ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 291 ประทับตรา
ตอนที่ 291 ประทับตรา
ตำราอาหารที่ฉินหนานฉินนำออกมา กล่าวได้ว่าทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเปิดโลกมาก
นี่มันตำราอาหารหนึ่งชุดเสียที่ไหนกัน
นี่คือตำราอาหารหนึ่งชุดใหญ่ต่างหาก ในจำนวนนั้นมีทั้งอาหารและสุรา รวมแล้วยี่สิบกว่าอย่าง!
ในช่วงที่ผ่านมา ฝีมือทำครัวของเยี่ยเว่ยหมิงก็นับว่าก้าวหน้ามากเช่นกัน เขาเชื่อว่าหลังจากเรียนตำราอาหาร ‘หนึ่งชุด’ นี้แล้ว ฝีมือจะต้องสูงขึ้นหนึ่งระดับแน่นอน
แน่นอน ที่สำคัญกว่านั้นก็คือตำราอาหารชุดนี้ค่อนข้างใช้งานได้จริง
เยี่ยเว่ยหมิงที่วันนี้หลังเที่ยงเพิ่งผ่านเลเวลสามสิบหก พอฆ่ามอนสเตอร์ไปอีกครึ่งวัน ก็โจมตี BOSS โหมดปกติเลเวลหกสิบห้าตาย ตอนนี้ค่าประสบการณ์ทะลุครึ่งหนึ่งของค่าประสบการณ์ที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มเลเวลแล้ว กำลังก้าวพรวดสู่เลเวลสามสิบเจ็ดแล้ว
เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นานเขาก็จะทะลุถึงเลเวลสี่สิบแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยติดต่อสะพานสวรรค์น้อยกับน้องดาบให้ไปทำภารกิจช่วยชีวิตคนที่จวนท่านอ๋องจ้าวด้วยกัน ตำราอาหารชุดนี้ก็จะมีที่ให้ใช้งานแล้วไม่ใช่หรอกหรือ
สำหรับตำราอาหารชุดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงพอใจมาก
อย่างไรเสียถ้าดูจากคาแรคเตอร์ของฉินหนานฉิน นางก็คงหาทักษะยุทธ์ หรืออุปกรณ์อะไรที่เข้าท่ามาทำเป็นรางวัลภารกิจไม่ได้แล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเก็บตำราอาหารไว้ จู่ๆ ฉินหนานฉินก็ถามว่า “สหายเยี่ย จดหมายที่ข้าเคยให้ท่านไว้ก่อนหน้านี้ยังอยู่หรือเปล่า”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้ารับ นำจดหมายฉบับนั้นที่ฉินหนานฉินให้เขาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ออกมาแล้วถามว่า “ที่แม่นางฉินถามคือจดหมายฉบับนี้หรือ”
ฉินหนานฉินพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นก็รับจดหมายมาแล้วกลับเข้าไปในห้อง
จะว่าไป นางเก็บจดหมายฉบับนี้กลับไปหมายความว่าอะไร
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังพิจารณาว่าจะเตือนนางหรือไม่ว่าจุดหมายฉบับนั้นตนต้องเก็บเอาไว้ปกป้องชีวิต ฉินหนานฉินกลับผลักประตูแล้วเดินออกมาอีกครั้ง “ข้าเพิ่งเขียนเรื่องที่พี่ใหญ่เยี่ยทำเพื่อข้าวันนี้ไว้ในจดหมายฉบับนี้ พี่ใหญ่เยี่ยได้โปรดเก็บไว้ให้ดี”
นางบอกว่าให้เยี่ยเว่ยหมิงเก็บจดหมายไว้ให้ดี แต่ฉินหนานฉินกลับไม่ได้ยื่นจดหมายให้เขาในทันที แต่จ่อจดหมายไว้ข้างริมฝีปากแดงของตัวเองก่อน จูบบนนั้นเบาๆ หนึ่งที ประทับรอยริมฝีปากสีแดงสดไว้บนหน้าจดหมาย จากนั้นใช้สองมือประคองจดหมายยื่นให้ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังเผยสีหน้างุนงง “พี่ใหญ่เยี่ยเก็บไว้ให้ดี ในอนาคตท่านอาจจะได้ใช้มัน”
“แม่นางฉิน นี่เจ้ากำลัง…?”
