ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 267 ธรรมเนียมของสำนักดาบโลหิต
ตอนที่ 267 ธรรมเนียมของสำนักดาบโลหิต
ในเมื่อเป็นกลยุทธ์ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะบันทึกตามต้นฉบับเดิมอย่างละเอียด
โดยทั่วไปจะบันทึกเพียงเส้นหลักของเนื้อเรื่องเท่านั้น ต่อให้เป็นอย่างนี้ ก็ยังมีหลายจุดที่ยังบรรยายได้ไม่ชัดเจน
ไม่ใช่ว่าอินปู้คุยเก็บข้อมูลไว้ส่วนตัว ผู้อ่านโดยทั่วไปไม่มีทางบันทึกกำลังภายในทั้งหมดของหนังสือหนึ่งเล่มได้โดยไม่ตกหล่น แต่ถ้ามีคนทำอย่างนั้นได้จริงๆ แสดงว่าคนนั้นคงไม่ใช่นักอ่านธรรมดา แต่เป็นแฟนพันธุ์แท้ที่พลิกอ่านหนังสือซ้ำไปซ้ำมาได้
เห็นได้ชัดว่าอินปู้คุยไม่ได้ใช่แฟนพันธุ์แท้ระดับสูงขนาดนั้น กลยุทธ์ที่เขาเขียนออกมาจึงเรียบง่ายมาก เยี่ยเว่ยหมิงใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีก็อ่านทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
ย่อมต้องยกความดีความชอบให้ ‘เงาของเทพกระบี่’ ที่ทำให้การอ่านและการคำนวณของเขาได้ผลดีกว่าที่ทุ่มเทไป
หลังจากอ่านกลยุทธ์จบทั้งหมดแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งพิราบสื่อสารให้อินปู้คุยทันที
[สหาย ทำอะไรอยู่]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ทำภารกิจที่เสียเวลาอยู่ด้านนอก คงใช้เวลานานพอสมควรถึงจะทำสำเร็จ ครั้งนี้พบปัญหายุ่งยากอะไรอีกแล้วล่ะ]…อินปู้คุย
[จะถามเจ้าเกี่ยวกับของบางอย่าง แล้วก็จะให้เจ้าดูของบางอย่างอีก] ด้านล่างข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงส่งรายชื่อของที่ได้จากหวังเฟยเซี่ยตะวันตกให้อินปู้คุย แล้วไม่นานก็ได้รับคำตอบ
ยาผึ้งหยกคือของที่มีเฉพาะสำนักสุสานโบราณเท่านั้น เหมือนผลิตได้ทีละมากๆ ในครั้งเดียวด้วย แต่สำนักสุสานโบราณคงจะเป็นสำนักลับ เจ้าต้องอาศัยวิธีการของตัวเองเพื่อให้ได้มันมา ที่อยู่ก็คือภูเขาด้านหลังของเขาจงหนาน
ปลาขาวบึงหนาวอยู่ในบึงน้ำเย็นใต้หน้าผาลำไส้ขาดของหุบเขาไร้รัก อย่าถามข้าว่าหุบเขาไร้รักอยู่ที่ไหน เพราะข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน
ท้อสวรรค์คุนหลุนอยู่ที่แดนสวรรค์คุนหลุน เป็นดินแดนลึกลับเช่นกัน ในกลยุทธ์ที่ข้าเคยให้เจ้าก่อนหน้านี้ก็เอ่ยถึงอยู่ เป็นสถานที่ที่จางอู๋จี้พบ ‘คัมภีร์เก้าเอี้ยง’
ยาเปลี่ยนเส้นเอ็นคือของที่อยู่ในการควบคุมของประมุขหงแห่งพรรคมังกรเทพ เจ้าลองไปท้าสู้ดันเจี้ยน ‘อายุยืนเทียมฟ้า’ ในประตูสี่บานของจวนลู่ติ่งกงดูสักหน่อย
ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกคือสมบัติของสำนักจินกังแห่งแดนซีอวี้ ข้าเองก็ไม่รู้สถานที่เช่นกัน ส่วนรายละเอียดว่าจะได้มันมาได้อย่างไร เจ้าอิงตามข้อมูลบนกลยุทธ์แล้วคิดหาทางเองได้เลย เรื่องนี้เจ้าถนัดมากกว่า
ปลาหลีฮื้อทองกับน้ำดีจิ้งจอกหิมะ สองอย่างนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
จบรายงาน
อินปู้คุย ในฐานะเพื่อนไม่ต้องพูดอะไรมากเลยจริงๆ ขอเพียงเป็นข่าวที่เยี่ยเว่ยหมิงต้องการ เขาไม่เคยพูดคำว่าไม่เลย ทั้งยังไม่เคยเป็นฝ่ายเสนอเงื่อนไขใดๆ ก่อนด้วย
ทุกครั้งถ้ารู้ก็พูด ถ้าพูดก็พูดหมด สุดท้ายก็ยังแนบกลยุทธ์ของเนื้อเรื่องให้ส่วนหนึ่งด้วย
ในเมื่อสหายมีน้ำใจขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมใจแคบไม่ได้
หลังจากบันทึกข้อมูลบนนั้นเงียบๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็พลิกมือส่งพิราบสื่อสารให้อินปู้คุย
