วงหน้าได้เลย ไม่มีอะไรต้องพูดมากแล้ว
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ การเปลี่ยนแปลงของค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้สำหรับอัปเลเวลกำลังภายในสองวิชานี้!
ถ้าอยากเพิ่มเลเวลกำลังภายในสองวิชานี้ให้ถึงเลเวลสิบ ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องใช้ค่าประสบการณ์มากถึงวิชาละหนึ่งล้านแต้ม!
ไม่รู้ว่าหลังจากตัวเองเพิ่มเลเวลให้สองวิชานี้จนถึงระดับสมบูรณ์แล้ว จะได้เจอความประหลาดใจอะไรเป็นพิเศษอีกหรือเปล่า
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าแล้วดื่มน้ำชาคำหนึ่ง กินติ่มซำอีกหนึ่งชิ้น รู้สึกว่ามันแห้งไปหน่อย จึงดื่มน้ำชาตามให้คล่องคออีกหนึ่งคำ เสร็จแล้วถึงได้หยิบตำราลับเล่มสุดท้ายที่ได้จากฟ่านเหยาออกมา
[ตระหนักรู้เคล็ดฝ่ามือ] บันทึกเคล็ดฝ่ามือของฟ่านเหยาทูตขวาพรรคจรัส ใช้งานเคล็ดฝ่ามือใดก็ได้ที่กำหนด จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 70000 แต้ม!
หลังจากอ่านแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดฝ่ามือ 105000 แต้ม!
เขาลองเพิ่มค่าประสบการณ์ไปบน ‘มังกรซ่อนกบดาน’ แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร หลังจากผ่านไปสิบวินาที ก็เพิ่มไปบน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ผ่านการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน
ส่วน ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ ของเฉิงคุน หลังจากอ่านแล้วได้ค่าประสบการณ์ 147000 แต้ม ครั้งนี้ถูกเพิ่มไปบน ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ทำให้ค่าประสบการณ์ของเคล็ดวิชานี้เพิ่ม 36750 แต้ม
สุดท้ายเป็น ‘ตระหนักรู้วิชาดรรชนี’ ของเฉิงคุน ทำให้ค่าประสบการณ์ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มอีก 147000 แต้ม
จนกระทั่งตอนนี้ ตำราลับตระหนักรู้ของ BOSS ถูกใช้ไปหมดแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกำลังเตรียมจะนำ ‘ตระหนักรู้วิชาธนู’ แปดเล่มที่ได้จากแปดพี่น้องฝาแฝดต่างบิดามารดาออกมาเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน แต่กลับถูกขัดจังหวะด้วยพิราบสื่อสารสองตัวที่มาเยือนโดยไม่ได้คาดคิด
[บัดซบ! ที่มันเรื่องอะไรกันแน่ หยวนเจินกับเฉิงคุนเป็นคนเดียวกันไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าถึงสังหารสองคนต่อเนื่องกันได้ อย่าบอกนะว่าเกมนี้ตั้งค่าให้สองคนนี้เป็นคนละคนกัน]…อินปู้คุย
มีแต่คำถามเต็มไปหมด ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของอีกฝ่ายแล้ว
อินปู้คุยในฐานะแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิมที่คุ้นเคยกับเนื้อเรื่อง การเข้าใจต้นฉบับคือข้อได้เปรียบที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่น ถ้าผู้ออกแบบเกมเล่นตุกติกอะไรบนตัวละครสำคัญอย่างเฉิงคุน เช่นนั้นก็เป็นไปได้สูงมากว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ถูกหลอกยับเยินที่สุดในภารกิจเนื้อเรื่อง
อย่างไรเสีย ในฐานะศิษย์อู่ตังคนหนึ่ง ภารกิจเนื้อเรื่อง ‘บันทึกกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ก็สำคัญกับเขามากกว่าภารกิจ ‘ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี’ กับ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แน่นอน!
เยี่ยเว่ยหมิงเล่าแผนแกล้งตายของหยวนเจินให้ฟังคร่าวๆ รอบหนึ่ง อินปู้คุยตอบกลับมาว่า
[กลยุทธ์โดยละเอียดของของบันทึกกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร]…อินปู้คุย
เจ้าหมอนี่ยังมีคุณธรรมน้ำมิตร!
