ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 26 แหฟ้าตาข่ายดิน [1]
ตอนที่ 26 แหฟ้าตาข่ายดิน [1]
การจะประกาศที่ช่องสำนัก จำเป็นต้องจ่ายเงิน!
ราคาก็คือสิบเหรียญทองต่อหนึ่งครั้ง สำหรับผู้เล่นในตอนนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยเลยจริงๆ ตั้งแต่เยี่ยเว่ยหมิงเข้าเกมมาจนถึงตอนนี้ แม้แทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อะไรเลย แต่ก็ตักตวงได้เพียงยี่สิบเหรียญทองเท่านั้น
แกงหมูน้ำมันพริกและพวกอีกสี่คนอยู่ด้วยกัน จะต้องมีเงินทุนเยอะกว่าเยี่ยเว่ยหมิงแน่นอน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะผลาญใช้เรื่อยเปื่อยแน่
ต้องทราบไว้ว่าผู้เล่นทุกคนในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน ในนี้ไม่มีจุดให้เติมเงินด้วย
ถ้าจ่ายสิบเหรียญเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นตกใจ แต่การจ่ายเพื่อซื้อประกาศในช่องสำนัก นั้นถือเป็นพฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น อย่างน้อยจนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เคยเห็นใครทำอย่างนี้มาก่อน
แต่แกงหมูน้ำมันพริกดันทำอย่างนี้แล้ว
จ่ายสิบเหรียญเงิน เพื่อประกาศเรื่องที่โหยวโหยวได้หน้าไม้เทพจูเก๋อให้รู้ทั่วทั้งสำนัก นี่ไม่ใช่แค่การทำร้ายคนอื่นโดยที่ตัวเองไร้ผลประโยชน์ แต่เป็นการยกระดับหายนะโฉมใหม่โดยแท้ ทำร้ายทั้งตัวเองและผู้อื่น!
ตั้งแต่ต้นจนจบ โหยวโหยวไม่ได้ทำเรื่องใดๆ ที่ผิดต่อพวกนางเลย กลับเป็นพวกนางที่ผิดก่อน ตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเล่นแบบนี้ ทำท่าราวกับว่าหากไม่ตายจะไม่เลิกรังควาญ ก็ไม่แปลกใจที่โหยวโหยวโมโหขนาดนี้
พอลองคำนวณเวลา เยี่ยเว่ยหมิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ตอนนี้โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ปัญหาที่พวกเราต้องเผชิญหน้าก็คือ ผู้เล่นสำนักถังเหมินจำนวนมากกำลังนั่งรถม้ามาที่เมืองหังโจว มาดักล้อมโจมตีเจ้า ถึงขั้นว่าในสำนักถังเหมิน…”
“ในสำนักถังเหมินเป็นไปไม่ได้” โหยวโหยวส่ายหน้า “ขอเพียงข้าเข้าสำนักถังเหมินแล้ว ก็ย่อมมี NPC เลเวลสูงของสำนักมารับข้า ถ้ามีคนโจมตีข้าที่นั่น บทลงโทษก็หนักกว่าที่ข้าทำหน้าไม้เทพจูเก๋อหลุดมืออีก เยี่ยเว่ยหมิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า…”
เยี่ยเว่ยหมิงโบกมือ แล้วพูดตัดบทนางเสียเลย “เป็นเพื่อนกัน อย่ามัวอิดออดเลย เจ้าเชื่อข้าสิ อย่างพวกเราน่ะ พวกเราทำแบบนี้…”
……
หลังจากแยกทางกับโหยวโหยวแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกรีบกลับไปที่เมืองหังโจว ระหว่างทางเจอกับศิษย์สำนักถังเหมินไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่พวกเขาก็รู้ว่าโหยวโหยวเป็นผู้เล่นหญิงสำนักถังเหมิน จึงไม่มีคนหาเรื่องเยี่ยเว่ยหมิง