“ประทับตรา รับประกันความเสี่ยงอีกชั้น”
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำสีหน้าเหมือนมีม Confused Nick Young
จะว่าไปแล้ว จดหมายฉบับนี้ที่เจ้าให้ข้า ใช้เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าข้าคือผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตมารดาของหยางกั้วไม่ใช่หรอกหรือ
แต่เจ้าประทับตรานี้ไว้บนนี้หมายความว่าอย่างไร
อย่าบอกนะว่าหลังจากผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง แม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์คนนี้เกิดความคิดเพ้อฝันกับหนุ่มน้อยไร้เดียงสาที่มีนิสัยซื่อตรงอย่างข้าเข้าแล้ว
ไม่น่าจะใช่นะ!
แม้แต่หลวงจีนลามกของสำนักดาบโลหิตกับโจรราคะอย่างสือจงอวี้ก็ยังเข้าใจว่าผู้เล่นคือคนที่มองได้แต่แตะต้องไม่ได้ ฉินหนานฉินคนนี้ในฐานะที่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดตัวละครเอกผู้ไร้รัก ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รู้เรื่องนี้
อีกทั้งการให้เจ้าทำเช่นนี้ เมื่อถึงตอนที่ข้าเจอกับหยางกั้วผู้ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการฝึกทักษะยุทธ์ เจ้าจะให้ข้าพูดกับเขาว่าอย่างไร
กั้วเอ๋อร์เอ๊ย! ข้าคิดมาดีแล้ว ต่อไปนี้การนับลำดับอาวุโสของพวกเราจะเปลี่ยนไปแล้ว อย่างนี้หรือ
พอจินตนาการถึงฉากแปลกๆ ที่ตนเรียกหยางกั้วว่าพี่ชาย แล้วหยางกั้วเรียกตกว่าท่านพ่อ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดตัวสั่นเพราะความกลัวไม่ได้
เพียงแต่เมื่อเห็นว่าฉินหนานฉินไม่มีท่าทีอยากอธิบายอะไร เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงปลอบใจนางสองสามประโยค แล้วกล่าวอำลาทันที
อย่างไรเสียทั้งร่างกายเขาก็ยังเป็นเด็กผู้ชาย ม่ายสาวดุดันเหมือนเสือ หากรักชีวิตก็ควรอยู่ห่างๆ ไว้…
หลังจากกล่าวอำลาฉินหนานฉินแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มใช้ท่าร่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ที่มีความเร็วชั้นหนึ่งวิ่งตะบึงไปทางเขาทรายพิษ
ตอนนี้สีของท้องฟ้ามืดสนิท
ก่อนสิ้นสุดภารกิจ เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะรีบไปอัปเลเวลที่นั่นอีกครั้ง เก็บคะแนนสะสมเพิ่มอีกสักหน่อย ถือโอกาสไปตักตวงงูพิษที่บ้านงูนั่นอีกสองสามชนิดเพื่อกลับไปปรุง พยายามเพิ่มค่าประสบการณ์ทักษะการทำครัวก่อนทำภารกิจที่จวนท่านอ๋องจ้าว ถือโอกาสทำความคุ้นเคยกับขั้นตอนการทำเมนูงานเลี้ยงงู ทั้งยังได้เสพสุขกับอาหารเลิศรสอีกเป็นชุด ก็ล้วนเป็นเรื่องที่น่าบันเทิงใจเช่นกัน
ทว่าตอนที่แผนของเขาเพิ่งจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง เขากลับถูกความจริงตีแสกหน้าอย่างไม่ปรานี
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นตั้งแต่ไกลๆ ว่าบนยอดเขาทรายพิษถูกครอบไปด้วยเปลวเพลิง ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด ทั้งเขาทรายพิษราวกับกลายเป็นคบเพลิงขนาดใหญ่ สว่างพร่างพราวสะดุดตา
และตอนที่เขาวิ่งตะบึงขึ้นเขาจนมาถึงนอกค่ายทรายพิษ กลับพบว่าทั้งค่ายทรายพิษกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว สิ่งปลูกสร้างมากมายถูกไฟเผาหมดแล้ว!
