ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง
ตอนที่ 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง
เมื่อได้ยินคำเตือนของเยี่ยเว่ยหมิง กลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังก็ตกใจทันที แต่ละคนพากันหยิบอาวุธพร้อมลุกขึ้นยืน เพียงแต่เมื่อเห็นว่าศิษย์สำนักเส้าหลินที่ล้อมเข้ามายังเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่สู้กันก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ตอนอยู่ที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินเมื่อวาน ขบวนสู้รบของทั้งสองฝ่ายก็เป็นเช่นนี้ แม้อีกฝ่ายจะได้เปรียบที่มีคนเยอะกว่า แต่ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลยจริงๆ วันนี้เล่นลูกไม้นี้อีกแล้ว ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่
เมื่อเห็นบรรดาศิษย์สำนักเส้าหลินล้อมเข้ามา จางชุ่ยซานกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ธุระหลักสำคัญกว่า อย่าให้มีปัญหาอื่นเข้ามาแทรก พวกเราไปกันก่อนเถอะ”
“จอมยุทธ์ห้าจาง ตอนนี้เพิ่งจะคิดหนี ไม่รู้สึกว่าสายไปหน่อยหรือ” หลังจากเสียงดังกังวานนี้ได้ยินมาถึงหู ยอดฝีมือเส้าหลินเจ็ดคนที่เคยประมือกับจางชุ่ยซานก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวพร้อมกัน แบ่งกลุ่มกับผู้เล่นเป็นสองฝั่งมาล้อมกลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังไว้ตรงกลาง
เมื่อเห็นยอดฝีมือของฝ่ายตรงข้ามมากันครบ จางชุ่ยซานก็ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวมาอยู่ตรงหน้ากลุ่มเส้าหลิน กล่าวเสียงต่ำว่า “ไต้ซือหยวนอิน ตอนนี้พวกเราเจอเบาะแสบางอย่างของผู้ร้ายแล้ว อย่าบอกนะว่าสำนักเส้าหลินเตรียมจะหาเรื่องพวกเราต่อไป จะทำเรื่องที่ฝ่ายตัวเองเจ็บปวด ฝ่ายศัตรูหรรษาจริงๆ หรือ”
หยวนอินประนมมือเอ่ยว่า “ในเมื่อจอมยุทธ์ห้าจางเจอเบาะแสแล้ว เช่นนั้นก็ดีเลย รบกวนจอมยุทธ์ห้าจางตามอาตมาไปที่เส้าหลินสักรอบ ไปชี้แจงต้นสายปลายเหตุต่อเจ้าอาวาสเถอะ”
ที่แท้เป้าหมายของฝั่งเส้าหลินก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย ยังคงคิดจะจับจางชุ่ยซานไปที่เส้าหลิน!
เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังแล้วขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ทำไปเพื่ออะไรกันแน่
ทำเพื่อสอบสวนหาคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน หรือว่าถือโอกาสทำให้เส้าหลินได้เปรียบขึ้นมาบ้างเมื่ออยู่ในการเดิมพันกับอู่ตัง หรือไม่ก็ทำเพื่อ…
ดาบฆ่ามังกร!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา จางชุ่ยซานก็ชักพู่กันเหล็กและตะขอเงินออกมาจากข้างหลังแล้วเช่นกัน “หากผู้แซ่จางไม่ยินยอมล่ะ”
“อมิตาภพุทธ!”
ทันใดนั้น นามของพระพุทธเจ้าก็ดังขึ้นกลางอากาศ ราวกับวนเวียนอยู่ข้างหูทุกคนนานมาก
ตามที่เสียงสวดมนต์ดังขึ้น หลวงจีนผมขาวห่มจีวรรูปหนึ่งก็เดินจากที่ไกลๆ มาทางพวกเขาแล้ว ฝีเท้าดูเหมือนเชื่องช้า แต่ระยะทางร้อยเมตรกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึง ความเร็วของเขาเหนือความจริงกว่านักวิ่งแชมป์โลกร้อยเมตรเสียอีก!
เมื่อเห็นหลวงจีนรูปนี้ปรากฏตัว จางชุ่ยซานก็ขมวดคิ้ว ในที่สุดก็ใจเย็นไม่ไหวอีกต่อไป “ไต้ซือคงซิ่ง!”
เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างๆ ยังคงมองอย่างสงบนิ่ง ในใจแอบพึมพำว่า ดูท่าแล้ว ไต้ซือคงซิ่งนี่คงจะเป็นที่พึ่งพาใหญ่สุดให้พวกเขาในวันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเทพปราชญ์มาจากไหน
เหมือนมองออกว่าเยี่ยเว่ยหมิงสงสัยอะไร อินปู้คุยที่อยู่ข้างกันอธิบายได้ถูกเวลาพอดี “คงซิ่งก็คือหนึ่งในสามพระชั้นผู้ใหญ่รุ่นฉายานาม ‘คง’ ของสำนักเส้าหลิน พลังภายในบรรลุจุดสุดยอด ใช้วิชากรงเล็บมังกรของเส้าหลินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงขั้นเหนือกว่าเทพพระคงเจี้ยนที่มรณภาพไปแล้วเสียอีก”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังแล้วอดตะลึงไม่ได้ “แม้กระทั่งเรื่องนี้เจ้าก็รู้หรือ”
“หึหึ…” อินปู้คุยหัวเราะอย่างภาพภูมิใจ “อาจารย์ข้าชอบเล่าเรื่องในยุทธภพให้ฟัง แล้วข้าก็ชอบฟังมาก ก็เลยจดจำได้เยอะ”
เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะถามว่าอาจารย์ของเจ้าคือผู้สูงส่งท่านไหนของอู่ตังกันแน่ แต่ผู้เล่นอู่ตังอีกคนที่ถือดาบกลับกล่าวอย่างไม่พอใจ “ได้กำไรเกินไปแล้ว เจ้าจะมัวพูดพล่ามกับเจ้าเด็กนี่ทำไมเยอะแยะ ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเขาเป็นคนล่อหลวงจีนเส้าหลินพวกนี้มา”
“เป็นไปไม่ได้!” อินปู้คุยกลับมีความคิดรอบคอบ “เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายดักซุ่มมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ข้าเพิ่งจะพาสหายเยี่ยมาถึง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาแน่นอน”
ตอนนี้บะหมี่หมั่นโถวก้าวมาข้างหน้าแล้ว กล่าวกับอินปู้คุยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้านี่ฉลาดเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะทำภารกิจชนกัน ข้าก็ยินดีจะเป็นสหายกับเจ้านะ” เมื่อพูดจบ ก็หันตัวไปหาศิษย์สำนักอู่ตังที่สงสัยในตัวเยี่ยเว่ยหมิง “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่ถือสาที่จะบอกความจริงให้พวกเจ้ารู้ ที่จริงนักพรตเต๋าอย่างพวกเจ้าเดินอยู่ด้วยกันหกคน ก็ดูสะดุดตากว่าคนอื่นเขานะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของบะหมี่หมั่นโถว กลุ่มผู้เล่นอู่ตังก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นตาตื่นใจ
ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าคนอื่นเปิดเผยเส้นทางของพวกเขา ที่แท้พวกเขาคงถูกสะกดรอยตามเอง
ตบหน้ากันได้เจ็บมาก…
ตอนที่ผู้เล่นฝั่งนี้กำลังคุยกัน NPC ของสองสำนักก็กำลังเจรจาต่อรองเช่นเดียวกัน ทว่าสำนักเส้าหลินตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าวันนี้จะจับตัวจางชุ่ยซานกลับไปให้ได้ แต่คำขอเหลวไหลที่ทำให้อู่ตังเสียหน้าแบบนี้ จางชุ่ยซานจะยอมจำนนแต่โดยดีได้อย่างไร
ผลปรากฏว่าเพิ่งคุยไปได้ไม่กี่คำ ก็เปลี่ยนจากใช้ปากเป็นใช้มือแล้ว
ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นทั้งสามฝ่ายก็ได้รับแจ้งเตือนจากระบบ
ผู้เล่นอู่ตังได้รับแจ้งเตือนว่า [จางชุ่ยซานถูกไต้ซือคงซิ่งแห่งเส้าหลินหาเรื่อง ตอนสู้กันพบว่าความสามารถของตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็กังวลว่าศิษย์ในสำนักจะไม่ยอมถอยไปลำพัง ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว กรุณาฝ่าวงล้อมเพื่อแก้ไขความห่วงหน้าพะวงหลังให้จางชุ่ยซาน!]
