ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 263 ข้ามีสุดยอดวิชาสี่เล่ม วิชาหนึ่งใดก็ได้ในนั้น
- Home
- ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ
- ตอนที่ 263 ข้ามีสุดยอดวิชาสี่เล่ม วิชาหนึ่งใดก็ได้ในนั้น
ตอนที่ 263 ข้ามีสุดยอดวิชาสี่เล่ม วิชาหนึ่งใดก็ได้ในนั้น
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงมาพร้อมกับวิชาตัวเบาขยะที่ไม่สอดคล้องกับความสามารถ หางตาของหวังเฟยก็อมยิ้มเล็กน้อย
แววตาแบบนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงยิ่งรู้สึกอึดอัด จึงกล่าวอย่างไม่เกรงใจเสียเลยว่า “พวกเราสองคนเดินผ่านมาทางนี้ แล้วก็แค่ฟังเพลงครู่เดียวเท่านั้น หนึ่งคือไม่ได้คิดจะรบกวนท่าน สองคือไม่ได้ทำลายบรรยากาศ ตรงกันข้าม ข้าช่วยท่านจัดการเสือที่จะมาก่อกวนตัวนั้น อย่าบอกนะว่าหวังเฟยคิดจะตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น กลั่นแกล้งพวกเรา”
หวังเฟยได้ยินแล้วดวงตาอมยิ้มมากกว่าเดิม แทนที่จะตอบคำถาม นางถามกลับว่า “ลงมือจัดการเสือโคร่งตัวเดียวเท่านั้นเอง เจ้าก็คิดว่าตัวเองมีบุญคุณต่อข้าแล้วหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าพร้อมกล่าวได้เต็มปากเต็มคำ “เสียงดังของเสือโคร่งตัวนั้น เห็นได้ชัดว่าทำลายความสุนทรีย์ของเพลงท่าน ข้าลงมือช่วยท่านกำจัดทิ้ง แม้จะไม่ใช่บุญคุณอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่นับว่าทำผิดหรอกกระมัง”
“เจ้าก็มองได้ชัดเจนดีนี่”
หวังเฟยชี้ไปยังม้าหินที่อยู่นอกศาลา พร้อมเอ่ยเสียงเรียบว่า “พบกันถือเป็นวาสนา นั่งคุยกันสักหน่อยเถอะ”
จะว่าไปแล้ว ท่านอ๋องหลี่หยวนฮ่าวแห่งเซี่ยตะวันตกไม่ได้เรื่องหรือว่าใช้งานไม่ได้กันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้หวังเฟยรู้สึกว่างเปล่าจนกลายเป็นแบบนี้ ถึงขั้นสุ่มดึงตัวผู้เล่นสองคนที่ไม่รู้จักไปนั่งจับเข่าคุยเรื่องอุดมการณ์ชีวิตกัน
แต่ดูจากท่าทีสุขุมสงบนิ่งของหวังเฟยยามเผชิญหน้ากับเสือร้าย เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบก็สังเกตเห็นแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย จึงไม่ถือสาที่จะพูดคุยด้วยสักหน่อย
หลังจากทั้งสองนั่งลงแล้ว กลับได้ยินหวังเฟยบอกว่า “คาดว่าจอมยุทธ์น้อยทั้งสองคงเดาออกแล้ว ที่จริงข้าก็มีทักษะยุทธ์ติดตัวเช่นกัน ถึงไม่กลัวเสือร้ายตัวนั้น และสังเกตเห็นพวกเจ้าที่อยู่ห่างออกไปหลายจั้งแล้วด้วย”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “แต่เหมือนเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ต่อให้ท่านมีทักษะยุทธ์ล้ำเลิศติดตัว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผลประโยชน์อะไรกับพวกเราเพียงเพราะพบหน้ากันหนึ่งครั้ง และคงไม่ถึงขั้นแจกภารกิจระดับสูงให้พวกเราเพราะพวกเราฆ่าเสือตัวเดียวด้วย…
…ดังนั้นสำหรับทักษะยุทธ์ของท่าน ข้ายังรู้สึกว่าเสียงเพลงของท่านดึงดูดพวกเราสองคนมากกว่า”
เมื่ออยู่ในเกม ถ้าต้องการได้ภารกิจระดับสูงที่มีรางวัลมากมาย ก็มักต้องทำตามเงื่อนไขหรือไม่ก็ทำภารกิจย่อยก่อน ส่วนภารกิจที่รับได้เลยโดยไร้เงื่อนไข แปดส่วนคือภารกิจที่ไม่มีผลตอบแทนดีๆ อะไร
แม้กติกาข้อนี้จะไม่ตายตัว แต่ก็เกี่ยวข้องกับกฎ ‘การทุ่มเทเท่ากับผลตอบแทน’ ในเกม ไม่ค่อยเกี่ยวว่าคนที่แจกภารกิจจะเป็นใคร
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นว่ายังต้องไปทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับ ‘กระสอบข้าว’ กับน้องดาบอีก จบเรื่องแล้วยังต้องเพิ่มเลเวล ไปหาหวังชู่อีที่จวนท่านอ๋องจ้าวเพื่อทำภารกิจช่วยหวังเฟยอีกคนต่อ งานยุ่งมาก!