[เอาไป! แต่ประหยัดใช้งานหน่อยนะ ของนี่ข้าจำเป็นต้องใช้ในภารกิจเหมือนกัน ใช้เสร็จแล้วเหลือก็คืนให้ข้า [ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก]…เยี่ยเว่ยหมิง
กลยุทธ์เหมือนเคยพูดไปแล้ว หลังจากอวี๋ไต้เหยียนกับอินหลีถิงถูกทำให้พิการก็ใช้ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกรักษาจนหาย อิงตามลำดับของเนื้อเรื่อง ตอนนี้อินหลีถิงน่าจะยังไม่ถูกทำให้พิการ แต่อวี๋ไต้เหยียนคงจะกำลังนอนเป็นผัก
ดังนั้นด้วยตัวตนและฐานะของบอสเลเวลสองร้อยอย่างจางซานเฟิง จะดูแลรักษาศิษย์ในสำนักอย่างอวี๋ไต้เหยียนไม่ได้เชียวหรือ
ถ้าพูดแบบไม่น่าฟัง อาศัยผลงานนี้ ต่อให้จางซานเฟิงรับอินปู้คุยเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของตัวเองเป็นกรณีพิเศษ เลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์คนที่แปดของอู๋ตังก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
หลังจากนั้นครึ่งนาที อินปู้คุยตอบกลับข้อความ
[โอ้สวรรค์! พี่ใหญ่! ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตั้งแต่นี้ไปเจ้าก็คือพี่ใหญ่ของข้า!]…อินปู้คุย
……
สรุปข่าวที่ได้มาจากอินปู้คุย ในบรรดาวัตถุดิบยาเจ็ดอย่าง ยาผึ้งหยกคือของที่ได้มาง่ายที่สุด
เยี่ยเว่ยหมิงส่งพิราบสื่อสารให้สะพานสวรรค์น้อยเพื่อถามรายละเอียดของสถานการณ์ ได้รับข้อความตอบกลับทันทีว่า “เจ้าต้องการเท่าไร”
คำตอบนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอึ้งไปชั่วขณะ หลังจากถามละเอียดแล้วถึงได้รู้ว่า ในสายตาคนอื่น ยาผึ้งหยกถือเป็นของขวัญล้ำค่าจริงๆ แต่สำหรับสำนักสุสานโบราณ นั่นคือหนึ่งในเสบียงอาหารที่ NPC กินในชีวิตประจำวัน ถึงขั้นว่าแม้แต่ผู้เล่นของสำนักสุสานโบราณก็นำเงินกับค่าผลงานสำนักมาแลกได้โดยตรง
เพียงแต่ในความเข้าใจของสะพานสวรรค์น้อยก่อนหน้านี้ ประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียวของมันคือยาถอนพิษ
ถอนพิษผึ้งหยกกับเข็มผึ้งหยกได้ทันท่วงที มีสรรพคุณระงับพิษอื่นๆ ได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน
นางรู้เพียงเท่านี้
เนื่องจากมูลค่าในตลาดไม่สูงมาก หลังจากแลกมาแล้วผู้เล่นของสำนักสุสานโบราณจึงไม่เคยคิดจะนำไปขายทำเงิน
หลังจากรู้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ต้องการจำนวนนาก สะพานสวรรค์น้อยก็ใช้พิราบสื่อสารส่งมาให้หนึ่งขวดที่บรรจุครึ่งชั่งอย่างใจกว้างมาก พร้อมฝากข้อความด้วยว่า ตอนนี้บนตัวนางเหลืออยู่เพียงเท่านี้ แต่หลังจากนางกลับสำนักแล้ว อยากได้เท่าไรก็มีให้เท่านั้น
เป็นไปตามนั้น ได้วัตถุดิบยาอย่างที่สองมาแบบนี้แล้ว
แต่ห้าอย่างที่เหลือ วิธีการที่จะได้มาคงไม่ได้ง่ายขนาดนี้ ทุกอย่างแทบจะเป็นไอเทมลับที่อยู่ในแผนที่พิเศษ ในจำนวนนั้นยังมีสองรายการที่อินปู้คุยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนด้วย
สิ่งที่พอจะนำมาไว้ในมือได้ตอนนี้ เหมือนจะมีแค่ยาเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว เขาจะกลับไปถามเหวยเสี่ยวเป่าสักหน่อย หรือไม่ก็บุกดันเจี้ยน ‘อายุยืนเทียมฟ้า’ เองเลย
รองลงมาก็คือท้อสวรรค์คุนหลุน สิ่งที่อยู่ในฉากเดียวกับ ‘คัมภีร์เก้าเอี้ยง’ ถ้าอยากจะเข้าไป แค่คิดก็รู้ถึงระดับความยากแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงครุ่นคิด รอให้เนื้อเรื่องของ ‘บันทึกกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ดำเนินไปจนถึงตอนจางอู๋จี้ตกหน้าผา ถึงขั้นรอให้ออกมาจากใต้หน้าผาสูงชันก่อนถึงจะมีโอกาส
