ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 248 มิอาจต้านทาน!
ตอนที่ 248 มิอาจต้านทาน!
“ช่างเป็นคนหนุ่มที่บ้าระห่ำ”
การที่เยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัวอยู่ในที่กว้างโล่งเช่นนี้คนเดียว ก็ถือเป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจนมากแล้ว
และพฤติกรรมนี้ก็ยั่วโมโหผู้เล่นห้าคนตรงหน้าที่ตั้งตัวขึ้นมาเป็นยอดฝีมือเองเช่นกัน
เยี่ยเว่ยหมิง
พวกเรายอมรับว่าเจ้าเก่งกาจ
พวกเราก็รู้เช่นกันว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า
แต่การที่เจ้าปรากฏเหมือนเป็นนักเลงโต อยากจะบุกเดี่ยวมาท้าทายพวกเราห้าคนเช่นนี้ ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว
สองคนแรกที่เคลื่อนไหวก็คือขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินที่อยู่ใกล้กับทางที่เขาปรากฏตัวที่สุด พอภูเขาหิมะวิหคทองคู่นี้เห็นเยี่ยเว่ยหมิงพุ่งมาถึงด้วยความเร็ว ทั้งสองที่นั่งอยู่บนอานม้าแถวเดียวกันก็ทะยานขึ้นจากหลังม้าพร้อมกันทันที ตอนที่ตัวอยู่กลางอากาศ ดาบและกระบี่ก็ถูกชักออกมาพร้อมกัน หลังจากเหยียบลงพื้นแล้ว ก็เข้าไปรับมือกับเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าไร้ความหวาดกลัว
อวิ๋นหวาซั่งเซียนที่อยู่ติดกับพวกเขาก็อยากจะลงมือทันทีเช่นกัน แต่กลับถูกคนธรรมดาเดินดินที่อยู่ข้างกันขวางไว้ “อวิ๋นหวา ในบรรดาพวกเราห้าคน มีเพียงเจ้าที่มีภารกิจติดตัวอยู่ อย่าให้เกิดความผิดพลาด คอยคุมอยู่แนวหลังสุดดีกว่า”
พอพูดจบก็ทะยานตัวขึ้นมา ตามหลังคู่ภูเขาหิมะวิหคทองไปติดๆ
ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงที่อยู่อีกด้านก็แทบจะทะยานตัวขึ้นมาพร้อมคนธรรมดาเดินดิน เพียงแต่ชั่วพริบตาที่กระโดดขึ้นจากหลังม้า ก็พึมพำด้วยเสียงเบาที่มีแค่ตัวเองได้ยินว่า “เจ้าหมอนี่ หาที่นี่เจอได้อย่างไร”
ตอนที่อีกฝ่ายลงมือ เดิมทีสูตรคณิตศาสตร์ง่ายๆ อย่าง ‘เวลา=ระยะทาง÷ความเร็ว’ ก็กลายเป็นปัญหาการพบเจอกันที่ค่อนข้างซับซ้อนแล้ว
แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องคำนวณก็รู้แล้ว
นั่นก็คือ หากพวกเขาสองคนใช้ความเร็วสุดกำลังเข้ามารับหน้า เวลาที่พวกเขาสองฝ่ายจะได้พบกัน ก็ต้องเร็วกว่าตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงวิ่งมาหาตำแหน่งของพวกเขาห้าคนฝ่ายเดียวแน่นอน
เมื่อเห็นว่าอยู่ใกล้กับเยี่ยเว่ยหมิงมากแล้ว ถ้าคำนวณตามความเร็วในการเคลื่อนที่ของทั้งสองฝ่าย ถ้าลงมือตอนนี้ก็จะโจมตีถึงตัวเยี่ยเว่ยหมิงได้แล้ว ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินจึงใช้ดาบและกระบี่ในมือพร้อมกัน
เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ…ต้นสนรับแขก!
วิชาดาบวิหคทอง…เปิดประตูคารวะโจร!