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงขอบคุณแล้ว ก็เตรียมเปิดอ่านตำราลับตระหนักรู้ที่เหลืออยู่ไม่กี่เล่ม ในที่สุดจดหมายของเฟยอวี๋ก็มาถึงแล้ว
[มารับข้าที่จุดพักม้า]…เฟยอวี๋
……
สนามล่าสัตว์ชานเมืองตะวันออก เป็นหนึ่งในสถานบันเทิงที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของต้าตู
ในฉากหลังของเกม สถานที่อย่างสนามล่าสัตว์จัดเป็นสถานบันเทิงเฉพาะของลูกหลานผู้มีอำนาจ ชาวบ้านทั่วไปเข้าใกล้ไม่ได้
แต่ในเมื่อเป็นเกม ทุกสิ่งก็ย่อมมีไว้เพื่อบริการผู้เล่นเป็นหลัก ถ้าไม่ให้ผู้เล่นเข้ามา การออกแบบฉากนี้ไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย
แค่จ่ายค่าเข้าสิบเหรียญทอง ผู้เล่นก็เข้าไปข้างในแล้วเสพความบันเทิงจากการล่าสัตว์ได้หนึ่งวันแล้ว
นอกจากนี้ ยิ่งได้เหยื่อในสนามล่าสัตว์มากเท่าไร ก็จะได้รับรางวัลเป็นค่าประสบการณ์และค่าตบะในระดับที่ต่างกันแล้ว ได้ผลมากกว่าการไปตีมอนสเตอร์อัปเลเวลข้างนอกแน่นอน
สรุปก็คือ ที่นี่แทบจะเทียบเท่ากับดันเจี้ยนพิเศษที่หากมีเงินก็จะรีเฟรชได้ไม่จำกัด เพียงแต่ต้องใช้แผนที่ร่วมกับทุกคนก็เท่านั้นเอง
แน่นอน สิบเหรียญทองนี้เป็นเพียงค่าใช้จ่ายพื้นฐานสำหรับเข้าประตูเท่านั้น หากเจ้าจ่ายเงินน้อยขนาดนี้ ก็จะไม่ได้มีประสบการณ์การล่าสัตว์ที่ดีมากนัก
ผู้ออกแบบเกมไม่มีความเป็นมนุษย์เลย!
ถ้าอยากเพิ่มประสบการณ์ในการล่าสัตว์ ก็ควรเติมเงิน…แค่กๆ ก็ต้องเช่าอุปกรณ์ในสนามล่าสัตว์
ม้าหนึ่งตัว ธนูหนึ่งคัน ชุดล่าสัตว์ ค่าใช้จ่ายสำหรับการเช่าหนึ่งวันก็คือหนึ่งร้อยเหรียญทอง
ม้าเป็นม้าแคระที่ธรรมดามาก แต่ความเร็วของมันตอนวิ่งตะบึงอยู่ในสนามล่าสัตว์ เทียบได้กับความเร็วของผู้เล่นที่มีค่าสเตตัสท่าร่างห้าร้อยแต้มตอนวิ่งอย่างสุดกำลัง ทั้งยังเป็นประเภทที่มีทักษะการขี่ม้าติดอยู่กับตัวสัตว์ด้วย ผู้เล่นไม่ต้องกังวลเลยว่าตัวเองจะไม่รู้ทักษะการขี่ม้า
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เจ้าใช้เท้าวิ่ง คนอื่นขี่ม้าวิ่ง ถ้ามองจากมุมของการโอ้อวดความเท่ ก็ต่างกันไม่ใช่น้อยๆ ถูกไหม
ธนูเป็นธนูล่าสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษ พลังโจมตีไม่แข็งแกร่ง แต่กลับทำให้ผู้ที่ถือมันมีทักษะธนูพื้นฐานเลเวลสิบ
ประสิทธิภาพของมันทำได้ถึงขั้นยิงเป้านิ่งร้อยดอกก็เข้าเป้าร้อยดอก ทั้งยังยิงเข้าวงในสุดของเป้าด้วย แต่ถ้าอยากทำให้ได้ถึงขั้นนี้ ก็ต้องเล็งห้าวินาทีแล้วค่อยยิง
กระบอกเก็บลูกธนูก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีการเพิ่มค่าสเตตัส ข้อดีเพียงอย่างเดียวก็คือมีจำนวนไม่จำกัด
เอฟเฟ็กต์พิเศษที่บรรยายมาข้างต้นใช้ได้ผลเฉพาะในสนามล่าสัตว์เท่านั้น
เมื่อมีของเหล่านี้แล้ว ถึงจะรับประกันได้ว่าผลตอบแทนของเจ้าจะไม่น่าเกลียดเกินไปในระหว่างที่ล่าสัตว์ ถ้าอยากจะถอนทุนคืนก็ฝันไปเถอะ