เพลิงกองใหญ่กำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วง
อย่าว่าแต่เป้าหมายของเยี่ยเว่ยหมิง ลูกสมุน หัวโจกและงูพิษของค่ายทรายพิษ หลังจากผ่านเพลิงใหญ่ครั้งนี้ไป เกรงว่าทั้งค่ายทรายพิษคงไม่เหลือแม้แต่ขนเส้นเดียว
จะว่าไปแล้ว ผู้เล่นพวกนี้ก็บ้าระห่ำเกินไปหรือเปล่า
แม้ในภารกิจจะบอกว่าการทำลายสิ่งปลูกสร้างของค่ายทรายพิษก็ได้คะแนนสะสมเหมือนกัน แต่การที่พวกเจ้าเผาทั้งค่ายทรายพิษจนกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า แบบนี้ก็ถือว่าทำเกินไปหน่อย
ผู้เล่นพันกว่าคนมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ถือเป็นภัยธรรมชาติเหมือนฝูงตั๊กแตกบุกทำลายพืชไร่จริงๆ!
แต่กลุ้มใจก็ส่วนกลุ้มใจ เยี่ยเว่ยหมิงที่เด็ดได้ท้อลูกใหญ่มาแล้วไม่ได้คิดวนเวียนกับสิ่งเหล่านี้อีก ยามค่ำคืนอากาศหนาว เขาหาโขดหินใกล้ๆ กองเพลิงใหญ่ของค่ายทรายพิษนั่งลงเสียเลย ตอนที่นั่งผิงไฟ เขาก็นำตำราลับตระหนักรู้เล่มหนึ่งออกจากสัมภาระ แล้วเริ่มอาศัยแสงไฟเปิดอ่าน
อิงตามแนวคิดที่ว่าเก็บของที่ดีที่สุดไว้ใช้ตอนหลังสุด เยี่ยเว่ยหมิงอ่าน ‘ตระหนักรู้วิชาแพทย์’ ก่อน ตำราตระหนักรู้เล่มนี้เป็นตำราลับที่ดรอปจากตัวแทนหลี่เปียวที่อยู่ค่ายทรายพิษ หรือหลี่เปียวตัวปลอมนั่นเอง
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที เขาก็ได้รับ ‘ค่าประสบการณ์วิชาแพทย์’ 58500 แต้ม ทำให้เลเวลวิชาแพทย์ของเขาเพิ่มสูงถึงระดับหกแล้ว
วิชาแพทย์ระดับนี้ถือว่ามีความสามารถในการหลอมยาแล้ว ระดับความรู้วิชาแพทย์ของเขาถึงขั้นเหนือกว่า NPC ส่วนใหญ่ด้วย!