เคล็ดกระบี่และกระบวนท่าดาบที่ทั้งเกื้อกูลทั้งข่มกันนี้ เมื่อใช้พวกมันพร้อมกัน กลับอุดช่องโหว่ที่อยู่ในนั้นให้หายไป และยิ่งเกิดการสั่นสะเทือนร่วมกันบนชั้นของกำลังภายใน ทำให้สองกระบวนท่านี้แสดงประสิทธิภาพออกมามากขึ้นพร้อมกัน!
ที่วัดร้างอู๋เจียนก่อนหน้านี้ น้องดาบเคยบอกไว้แล้ว ถ้านางอยากจะเอาชนะสองคนนี้แบบหนึ่งต่อสอง ก็จะต้องเห็นกระบวนท่าทั้งหมดของพวกเขารอบหนึ่งก่อน รอให้พวกเขาจำเป็นต้องใช้กระบวนท่าซ้ำ นางถึงจะมีโอกาสโจมตีครั้งเดียวให้ศัตรูแตกพ่าย
ในความเป็นจริง หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงตื่นตัวเอ็ฟเฟ็กต์พิเศษอย่าง ‘เงาของเทพกระบี่’ ความสามารถในการตัดสินก็กล่าวได้ว่าใกล้เคียงกับน้องดาบ
น้องดาบทำได้ เขาก็ทำได้เช่นกัน!
แต่ตอนนี้ศัตรูที่เยี่ยเว่ยหมิงต้องเผชิญหน้ากลับไม่ใช่สองคนนี้ แต่เป็นยอดฝีมือทั้งห้าคน!
ดังนั้นพวกเขาที่มีวิทยายุทธ์โจมตีร่วมกัน ก็ไม่คิดว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะมีความสามารถในการตีฝ่าดาบและกระบี่ของพวกเขาได้ภายในเวลาสั้นๆ เช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาถ่วงเวลาได้สักครู่ คนธรรมดาเดินดินกับต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงตามมาติดๆ ก็จะมาล้อมหลังได้แล้ว
เมื่อถึงตอนนั้น ก็จะกลายฉากที่เป็นยอดฝีมือสี่คนร่วมมือกันล้อมโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงคนเดียว
ส่วนอวิ๋นหวาซั่งเซียนที่มี่วิชาประเภทควบคุมอย่าง ‘ดรรชนีเย็นแปลง’ ขอเพียงเขาเคลื่อนไหวได้ถูกจังหวะ พวกเขาก็จะมีความมั่นใจเต็มที่ว่าจะฟันร่างของคนยโสโอหังอย่างเยี่ยเว่ยหมิงได้!
กลยุทธ์แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าการที่ทั้งห้าคนเฝ้าตอไม้รอกระต่ายอยู่ที่เดิมเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมาก
ไม่อย่างนั้นถ้าเยี่ยเว่ยหมิงฆ่าอวิ๋นหวาซั่งเซียนได้ก่อนที่ตัวเองจะถูกพวกเขาฟันร่าง ก็จบภารกิจไล่สังหารได้ล่วงหน้า
เช่นนั้นต่อให้ในภายหลังพวกเขาหั่นร่างเยี่ยเว่ยหมิงเป็นแปดชิ้น ก็ถือว่าแพ้อยู่ดี!
ดังนั้น พวกเขาต้องรับประกันว่าฆ่าเยี่ยเว่ยหมิงได้โดยที่อวิ๋นหวาซั่งเซียนยังปลอดภัย!
หากมองจากมุมนี้ กลยุทธ์ของพวกเขาก็ถือว่าฉลาดหลักแหลม
ทว่า แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่สองคนนั้นใช้ดาบและกระบี่ ในดวงตาเยี่ยเว่ยหมิงกลับอมยิ้มเหมือนคาดไว้แล้ว เท้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วไม่ได้หยุดพักแม้แต่น้อย ตอนที่เท้าขวาเหยียบพื้นกลับออกแรงมากขึ้นกะทันหัน ร่างทะยานขึ้นกลางอากาศ ใช้ความเร็วสุดขีดทะยานผ่านด้านบนตัวของทั้งสองไปโดยตรง
แปดก้าวไล่ทันคางคกแม้จะไม่ถนัดเรื่องกระโดดสูง แต่อาศัยท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ถ้าอยากจะทำให้ได้ก็ไม่มีปัญหา
แย่แล้ว!