อย่างไรเสีย ในแนวคิดของการออกแบบเกม สนามล่าสัตว์นี้ก็คือสถานที่บริการประเภทให้ความบันเทิงแห่งหนึ่งเท่านั้น
แน่นอน สิ่งที่บรรยายไปข้างต้นพุ่งเป้าไปที่ผู้เล่นทั่วไปเท่านั้น ไม่นับรวมผู้เล่นที่มีม้าและทักษะธนูอย่างฉางซิงอวี่
เพียงแต่ในสนามล่าสัตว์แบบนี้ ตราบใดที่เจ้ายอมจ่ายเงิน ผลตอบแทนก็เหนือกว่าผู้เล่นที่เรียนมาตรงสายอย่างฉางซิงอวี่ได้อย่างสบายๆ
[เหยี่ยวล่าสัตว์] ค่าเช่า 1000 เหรียญทอง ผลที่ได้เทียบเท่ากับเปิดใช้งานแผนที่เล็กๆ ที่มีฟังก์ชันจำแนกเหยื่อมาให้
[ชุดเครื่องมือล่าสัตว์ระดับสูง] ม้าเหงื่อโลหิต ธนูเหล็ก ลูกธนูเขี้ยวหมาป่า เมื่อเจอสัตว์ร้ายที่มีขนาดตัวใหญ่ โดยส่วนใหญ่จะยิงให้มันตายคาที่ได้ภายในสองถึงสามดอก ค่าเช่า 10000 เหรียญทอง
[หมาป่าหิมะ] ค่าใช้จ่าย 100000 เหรียญทอง ถ้ามีมันแล้ว โดยส่วนใหญ่ก็จะเดินทางอยู่ในสนามล่าสัตว์ได้ตามอำเภอใจ
ถ้าถามว่าหมาป่าตัวนี้ร้ายกาจขนาดไหน
ในข้อมูลแนะนำของมันก็มีคำอธิบายเพียงประโยคเดียว: เป็นเป็นหมาป่าหิมะที่มีศักยภาพพอจะกัดบูรพาไร้พ่ายให้บาดเจ็บได้!
ในสนามล่าสัตว์ ตอนนี้กำลังมีม้าแคระห้าตัวเดินเนิบนาบอยู่ในสนามอย่างพร้อมเพรียง ตอนที่มันเดิน คนที่อยู่บนม้าก็ยิงธนูออกไปเป็นระยะ ไม่ว่าจะยิงถูกเป้าหมายหรือไม่ก็ไม่สนใจ
ถ้าเหยื่อตายแล้ว ข้างๆ ก็จะมี NPC ฝ่ายบริการคนหนึ่งมาช่วยเก็บเหยื่อ ถ้ายิงไม่ถูกเป้าหมาย พวกเขาก็ไม่เคยคิดไล่ตามเช่นกัน
ส่วนห้าคนที่เดินเล่นอยู่ในสนามล่าสัตว์ ก็คือพวกอวิ๋นหวาซั่งเซียนที่วางกับดักในวัดร้างอู๋เจียนเพราะอยากได้ไอเทมดรอปจากเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้
ฟิ้ว!
ยิงธนูออกไปอีกดอก ไม่ถูกเป้าหมาย!
คนธรรมดาเดินดินที่ถูกฆ่าตายก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็ถามอวิ๋นหวาซั่งเซียนที่อยู่ข้างกันว่า “ที่เจ้าเชิญข้ามาล่าสัตว์เพื่อชดเชยความเสียหายที่ตายไปก่อนหน้านี้ แม้ข้าจะดีใจมาก แต่เจ้าคิดจะปล่อยภารกิจไปอย่างนี้ มัวมาเล่นอยู่ที่นี่จนภารกิจของเจ้าล้มเหลวจริงหรือ”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว” อวิ๋นหวาซั่งเซียนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วบอกว่า “หลังจากผ่านการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ข้าวก็ตัดสินเรื่องบางอย่างได้ นั่นก็คือพวกเราห้าคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาหกคน ต่อให้เพิ่ม BOSS ไปอีกหนึ่งคน ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะอยู่ดี…
…แล้วข้าก็ทำใจไม่ได้ที่ต้องให้พวกเจ้ามาช่วยข้า แล้วเดินเข้าสู่อันตรายเพื่อข้าอีกครั้ง เลือกลงมือในเวลาที่มั่นใจที่สุดจะเหมาะสมกว่า”
ตอนนี้ คนที่เดินอยู่อีกข้างของอวิ๋นหวาซั่งเซียนยังมีขุนเขาลำธารย่อมพานพบ เขาอดขมวดคิ้วถามไม่ได้ว่า “มั่นใจ? ยังมีเหตุการณ์ที่มั่นใจกว่าตอนที่พวกเขาไปรายงานผลภารกิจที่วัดร้างโหย่วเจียน แล้วมีอาจารย์จอมเอาเปรียบที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ของเจ้าอยู่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยอีกหรือ”