ส่วนอย่างอื่น…ตอนนี้คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
เขาเติมไม้แห้งบนกองไฟอีกเล็กน้อยก่อนจะนั่งขัดสมาธิ เริ่มฝึกวิชาอย่างน้องดาบบ้าง
ไม่ได้พูดอะไรเลยทั้งคืน
วันต่อมา ตอนที่ฟ้าเพิ่งสว่าง ทั้งสองก็ออกเดินทางต่อไป
นอกด่านหนาวเย็นเป็นพิเศษ แต่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบล้วนเป็นยอดฝีมือท่ามกลางผู้เล่น ค่าตบะกำลังภายในไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปเทียบติด แต่เมื่อเดินทางอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นกัน ก็ยังรู้สึกลำบากอยู่ดี
ขณะที่กำลังวิ่ง ก็รูดกินเนื้อย่างเสียบไม้ไปด้วย เป็นภาพที่อิสระเสรีมาก
ถึงอย่างไรร่างกายของผู้เล่นก็เป็นเหมือนยุทโธปกรณ์ บาดเจ็บได้ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะป่วย
“จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ถึงคำถามหนึ่ง” หลังจากกินเนื้อหมาป่าย่างไปเจ็ดไม้ ในที่สุดค่าความหิวของเยี่ยเว่ยหมิงก็เหลือศูนย์แล้ว เขาโยนไม้ในมือทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับเอ่ยปากถามว่า “ในเมื่อจุดหมายแรกของเราคือด่านประตูหยก เช่นนั้นก่อนหน้านี้ทำไมไม่ไปด่านประตูห่านป่ากับพวกสะพานสวรรค์น้อย ถ้าไปนั่งรถม้าที่นั่น ก็จะถูกส่งมาที่ด่านประตูหยกโดยตรงเหมือนกันไม่ใช่หรือ…
…แล้วถ้าเดินทางตามวิธีที่ข้าบอก อย่างน้อยก็ย่นระยะทางได้หนึ่งในสามส่วน”
ความเร็วในการกินอาหารของน้องดาบก็ไม่เป็นรองเยี่ยเว่ยหมิง ตอนนี้นางกินเนื้อย่างหมดแล้วเช่นกัน พอได้ยินคำถามก็ถามกลับอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำว่า “ถ้าไม่มาเส้นทางนี้ เจ้าจะได้รับภารกิจสุดยอดวิชาหรือ”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้ถามเรื่องนี้” เยี่ยเว่ยหมิงอ้อมค้อม อย่าคิดจะพูดหลอกลวงให้ผ่านๆ ไป “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะรู้ล่วงหน้าว่ามีภารกิจนี้อยู่”
น้องดาบร่างกายวิบวับพลิ้วไหว เหมือนภูตที่กลายร่างมาจากเปลวเพลิง “แต่ที่จริง วิ่งนอกเมืองมากๆ หน่อย ก็มีโอกาสเจอกับภารกิจลับมากกว่าจริงๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงงทันที นึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเจออาจ่งก่อนหน้านี้ เหมือนคำพูดของนางก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
ส่วนน้องดาบก็อธิบายต่อว่า “แน่นอน นี่เป็นเพียงหนึ่งในสาเหตุที่ข้าตรงมาที่ด่านประตูหยก ส่วนอีกสาเหตุ เจ้ามือปราบหน้าเหม็น เจ้าไม่สังเกตเห็นบ้างหรือ หลังจากวิ่งเดินทางได้หนึ่งวันกว่า ค่าประสบการณ์วิชาตัวเบาก็เพิ่มขึ้นเยอะมาก”
น้องดาบหัวเราะแห้ง แล้วสุดท้ายก็สรุปว่า “วิ่งเยอะๆ หน่อย มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจ”
ตอนที่ฟ้าสว่างเต็มที่ ทั้งสองก็มาถึงด่านประตูหยกแล้ว แต่คนที่น้องดาบต้องการพบไม่ใช่นายพลกองทัพที่ด่านประตูหยก
เมื่อผ่านด่านประตูหยกไปแล้ว ด้วยการนำทางของน้องดาบ สุดท้ายทั้งสองก็มาเจอหลวงจีนจีวรเหลืองที่ถือดาบเดี่ยวแบบเดียวกับน้องดาบในป่าต้นหยางผืนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากด่านประตูหยกห้าลี้
อย่าบอกนะว่าหลวงจีนรูปนี้คือศิษย์ของสำนักดาบโลหิต
เมื่อเห็นหลวงจีน ประโยคแรกที่น้องดาบพูดก็คือ “ซั่นจื้อ ข้าได้ยินว่าเจ้าเพิ่งล้างเลือดโรงเตี๊ยมนอกด่านไปแห่งหนึ่ง ได้สูตรกลั่นสุรานอกด่านแล้วหรือยัง?”