ตัวละครเล็กๆ เหมือนขนไก่เปลือกกระเทียมพวกนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยจริงๆ
ที่จริงการที่เยี่ยเว่ยหมิงพูดจาฉะฉานตรงไปตรงมาอย่างนี้ ก็แสดงออกชัดเจนแล้วว่าเขาไม่สนใจภารกิจของนาง ตามหลักแล้วหวังเฟยควรจะรู้สถานการณ์สักหน่อย ควรเปลี่ยนประเด็นสนทนาได้แล้ว ควรพูดไร้สาระสักสองสามประโยค แล้วก็ส่งทั้งสองออกมาอย่างให้เกียรติ
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหวังเฟยก็ถามโดยไม่สนใจเลยว่า “ใครบอกว่าข้าจะให้ภารกิจเจ้าไม่ได้”
เยี่ยเว่ยหมิงกำลังกลุ้มใจ น้องดาบที่อยู่ข้างๆ กลับเริ่มสนใจนางแล้ว จู่ๆ นางก็ถามแทรกว่า “ภารกิจอะไร”
หวังเฟยขยิบตาแล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม “เป็นภารกิจที่มีรางวัลเป็นสุดยอดวิชาบู๊ลิ้ม”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็จ้องทันที
หวังเฟยคนนี้ช่างเข้าใจจิตใจผู้อื่น รู้ว่าพวกผู้เล่นมักจะไม่สนใจตัวภารกิจเท่าไรนัก สิ่งที่ดึงดูดความสนใจจริงๆ คือรางวัลภารกิจต่างหาก!
หวังเฟยคนนี้โยนรางวัลภารกิจออกมาเหมือนโยนระเบิดเสียเลย เกรงว่าผู้เล่นคนไหนฟังแล้วคงปฏิเสธยาก
ต้องทราบไว้ว่า ช่วงนี้ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงท่ามกลางผู้เล่น แต่ก็ไม่มีสุดยอดวิชาของยุทธภพที่นำออกมาอวดแล้วมีหน้ามีตาได้สักวิชา อย่างมากก็มีแค่ฉบับไม่สมบูรณ์เท่านั้น
เยี่ยเว่ยหมิงมีเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ที่เป็นฉบับสมบูรณ์ แต่โจทย์คำนวณน่ากลัวพอจะทำลายล้างเด็กเนิร์ดและบีบให้นักเรียนห่วยเป็นบ้าได้ ไม่เหมาะให้คนทั่วไปใช้งานเลยจริงๆ
ใครใช้คนนั้นก็รู้เอง!
ไม่น่าเชื่อว่าหวังเฟยจะใจกว้างขนาดนี้ พอเอ่ยปากก็พูดถึงสุดยอดวิชาบู๊ลิ้มเลย
นี่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีเบื่อหน่าย ตอนนี้เริ่มเกิดความสนใจต่อภารกิจที่ยังไม่รู้จักแล้วเช่นกัน
ส่วนน้องดาบที่ปากตรงกับใจก็ถามคำถามที่ทั้งสองสนใจที่สุดเสียเลย “สุดยอดวิชาอะไร”
หวังเฟยลุกขึ้น สายตาไปหยุดอยู่ตรงจุดที่หน่วยเหยี่ยวเหล็กสู้กับเสือร้ายก่อนหน้านี้ สีหน้าของนางไม่แสดงอารมณ์ใดๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุดว่า “กำลังภายใน…”
ทั้งสองได้ยินแล้วตาเป็นประกายพร้อมกัน ต้องทราบไว้ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ วิทยายุทธ์ที่สำคัญที่สุดก็คือกำลังภายใน เพราะมันเป็นพื้นฐานให้ทักษะยุทธ์ทุกย่างได้ ขอเพียงมีพื้นฐานกำลังภายในแข็งแกร่งมากพอ ต่อให้เป็นวิทยายุทธ์ขยะ ก็ยังแสดงประสิทธิภาพออกมาได้มากอยู่ดี
ตัวอย่างที่เห็นในชัดเจนที่สุดก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงที่เรียนแค่วิชาตัวเบาระดับต้นวิชาเดียวอย่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ แต่ภายใต้การเสริมของกำลังภายในและการเตรียมตัว กลับทำให้เขาวิ่งได้เร็วกว่าน้องดาบที่เรียนวิชาตัวเบาระดับสูงมาเสียอีก!