“หยวนเจินอยู่ที่นั่นด้วยอาจไม่ใช่เรื่องดี” ทันใดนั้น ผู้เล่นชุดเขียวที่อยู่ฝั่งซ้ายสุดติดกับคนธรรมดาเดินดินเอ่ยช้าๆ ว่า “ที่จริง ในภารกิจนี้ พวกเราถือว่าได้เปรียบที่สุดแล้ว ถ้ายังไม่รู้จักฉวยโอกาสลงมือตอนที่พวกเขาไปรายงานผลภารกิจที่วัดร้างโหย่วเจียนอีก เจ้ารับประกันได้หรือว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดอะไรกับภารกิจ”
ผู้เล่นคนนี้ก็คือหนึ่งในคนที่ใช้ดรรชนีเอกสุริยันลอบจู่โจมเยี่ยเว่ยหมิงไม่สำเร็จ ต่อให้ถูกปลิดชีพคาที่ก็ไม่ยอมเปิดเผยชื่อแซ่
ชื่อของเขาก็คือต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง
รู้สึกหรือเปล่าว่าชื่อนี้แปลกมาก
รู้สึกว่าแปลกน่ะถูกแล้ว!
เดิมทีเขาชื่ออาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง เพียงแต่ตอนหลังเข้าสำนักลับของตระกูลต้วนแห่งแคว้นต้าหลี่ จึงเติมคำว่าต้วนไว้ข้างหน้าชื่อ จึงฟังดูหัวมังกุท้ายมังกรเช่นนี้
“การเปลี่ยนแปลงหรือ” ขุนเขาลำธารย่อมพานพบงงไปชั่วขณะ “เจ้าคงไม่ได้จะบอกว่า หยวนเจินจะกลับคำกะทันหัน ไปช่วยพวกเยี่ยเว่ยหมิงสู้กับพวกเราหรอกใช่ไหม”
ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงส่ายหน้าบอกว่า “ผู้ออกแบบระบบย่อมไม่เสียสละบทบาทและจุดยืนที่มีมาตั้งแต่แรกเพื่อสร้างปัญหาให้พวกเราอยู่แล้ว ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนั้น…
…ยกตัวอย่างเช่น จู่ๆ หยวนเจินก็อาการบาดเจ็บกำเริบ ตัวเองไม่มีทางลงมือได้ แต่กลับให้พวกเราไปช่วยเขากำจัดศัตรู หากทำไม่สำเร็จ สหายอวิ๋นหวาก็จะถูกลงโทษเพราะภารกิจล้มเหลว ถึงขั้นตัดขาดสัมพันธ์ศิษย์และอาจารย์ ส่วนการถูกไล่สังหาร พวกเราควรจะจัดการตัวเองอย่างไรดี”
“เอ่อ…”
ขุนเขาลำธารย่อมพานพบถูกถามจนอึ้ง แต่ต้องบอกเลยว่า การให้ผู้เล่นสองกลุ่มสู้กันอย่างยุติธรรมต่างหากที่เป็นกลยุทธ์ดั้งเดิมของภารกิจในเกม
ถ้าเปลี่ยนเป็นยามปกติ ยอดฝีมือในเกมอย่างพวกเขานอกจากจะไม่เกลียดชังภารกิจแบบนี้แล้ว กลับรู้สึกนิยมชมชอบด้วยซ้ำ
แต่ตอนที่พวกเขาเจอกับทีมยอดฝีมือที่เก่งกาจกว่าตัวเอง กลับไม่ได้คิดอย่างนั้นอีกแล้ว
เมื่อเซียนสาวน้อยนักกินที่อยู่ข้างกันเห็นสหายถูกบีบให้ยอมแพ้ ก็อดถามไม่ได้ว่า “แต่ถ้าพวกเราไม่ไป แล้วหยวนเจินถูกพวกเขาฆ่าตายขึ้นมาจะทำอย่างไร ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเคยพูดไว้แล้ว ว่าเยี่ยเว่ยหมิงนั่นอาจจะเดาออกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหยวนเจิน พอถามแล้ว ระบบก็แจกภารกิจสังหารหยวนเจินให้พวกเขาตามสถานการณ์ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอยู่ดี”