“อ้าว! นี่ศิษย์น้องหนึ่งดาบไม่ใช่หรอกหรือ” หลังจากซั่นจื้อเห็นน้องดาบ ในดวงตาก็ฉายประกายตัณหาแวบหนึ่ง แต่เขาก็ควบคุมไว้ได้ทันที ปากยังคงกล่าวประเมินอย่างดูถูกว่า “ขนาดผู้เล่นอย่างพวกเจ้ายังเห็นได้แต่สัมผัสไม่ได้เลย น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ แต่ตำรับยานั่นของเจ้าไม่มีประโยชน์ต่อข้า ถ้าเจ้าอยากได้…”
ไม่รอให้ซั่นจื้อพูดจบ น้องดาบก็ถลันตัวมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว จากนั้นโบกมือตบหน้าอีกฝ่ายหนึ่งฉาด
เพียะ!
-233!
พลังของฝ่ามือนี้ไม่ใช่เบาๆ แต่เนื่องจากไม่ใช่กระบวนท่าของระบบ จึงสร้างดาเมจได้ไม่สูงมาก เพียงแต่ซั่นจื้อถูกตบจนหมุนออกจากที่เดิมไปหลายตลบ ตอนนี้ก้นนั่งติดอยู่บนพื้นแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้ เขาถูกอีกฝ่ายตบจนค่าสเตตัสของ BOSS ปรากฏขึ้นมาแล้ว
[ซั่นจื้อ]
หนึ่งในยอดฝีมือของสำนักดาบโลหิต
เลเวล: 45
พลังชีวิต: ……
……
เมื่อเห็นน้องดาบไม่ยอมฟังแม้กระทั่งอีกฝ่ายแจกภารกิจ พอเจอหน้ากันก็ตบทันที เยี่ยเว่ยหมิงก็อดอึ้งไม่ได้ พอดึงสติกลับมาได้ถึงถามว่า “จะว่าไปแล้ว เจ้าปฏิบัติกับ NPC สำนักเดียวกันเช่นนี้ จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม…”
“…นี่ก็คือข้อได้เปรียบของสำนักดาบโลหิตของพวกเรา” น้องดาบหักนิ้วเสียงดังกรอบแกรบ
ตอนนี้เอง ซั่นจื้อก็ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วเช่นกัน เขากล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ศิษย์น้องหนึ่งดาบ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะลอบโจมตีข้า ดูท่าแล้ววันนี้จะต้องสั่งสอนให้เจ้ารู้จักกฎของสำนักดาบโลหิตสักหน่อย”
ส่วนน้องดาบก็ชักดาบออกมาเช่นกัน ไม่สนใจการท้าทายของซั่นจื้อเลย เอาแต่พึมพำอธิบายให้เยี่ยเว่ยหมิงฟังว่า “กฎของสำนักดาบโลหิตก็คือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นจ้าว ในสำนักมีภารกิจมากมาย ถ้าเจ้ากลัวยุ่งยากไม่อยากทำ ก็มีอีกช่องทางหนึ่ง นั่นก็คือเอาชนะ NPC ที่แจกภารกิจ เป็นอย่างไร อิจฉามากเลยล่ะสิ”
อิจฉาบ้าอะไรกัน!
เยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้จะสบถด่าสำนักที่ไร้เหตุผลเช่นนี้อย่างไรดี
ตอนนี้เอง ซั่นจื้อโบกดาบมาทางน้องดาบก่อนแล้ว
ส่วนน้องดาบก็ใช้ท่าร่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ ถลันหลบไปข้างหลังเขาอย่างพลิ้วไหวราวกับภูตแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่ถือเป็นการต่อสู้ภายในของสำนักดาบโลหิต เจ้าอย่าแทรกแซง”
ตอนที่นางพูด ดาบยาวในมือก็ฟันไปบนหลังคอของอีกฝ่ายจนเกิดคริติคอลดาเมจที่ตัวเลขไม่ใช่น้อยๆ!