ทั้งสองนึกไม่ถึงเลยว่าตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเผชิญกับดาบกระบี่ผนึกรวมของพวกเขาแล้วจะใช้กลยุทธ์การต่อสู้แบบนี้ พวกเขาฝืนหยุดใช้กระบวนท่าดาบและกระบี่กลางคัน ต่างคนต่างเก็บอาวุธแล้วหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ปกป้องจุดสำคัญบนร่างกายท่อนบนของตัวเองไว้
แต่ตอนที่ทั้งสองหมุนตัวกลับมา ถึงได้พบว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่มีท่าทีสนใจพวกเขาเลย
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงไปรับมือกับศัตรูระลอกที่สองข้างหน้าอวิ๋นหวาซั่งเซียนโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมาแล้ว พวกเขาก็คือคนธรรมดาเดินดินแห่งสำนักดาบโลหิต ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงจากตระกูลต้วนแห่งแคว้นต้าหลี่
ที่แท้ค่าสเตตัสท่าร่างสูงก็ทำตามอำเภอใจได้แบบนี้นี่เอง!
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงข้ามยอดฝีมือสองคนตรงหน้ามาหาตนโดยตรง คนธรรมดาเดินดินกับต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงก็ลงมือพร้อมกัน คนหนึ่งใช้ดาบโลหิตฟันแนวขวาง อีกคนถือกระบี่แทงอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงใช้กระบี่โจมตี ก็เริ่มโคจรวิชาดรรชนีเอกสุริยันเงียบๆ แล้ว เตรียมปล่อยใส่เยี่ยเว่ยหมิงได้ทุกเมื่อ
ขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงกล้ากระโดดข้ามหัวพวกเขาไปเหมือนก่อนหน้านี้ เขาก็มั่นใจว่าใช้เพียงนิ้วเดียวแตะเยี่ยเว่ยหมิงลงมาได้ จากนั้นก็รัวสับฟันร่าง!
สำหรับพวกเขาทั้งคู่ เรื่องที่ต้องทำตอนนี้ก็คือถ่วงเวลา ขอเพียงถ่วงเวลาได้แม้วินาทีเดียว ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินที่อยู่ข้างหน้าก็จะกลับมาช่วยสนับสนุนได้ทันเวลา
ถึงตอนนั้น กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้ได้ ก่อนหน้านี้บอกไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้ไม่พูดซ้ำอีกแล้ว
ทว่าครั้งนี้
ยามเผชิญหน้ากับการร่วมดักโจมตีของทั้งสอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับซ่อนกระบี่อาญาสิทธิ์ไว้ข้างหลัง ขณะเดียวกันมือซ้ายก็ขยับฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้งเพื่อรับดาบและกระบี่ของสองคนนั้น
มังกรซ่อนกบดาน!
โฮก!
ท่ามกลางเสียงสัตว์ร้ายที่เหมือนมังกรดุคำราม กำลังภายในของเยี่ยเว่ยหมิงก่อตัวเป็นพลังฝ่ามือรูปมังกรสีฟ้าระยิบระยับแล้ว มันถล่มไปบนดาบและกระบี่ในมือของสองคนนั้น!
พรึ่บ!
-2432
-2216
ภายใต้การโจมตีนี้ ทำให้เกิดตัวเลขดาเมจจำนวนมากสองกลุ่ม!
คนธรรมดาเดินดินกับต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลเกินต้านที่ถ่ายทอดจากดาบและกระบี่มาถึงทั่วร่างกายของตัวเอง ภายใต้พลังมหาศาลกลุ่มนี้ ร่างกายของพวกเขากระเด็นถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้
ตอนที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศพลันรู้สึกได้ว่ากำลังภายในที่เย็นเฉียบทะลุเข้ามาในเส้นลมปราณพิเศษแปดเส้นของพวกเขา แทบจะแช่แข็งน้ำเลือดของพวกเขาแล้ว!