หลังจากวนอยู่ในเมืองรอบหนึ่งด้วยความเร็วสูงสุด เยี่ยเว่ยหมิงก็กลับมาทางเดิม นำของที่เพิ่งซื้อมาจากในเมืองมุดเข้าไปในป่าเล็กๆ ผืนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองฝั่งตะวันตก
“จะว่าไปแล้ว วิธีการของเจ้าไม่มีปัญหาจริงหรือ” เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเลี้ยวกลับมา โหยวโหยวก็ยังไม่ค่อยวางใจ เมื่อครู่นางทำตามแผนของเยี่ยเว่ยหมิง วนอยู่นอกประตูรอบหนึ่ง ล่อให้ผู้เล่นสำนักถังเหมินหลายร้อยคนมาดักล้อมนางไว้ โชคดีที่นางหนีเร็ว กอรปกับตอนอยู่ในกองกำลังพิเศษ นางเคยฝึกมาแล้วว่าจะใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมสลัดข้าศึกที่ไล่ตามมาอย่างไร นางถึงได้ไม่โดนอีกฝ่ายดักไว้ ไม่อย่างนั้นก็เกรงว่าตอนนี้คงจะศพเย็นไปแล้ว…
“เจ้าก็เห็นท่าร่างของข้าแล้ว สลัดข้าศึกที่ไล่ตามมาได้ไม่มีปัญหาแน่นอน” เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้งๆ นำชุดสีเขียวอ่อนที่ซื้อมาจากร้านเสื้อผ้ากับดาบหัวผีที่ดรอปได้จากเฉินหมิงก่อนหน้านี้มาแลกกับโหยวโหยว ส่วนโหยวโหยวก็นำหน้าไม้ของสำนักถังเหมินที่นางใช้ก่อนหน้านี้มาแลกกับเยี่ยเว่ยหมิง
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
โหยวโหยวเปลี่ยนใส่ชุดสีฟ้าอ่อน ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นจอมยุทธหญิง ต่างกับชุดรัดรูปสีเทาเข้มก่อนหน้านี้มาก เพียงแต่ในมือจอมยุทธหญิงสวยสดใสคนนี้กำลังถือดาบหัวผีเล่มหนึ่ง สไตล์ดูแปลกไปบ้างนิดหน่อย
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนใส่ชุดจิ้นจวงสีดำที่คล้ายกับของโหยวโหยวก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าเป็นเครื่องแบบของผู้ชาย ในเกมนี้ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะใส่ชุดของผู้หญิงแล้วก็จะใส่ได้ โปรแกรมไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้น
เยี่ยเว่ยหมิงสวมชุดรัดรูปสีดำ ในมือถือหน้าไม้ของสำนักถังเหมิน หมวกงอบที่ดรอปได้จากเฉินหมิงก่อนหน้านี้ มองจากภายนอกก็เหมือนเป็นคนสำนักถังเหมินที่เหมาะสมเรียบร้อยคนหนึ่ง เพียงแต่ว่า…
โหยวโหยวเงยหน้ามองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างอดไม่ได้ว่า “ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง”
“ไม่เป็นไร พวกเรามีสิ่งนี้” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็หยิบหมั่นโถวสีขาวใหญ่ออกมาสองลูก ยัดเข้าใต้เสื้อตรงหน้าอกสองข้าง แบบนี้ทำให้ดูอวบอัดขึ้นเยอะ
โหยวโหยว “??”