ผู้เล่นเส้าหลินได้รับแจ้งเตือนว่า [ศิษย์สำนักอู่ตังทุกคนที่อยู่ตรงนี้ อย่าปล่อยให้หนีไปได้ก่อนไต้ซือคงซิ่งจัดการจางชุ่ยซานสำเร็จ และต้องเหลือผู้รอดชีวิตไว้หนึ่งคน]
เยี่ยเว่ยหมิงกลับได้รับแจ้งเตือนว่า
[ศิษย์สำนักเส้าหลินกับศิษย์สำนักอู่ตังเกิดความขัดแย้งกัน กรุณาเลือก…
1. ช่วยเส้าหลิน
2. ช่วยอู่ตัง
3. สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ]
“พี่น้อง ลงมือเลย!” วินาทีถัดมาหลังจากปรากฏแจ้งเตือนระบบ บะหมี่หมั่นโถวก็ออกคำสั่งแล้ว เขานำพรรคพวกโจมตีไปทางกลุ่มศิษย์สำนักอู่ตัง ส่วนศิษย์สำนักอู่ตังที่เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ ก็ต่างคนต่างลงมือเช่นกัน หมายจะฝ่าวงล้อมออกไป
เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะไม่ลังเลใดๆ เลือกตัวเลือกที่สองเสียเลย ชักกระบี่ออกจากฝักพร้อมเสียงมังกรคำราม ขวางบะหมี่หมั่นโถวที่นำหน้ามาเอาไว้
“สหายเว่ยหมิงคิดจะช่วยอู่ตังจนถึงที่สุดจริงๆ แล้วใช่ไหม”
“ก็แค่ภารกิจเท่านั้น”
“ดี!” หลังจากขานรับไปเรื่อยเปื่อย สหายหมั่นโถวก็ไม่เกรงใจอีก ใช้หมัดอรหันต์โจมตีไปทางเยี่ยเว่ยหมิงทันที
เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยว่าตัวเองมีอุปกรณ์ดี มีเคล็ดกระบี่เลเวลสูง ฉายเดี่ยวไปขวางศิษย์สำนักเส้าหลินสี่คนรวมทั้งบะหมี่หมั่นโถว ตอนนี้ความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงอัปเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะมาก แม้จะสู้แบบหนึ่งต่อสี่ แต่ภายในเวลาอันสั้นนี้ อีกฝ่ายก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้เขามีความมั่นใจเหมือนจางชุ่ยซาน ขอเพียงคุ้มครองให้ศิษย์สำนักอู่ตังคนอื่นหนีไปได้ เขาก็จะเลือกถอยหนีไปอย่างสบายๆ ได้ทุกเมื่อ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ เลเวลสี่ทำให้ท่าร่างของเขามีระดับความน่ากลัวถึงร้อยห้าสิบแปดแต้มแล้ว หากเขาคิดจะหนีไปเมื่อไร ผู้เล่นเลเวลเดียวกันก็มีน้อยมากที่จะตามเขาทัน
ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาศิษย์สำนักเส้าหลินที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีใครเชี่ยวชาญท่าร่างสักคน
เยี่ยเว่ยหมิงแข็งแกร่งมาก กลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังก็ไม่ได้อ่อนแอ แต่ภายใต้วงล้อมศิษย์สำนักเส้าหลินที่มีจำนวนเยอะกว่าพวกเขามาก ถ้าอยากจะตีฝ่าออกไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งไปกว่านั้น NPC เส้าหลินเจ็ดคนที่ล้อมโจมตีจางชุ่ยซานเมื่อวาน ตอนนี้ก็กำลังยืนเป็นผู้ชมอยู่ข้างๆ พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะรู้ว่าระบบไม่มีทางมอบหมายภารกิจที่ไร้หนทางสำเร็จให้ผู้เล่น ทว่าเขาก็ครุ่นคิดอยู่นานมาก แต่กลับคิดไม่ออกว่าจะใช้วิธีไหนแก้ไขสภาพอับจนตรงหน้านี้ได้
อย่าบอกนะว่าเมื่อภารกิจเกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกันเอง ก็จะไม่มีคำว่าสมดุลอะไรอีกแล้ว
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังครุ่นคิดว่าจะแก้ไขวิกฤติอย่างไร อินปู้คุยที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้เล่นกลับตะโกนเสียงดัง “พี่น้องทั้งหลาย ยืนหยัดไว้ ยืนหยัดต่อไปแล้วจะชนะ!”
ยืนหยัดต่อไป?
นี่มันอะไรกัน?
จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ควรจะตะโกนว่าฝ่าออกไป สังหารจนเลือดนองตลอดทางไม่ใช่หรอกหรือ