หวังเฟยผู้นี้ ไม่น่าเชื่อว่าพอเอ่ยปากก็พูดถึงกำลังภายในที่เป็นสุดยอดวิชาระดับสูงเลย จะไม่ทำให้คนประหลาดใจได้อย่างไร
ทว่าหวังเฟยที่กล่าวสิ่งน่าตกตะลึงกลับไม่อยากปล่อยพวกเขาไปอย่างนี้ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทั้งสอง นางกล่าวต่ออย่างสบายๆ ว่า “ยังมีวิชาฝ่ามือ วิชากรงเล็บ วิชาตัวเบา เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งมา”
พอฟังหวังเฟยแห่งเซี่ยตะวันตกอธิบายรางวัลภารกิจอย่างเอื่อยเฉื่อยจนจบ เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบก็ตะลึงค้างโดยสิ้นเชิงแล้ว!
มีทางเลือกให้เยอะขนาดนี้ ทั้งยังเป็นสุดยอดวิชาทั้งนั้น!
คนมีเงินมีอำนาจต้องใจกว้างขนาดนี้เชียวหรือ
ต้องทราบไว้ว่า สำหรับผู้เล่นในปัจจุบันนี้
สิ่งที่เรียกว่าสุดยอดวิชา ก็คือวิทยายุทธ์ที่ไม่อาจเอื้อมไปเรียนได้!
แต่เมื่อมาเจอกับท่านหวังเฟยที่นี่ กลับกลายเป็นว่าเลือกเรียนหนึ่งในสี่สุดยอดวิชาอะไรก็ได้ อย่าบอกนะว่าในเกมนี้ แดนเซี่ยตะวันตกต่างหากที่ซ่อนบอสใหญ่ระดับประเทศเอาไว้
เยี่ยเว่ยหมิงข่มอารมณ์ชั่ววูบที่จะส่งพิราบสื่อสารไปหาอินปู้คุยเพื่อถามรายละเอียดของหวังเฟย เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วถามว่า “ในเมื่อรางวัลภารกิจเป็นสุดยอดวิชา คาดว่าภารกิจนี้จะต้องสำเร็จยากมากแน่นอน?”
หวังเฟยพยักหน้าสื่อว่าสุดยอดวิชาไม่ใช่ว่าจะได้กันง่ายๆ ขนาดนั้น
หลังจากคลี่คลายคำถามนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็หายตกตะลึงโดยสิ้นเชิง จากนั้นถามว่า “ไม่ทราบว่าภารกิจที่หวังเฟยบอกมีเวลาจำกัดหรือเปล่า”
สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง ภารกิจอยากหรือไม่นั้นไม่สำคัญ
ตราบใดที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา ต่อให้ไปฆ่าบูรพาไร้พ่ายที่ผาไม้ดำ เขาก็มีความมั่นใจว่าหลังจากตัวเองแข็งแกร่งแล้วจะทำภารกิจสำเร็จได้
แต่ถ้าจำกัดเวลา…
“ต้องมีเวลาจำกัดอยู่แล้ว ทั้งยังไม่ตายตัวด้วย” หวังเฟยกล่าวอย่างสงบนิ่ง “พวกเจ้าต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อนถึงจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่อง ถึงจะได้รางวัลไป…
…แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เจ้าวางใจได้ ภารกิจนี้จะไม่ถูกตัดสินว่าล้มเหลวหากพวกเจ้าตายในระหว่างทำภารกิจ ต่อให้ล้มเหลวจริงๆ ก็ไม่มีการทำโทษใดๆ อยู่ดี”
ไม่มีบทลงโทษของภารกิจที่ล้มเหลว เงื่อนไขนี้โดยพื้นฐานเท่ากับกำลังบอกผู้เล่นว่า เจ้ารับภารกิจนี้ได้อย่างกล้าหาญ ความเสียหายที่มากที่สุดก็แค่เสียเวลาเหนื่อยเปล่าก็เท่านั้นเอง
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วถามต่อว่า “คำถามสุดท้าย ทำไมถึงเลือกพวกเรา”
หวังเฟยได้ยินแล้วกลับมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างตำหนิ “เจ้าหนุ่มคนนี้คำถามเยอะจริงๆ”
“ใช่! ใช่! ใช่!” น้องดาบที่จุดยืนไม่แน่นอนขีดเส้นแบ่งกับเยี่ยเว่ยหมิงให้ชัดเจนทันที จากนั้นพูดกับผู้ค้าส่งสุดยอดวิชาคนนี้ว่า “ถ้าเขาไม่รับข้ารับเอง ข้าไม่ได้มีคำถามเยอะขนาดนั้น”
คาดไม่ถึงว่าหวังเฟยฟังเฟยกลับส่ายหน้า แล้วตอบอย่างอ้อมค้อม “ไม่ได้!”