เล่นแบบนี้ก็ได้เหรอ
“เหอะๆ มองใกล้ๆ มีพิรุธมากมายแน่นอน แต่ข้าไม่ให้โอกาสพวกเขาเข้าใกล้ข้าหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างภูมิใจ “เวลาบีบคั้น ภารกิจของเจ้าตอนนี้ก็คือเดินทางตามเส้นทางที่ข้าเคยให้ไว้ อ้อมไปที่หมู่บ้านหลงจิ่งด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นนั่งรถม้าที่หมู่บ้านหลงจิ่งกลับไปที่สำนักถังเหมิน”
พูดจบก็ไม่รอให้โหยวโหยวตอบอะไร ใช้งานท่าร่างอีกครั้ง พุ่งไปทางประตูเมืองทิศตะวันตกของเมืองหังโจวแล้ว
ข้างหลังเขามีเสียงของโหยวโหยวดังตามมา “เยี่ยเว่ยหมิง วันนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าจะจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้!”
……
ยังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงเข้าใกล้ประตูเมือง ในเมืองก็มีผู้เล่นร้อยกว่าคนแห่กันออกมาแล้ว โอบล้อมมาที่เขาทั้งหมด
อะไรกัน ถ้าพวกเขาดักซุ่มอยู่ในประตู โอกาสสำเร็จจะไม่มากกว่าหรอกหรือ
ได้โปรดอย่าลืมว่าหน้าไม้เทพจูเก๋อมีเพียงคันเดียว ถ้าร่วมมือกันแย่งชิง แล้วของที่ดรอปได้จะตกเป็นของใครล่ะ
แน่นอนว่าเหมือนในตอนนี้ แต่ละคนต่างอาศัยความสามารถของตัวเอง ใครแย่งได้ก็ตกเป็นของคนนั้น
เมื่อเห็นคนในประตูไล่ตามออกมา เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบเลี้ยวหนีไป ผู้เล่นบางส่วนข้างหลังพอเห็นเขาหนีก็ไล่ตามอย่างจริงจังกว่าเดิม ถ้าในใจไม่มีอะไรแอบแฝง แล้วเจ้าจะหนีทำไมล่ะ
“เน้นโอบล้อมจากสองฝั่ง อย่าให้เขาหนีไปได้!”
“หึหึ หน้าไม้เทพจูเก๋อถูกลิขิตให้มีวาสนาต่อข้า!”
……
ทันใดนั้น หนึ่งในคนกลุ่มนั้นก็พบความไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย “ข้าดูการแต่งตัวของเจ้าหมอนั่น ทำไมมันดูแปลกๆ ล่ะ”
“ยิ่งปิดบังยิ่งเผยพิรุธ คิดจะปลอมตัวให้ผ่านด่านไปสินะ” อีกคนหนึ่งตอบทันที
“ใช่แล้ว!” มีอีกคนในกลุ่ม “เจ้าคิดว่าแค่เจ้าใส่หมวกงอบ ข้าก็จะจำเจ้าไม่ได้แล้วเหรอ พี่ชายน้องชายทั้งหลาย หน้าไม้เทพจูเก๋อนี้ คนที่มีความสามารถถึงจะมีสิทธิ์ได้ไป!”
ทำไมเป็นพี่ชายน้องชาย แทนที่จะเป็นพี่สาวน้องสาว?
เพราะบนศีรษะผู้เล่นในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จะไม่ปรากฏ ID ถ้าอยากจะรู้ชื่อแซ่แท้จริงของอีกฝ่าย ก็มีแต่ต้องตั้งทีม หรือไม่ก็เพิ่มเพื่อนรับคน นอกเหนือจากนี้ก็คือแยกแยะหน้าตาเอาเอง
แต่ผู้เล่นสำนักถังเหมินมีจำนวนไม่น้อย จะมีสักกี่คนที่รู้จักโหยวโหยวจริงๆ
ดังนั้น ผู้เล่นที่มาดักโหยวโหยวเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปล้วนเป็นผู้ชาย และมาตรฐานในการล่าของพวกเขาก็คือ เมื่อเห็นศิษย์หญิงสำนักถังเหมิน ฆ่า!