หลังจากเหยียบลงพื้น ร่างกายที่แข็งทื่อของพวกเขาก็รักษาสมดุลไม่ได้ไปชั่วขณะ ล้มคะมำทันที
นึกไม่ถึงว่า ‘มังกรซ่อนกบดาน’ กับแหวนหยกเย็นรวมกันแล้วจะได้ประสิทธิภาพดีขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าอย่างพอใจผลงานของตัวเอง ตัวพุ่งเข้าไปหาอวิ๋นหวาซั่งเซียนซึ่งเป็นเป้าหมายที่อยู่ใกล้เขาที่สุดแล้ว!
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงกระโดดข้ามคู่ต่อสู้ของตัวเองไปสองคน โจมตีจนล้มคว่ำไปสองคนอย่างมิอาจต้านทาน แล้วพุ่งมาตรงหน้าตัวเองราวกับเป็นพระเจ้า อวิ๋นหวาซั่งเซียนก็แทบตาถลนออกมา
โอ้ลูกพ่อ!
โอย ท่านอาจารย์จอมเอาเปรียบ คนที่ท่านให้ข้าไล่สังหารเป็นใครกันแน่!
ขณะที่กำลังตกตะลึง อวิ๋นหวาซั่งเซียนกลับไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้เสมอไป เพราะเขามีกระบวนท่าสุดท้ายที่ยังไม่งัดออกมาใช้
ตอนนี้เขาทำได้เพียงตั้งความหวังกับนิ้วที่เป็นเหมือนของล้ำค่าประจำตระกูลแล้ว
ขอเพียงนิ้วนี้โจมตีถูกเป้าหมาย ก็เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้!
แต่ถ้าถามว่าแพ้แล้วจะเป็นอย่างไร ไอรีน:เนื่องจากทันล่าสุดตามต้นทางจึงเหลือวันละ1ตอน
ด้วยสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ ทำให้เขาไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงมาถึงตรงหน้าตัวเองแล้ว อวิ๋นหวาซั่งเซียนก็กัดฟันกรอด จิ้มนิ้วออกไปหนึ่งทีตรงหัวใจของเยี่ยเว่ยหมิงโดยตรง
ดรรชนีเย็นแปลง!
‘ดรรชนีเย็นแปลง’ ที่อวิ๋นหวาซั่งเซียนได้รับถ่ายทอดมาจากเฉิงคุน ฉายาหัตถ์อัสนีบาตจักรวาล ตอนนี้มีเพียงหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น แต่ประสิทธิภาพของมันกลับประจักษ์ชัดแจ้งต่อสายตาทุกคน แล้วเพื่อรับประกันว่านิ้วนี้จะโจมตีถูกเป้าหมาย ตอนที่เขาโจมตีออกมา ก็ได้เพิ่มความเร็วของท่าร่างและการโจมตีขึ้นเยอะด้วย!
ความเร็วของอวิ๋นหวาซั่งเซียนตอนนี้ ผู้เล่นเป็นยอดฝีมือทั่วไปไม่มีทางหลบได้ทันเวลาเลย
แต่เยี่ยเว่ยหมิงเป็นผู้เล่นยอดฝีมือทั่วไปหรือ
ไม่ใช่!
ภายใต้ผลของ ‘เงาของเทพกระบี่’ แม้ความเร็วของอวิ๋นหวาซั่งเซียนเพิ่มขึ้น แต่ในสายตาของเขากลับเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงขั้นทำให้เขารับมือไม่ไหว
หลังจากประมือกับเฉิงคุน เยี่ยเว่ยหมิงก็มีความเข้าใจต่อ ‘ดรรชนีเย็นแปลง’ ในระดับหนึ่งแล้ว
เขารู้ว่ากระบวนท่านี้มีแต่ต้องโจมตีให้ถูกเป้าหมายเท่านั้น ถึงจะแช่แข็งเป้าหมายได้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้ว่ามีเงื่อนไขจำกัดเพิ่มเติมมากขนาดไหน ยกตัวอย่างเช่นความแตกต่างด้านวิชาของทั้งสองฝ่าย ก็ต้องมีขีดจำกัดนี้แน่นอน แต่เขาก็ไม่อยากไปทดลองสิ่งเหล่านี้
เขาเพียงพลิกข้อมือซ้ายเงียบๆ ดีดลูกดีดเหล็กออกมา ก่อนที่ดรรชนีเย็นแปลงของอีกฝ่ายจะสัมผัสบนตัวเขา ลูกดีดเหล็กก็ถูกตรงหว่างคิ้วของอีกฝ่ายก่อนแล้ว โจมตีจนเกิดตัวเลขคริติคอลดาเมจที่เจิดจ้าสวยงาม
แกร๊ง!