“แล้วนั่นเกี่ยวอะไรกับข้า” อวิ๋นหวาซั่งเซียนส่ายหน้า “หากเขาถูกสังหาร เมื่อถูกรีเฟรชออกมาใหม่ก็ยังเป็นอาจารย์จอมเอาเปรียบของข้าอยู่ดี ภารกิจที่ควรแจกให้ข้าก็ยังต้องแจกเหมือนเดิม แต่ถ้าพวกเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตอนที่เขาถูกกลุ่มคนทำร้าย เช่นนั้นก็จะเกี่ยวกับข้าจริงๆ แล้ว…
…ดังนั้น พวกเราค่อยๆ เล่นอยู่ในสนามล่าสัตว์ดีกว่า…
…เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจใช้รถม้าไม่ได้ แต่คนอื่นกลับไม่โดนข้อจำกัดนี้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหลังจากเขาทำภารกิจเสร็จแล้ว ยังมีหน้ารั้งสหายของตัวเองให้คอยปกป้องเขาทั้งวันได้”
พอพูดถึงตรงนี้ มุมปากของอวิ๋นหวาซั่งเซียนก็ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ดังนั้น ตราบใดที่พวกเรารอออกไปตอนหนึ่งชั่วโมงสุดท้ายของภารกิจ อาศัยแค่เรื่องที่ข้ารู้พิกัดของเขา แล้วโจมตีแบบห้าต่อหนึ่ง ยังต้องกลัวเขาจะหนีอีกหรือ”
“เอ่อ คือเรื่องนั้น…” ตอนนี้ กลับได้ยินเซียนสาวน้อยนักกินที่อยู่อีกด้านพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ถ้าอยากจะยืนยันเส้นทางของเยี่ยเว่ยหมิง ข้าว่าคงไม่ต้องใช้ทักษะการระบุตำแหน่งของเจ้าแล้ว”
ขุนเขาลำธารย่อมพานพบขมวดคิ้ว “เจ้ารู้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“เขาก็อยู่นอกป่าที่อยู่ห่างจากตรงหน้าเยื้องขวาพวกเราออกไปหนึ่งร้อยเมตรไงล่ะ” เซียนสาวน้อยนักกินเตือนเพื่อนอีกสี่คนเสียงดัง “เขามาแล้ว!”
อะไรนะ?
พอสิ้นเสียงเซียนสาวน้อยนักกิน สายตาของทั้งห้าก็มองไปทางป่าผืนเล็กที่นางบอกพร้อมกัน
เห็นเยี่ยเว่ยหมิงที่สวมชุดขุนนางทั้งตัวเดินออกมาจากกลางป่า ในมือของเขาถือกระบี่อาญาสิทธิ์แวววาวเล่มหนึ่ง พอเห็นทุกคนมองมาที่เขา มุมปากเขาก็ยกขึ้นเผยรอยยิ้มที่สื่อว่ารู้ทัน จากนั้นก็กดร่างกายให้ต่ำลง แล้ววิ่งตะบึงมาทางพวกเขาด้วยความเร็วอันน่ากลัวที่เร็วกว่าม้าห้าตัวของพวกเขาหนึ่งเท่า
วิธีการวิ่งของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ก็คือ ‘หัวเข่าเคาะหน้าอก ส้นเท้าเตะแก้มก้น’ ซึ่งเป็นวิชาการวิ่งสิบสองตัวอักษรใน ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ เมื่อเทียบกับวิชาตัวเบาส่วนใหญ่ นอกจากท่าทางจะไม่ใกล้เคียงกับคำว่าสง่างามแล้ว ยังถึงขั้นใช้คำว่าน่าเกลียดได้
ตอนที่ค่าสเตตัสท่าร่างของเขาสูงถึง 1038 แต้ม ความเร็วที่แสดงออกมากลับทำให้ยอดฝีมือท่ามกลางผู้เล่นทั้งห้าที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกละอายเพราะเทียบไม่ติด!
ก็เหมือนที่เซียนสาวน้อยนักกินบอกไว้
เยี่ยเว่ยหมิงมาแล้ว!
ก่อนหน้านี้อวิ๋นหวาซั่งเซียนวางแผนไว้มากมาย เป้าหมายของเขาก็เพื่อจะสร้างสถานการณ์โจมตีแบบห้ารุมหนึ่ง
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับใช้การกระทำบอกพวกเขาว่า พวกเจ้าจะวางแผนเยอะขนาดนั้นให้สิ้นเปลืองเวลาทำไม
สถานการณ์ที่พวกเจ้าต้องการ ข้าสร้างให้พวกเจ้าก็ได้!
แต่จะเป็นห้ารุมหนึ่ง หรือหนึ่งฟาดห้า ก็ต้องดูที่ความสามารถของพวกเจ้าแล้ว!