ท่ามกลางคนกลุ่มแรกที่โชคร้าย รวมทั้งคนที่ส่งข่าวให้พวกเขา แล้วก็พวกแกงหมูน้ำมันพริกห้าคนที่คอยดูเอาความสะใจอยู่นอกเมือง
ยืนไว้อาลัยอย่างสงบแด่พวกนางสามวินาที…
วุ่นวายสร้างเรื่องนานขนาดนี้ ตอนนี้ไม่มีศิษย์หญิงสำนักถังเหมินกล้ามาที่หังโจวแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้มีคุณสมบัติการรบที่เป็นมืออาชีพเหมือนโหยวโหยว เมื่อถูกคนร้อยกว่าคนไล่ตาม ก็ทำได้เพียงวิ่งอย่างบ้าระห่ำ แต่เขาก็มีจุดแข็งของตัวเองเหมือนกัน นั่นก็คือความเร็วของเขาสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปเยอะมาก
อย่างไรเสียตอนนี้ก็เป็นช่วงแรกของเกม หลังจากผู้เล่นกราบอาจารย์เข้าสำนักแล้ว ค่าตบะก็มีจำกัด ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน แน่นอนว่าต้องเลือกอัปเกรดกำลังภายในกับท่าร่างที่เพิ่มพลังรบและวิทยายุทธ์ได้โดยตรงก่อน ใครจะทำใจนำค่าตบะไม่กี่ร้อยแต้มไปใช้กับวิชาตัวเบาได้ลง
ที่จริงวิธีการของเยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน สาเหตุที่ตอนแรกอัปวิชาตัวเบา ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ให้ถึงเลเวลสาม ก็เป็นเพราะเลเวลกำลังภายในกับเคล็ดกระบี่ของเขาสูงมากพออยู่แล้ว ค่าตบะแปดร้อยแต้มไม่มีทางเพิ่มระดับวิทยายุทธ์ให้พลังรบสองอย่างนี้โดยตรงได้เลย
เยี่ยเว่ยหมิงก็แค่หนี!
ผู้เล่นสำนักถังเหมินกลุ่มใหญ่ก็แค่ตาม!
……
ในตอนแรก เยี่ยเว่ยหมิงก็แค่ควบคุมความเร็วของตัวเองให้ใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากเห็นปัญหาการเคลื่อนไหวของตัวเอง ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะโดนคนห่อเป็นเกี๊ยว เขาก็ทำได้เพียงเร่งความเร็วแล้ว
เดิมทียังกังวลว่าทำแบบนี้แล้วจะเผยพิรุธให้คนมองออก แต่เสียงคุยของผู้เล่นข้างหลังกลับทำลายความกังวลในใจเขาไปแล้ว
“ทำไมจู่ๆ นางถึงวิ่งเร็วขนาดนี้ เกรงว่าจะเข้าใจผิดแล้วกระมัง”
“ไม่ผิดหรอก! อย่าลืมนะว่านางฆ่า BOSS สำเร็จในครั้งแรก แล้วอีกอย่าง เฉินหมิงนอกจากจะเป็นคนที่สำนักเราตามจับแล้ว ยังเป็นผู้ร้ายที่จวนทางการประกาศจับด้วย ถ้ารวมรางวัลจากการฆ่า BOSS กับทำภารกิจจับกุมสำเร็จ อย่างน้อยก็ได้รางวัลเป็นค่าตบะหกเจ็ดร้อยแต้ม แค่รางวัลพวกนี้ก็เพียงพอให้นางอัปเลเวลวิชาตัวเบาต่อเนื่องสองขั้นแล้ว!”
เมื่อได้ยินบทสนทนาพวกนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบกดไลก์ให้พี่ชายพวกนั้นในใจ
พลังแห่งความมโนสามชั้นนี้!
ในตอนนี้ โหยวโหยวกำลังอยู่ระหว่างทางไปหมู่บ้านหลงจิ่ง
…………………………
[1] แหฟ้าตาข่ายดิน 天罗地网 เปรียบถึงล้อมศัตรูหรือผู้หลบหนีไว้อย่างหนาแน่น