-27366!
ท่ามกลางแสงสีขาวอ่อนละมุนที่ปกคลุมร่างกาย อวิ๋นหวาซั่งเซียนลอยขึ้นฟ้าอย่างเป็นอย่างการ!
ส่วนข้างหูของเยี่ยเว่ยหมิง ในที่สุดก็มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบที่รอมานานดังขึ้น
[ติ๊ง! คุณโจมตีสังหารผู้เล่นอวิ๋นหวาซั่งเซียนที่ไล่สังหารคุณสำเร็จ ทำภารกิจ ‘ต่อต้านการไล่สังหาร’ สำเร็จล่วงหน้า ได้รับรางวัลภารกิจเป็น เพิ่มเลเวล ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ หนึ่งเลเวล!]
[ติ๊ง! ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของคุณเพิ่มเลเวลแล้ว ตอนนี้คือเลเวลสิบ!]
ตั้งแต่เยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัว ห้าคนที่อยู่ตรงหน้าก็ลงมือพร้อมกัน ‘เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ’ ‘วิชาดาบวิหคทอง’ ‘เคล็ดวิชาดาบโลหิต’ ‘เคล็ดกระบี่ตระกูลต้วน’ ‘ดรรชนีเย็นแปลง’ …กล่าวได้ว่าพวกเขาห้าคนทำเต็มที่ทุกวิถีทางแล้ว แต่กลับถ่วงเวลาเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว
ห้าคนนี้รวมตัวกันแล้วคิดว่าตัวเองเป็นกระบวนทัพที่พร้อมทั้งรุกทั้งรับ แต่ถูกเขาคนเดียวพุ่งโจมตีจนกระจัดกระจาย จากนั้นก็ปลิดชีพอวิ๋นหวาซั่งเซียนซึ่งเป็นเป้าหมายของขาตายคาที่
ในระหว่างนั้น เขาถึงขั้นยอมอ่อนข้อให้ห้าคนนี้ด้วยการใช้มือหนึ่งข้างกับกระบี่หนึ่งเล่ม
สำหรับเหตุการณ์นี้ สี่คนที่เผชิญหน้ากับบุคคลรับมือยากล้วนตะลึงค้างแล้ว!
จะว่าไป เจ้าก็ถือกระบี่ออกมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ อย่าบอกนะว่าถือเอาไว้เก๊กหล่ออย่างเดียว
ความจริงพวกเขาจะไปรู้ได้อย่างไร
เมื่อครู่นี้ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงเตรียมสองท่าไม้ตายใหญ่เอาไว้วัดตัวให้อวิ๋นหวาซั่งเซียน!
เขาซ่อนกระบี่ล้ำค่าไว้ข้างหลังมาจนกระทั่งตอนนี้ ก็เพราะเตรียมใช้ ‘คนผีร่วมวิถี’ ที่เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของเขา
อย่างไรเสีย ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ แม้จะมีประสิทธิภาพแข็งแรง แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ ถ้าคิดจะโจมตีให้ถูกเป้าหมายซึ่งๆ หน้าก็ไม่ง่ายอยู่ดี โดยเฉพาะยอดฝีมืออย่างอวิ๋นหวาซั่งเซียน มีโอกาสมากที่อีกฝ่ายจะต้านไหวหรือไม่ก็หลบได้
ดังนั้น เมื่อครู่หากอวิ๋นหวาซั่งเซียนใช้กระบวนท่ากระบี่ที่ปล่อยออกไปและเก็บกลับมาได้โจมตี เขาจะต้องใช้ ‘คนผีร่วมวิถี’ จัดการกับอีกฝ่าย แต่ถ้าอีกฝ่ายเดิมพันด้วยดรรชนีเย็นแปลง เช่นนั้นก็ต้องใช้ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ทักทายอีกฝ่ายแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร อวิ๋นหวาซั่งเซียนก็ต้องตาย!