จากนั้นนำ ‘ตระหนักรู้วิชาพิษ’ ที่ดรอปจากหลี่เปียวตัวจริงออกมาอีก แล้วเริ่มอ่านอย่างละเอียด
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ก็ได้รับ ค่าประสบการณ์วิชาพิษ 97500 แต้มแล้ว
ในด้านวิชาพิษไม่มีอะไรต้องพูดถึง ในฐานะที่เป็นทักษะพื้นฐานวิชาหนึ่ง เลเวลวิชาพิษของเยี่ยเว่ยหมิงจากเริ่มแรกที่เป็นศูนย์ ชั่วพริบตาเดียวก็เพิ่มถึงระดับเจ็ด กลายเป็นยอดฝีมือวิชาพิษแล้ว
[วิชาพิษ]
หนึ่งในทักษะพื้นฐานของระบบ
เลเวล: 7
อัตราสำเร็จในการกลั่นพิษ 70%
ผลการใช้พิษ +35%
ต้านพิษ +350
ผลการใช้พิษแก้พิษ +35%
‘วิชาพิษ’ ที่ถึงเลเวลเจ็ดมีโบนัสค่าสเตตัสที่ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิชาพิษ วางยาพิษ ถอนพิษ หรือต้านพิษ ก็ล้วนเพิ่มขึ้นเยอะมาก
……
โดยเฉพาะการต้านพิษ ไม่น่าเชื่อว่าจะเพิ่มถึงสามร้อยห้าสิบแต้มแล้ว บวกกับค่าสเตตัสต้านพิษจากหมวกขนนกอสูรโลหิตอีกสามร้อยแต้ม ความสามารถในการต้านพิษของเยี่ยเว่ยหมิงก็เกินกว่าเจ็ดร้อยแต้มแล้ว!
ถ้าเจอกับศัตรูเหมือนหลี่เปียวก่อนหน้านี้อีก เชื่อว่าวิชาพิษของอีกฝ่ายคงสร้างดาเมจที่แท้จริงต่อเขาได้ยาก
ส่วน ‘ตระหนักรู้เคล็ดฝ่ามือ’ หนึ่งเล่มกับ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ หนึ่งเล่ม ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเก็บไว้ชั่วคราว ตำราเล่มแรกเป็นเพราะเขามีความตั้งใจบางอย่างกับตำราลับ ‘ฝ่ามือทรายพิษ’ นิดหน่อย โดยเฉพาะหลังจากที่วิชาพิษเพิ่มถึงเลเวลเจ็ด ความคิดชุดนี้ก็เริ่มเด่นชัดยิ่งขึ้นแล้ว
เพียงแต่การฝึกวิชาพิษก็เหมือนจะมีปัญหาด้านความปลอดภัยแฝงอยู่ในระดับหนึ่งเช่นกัน เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจว่าหลังจากกลับสำนักมือปราบเทพแล้ว จะไปถามหวงโส่วจุนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
ส่วนตำราลับเล่มหลัง เป็นเพราะยังเหลืออีกไกลมากกว่าจะเพิ่มเลเวล ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ให้ถึงระดับสมบูรณ์ได้ เขาจึงยังไม่รีบใช้มัน
หลังจากเก็บตำราลับตระหนักรู้สองเล่มนั่นแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำตำราอาหาร ‘งานกินเลี้ยงงู’ ที่ฉินหนานฉินมอบให้ออกมาอีก แล้วเริ่มอาศัยแสงไฟเปิดอ่านทีละหน้า
ในที่สุดค่าประสบการณ์ได้จากตำราเล่มนี้ ก็ทำให้ค่าประสบการณ์ฝีมือทำครัวเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มถึงเลเวลห้าแล้ว พร้อมทั้งยังเรียนรู้วิธีการปรุงอาหารจากงูได้หลายประเภทอีกด้วย
หลังจากจัดการความรู้สึกตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็มองเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนตรงหน้า แล้วจู่ๆ ก็เกิดความคิดที่กล้าหาญมากขึ้นมา
ตอนนี้ในมือเขามีศพของหลี่เปียวทั้งตัวจริงทั้งตัวปลอมต้องจัดการ
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าฝังศพเพื่อให้ผู้ตายพักผ่อนอยู่ใต้ผืนดินอย่างสงบสุข ไม่รู้ว่าถ้าฌาปนกิจให้ จะสงบสุขเหมือนกันหรือเปล่า
พอคิดแล้วก็ทำเลย เยี่ยเว่ยหมิงนำโลงศพที่บรรจุร่างของหลี่เปียวตัวปลอมออกมาทันที พร้อมทั้งเปิดหน้าอินเตอร์เฟสระบบของตัวเองขึ้นมา ยืนยันค่าวีบุรุษของตัวเองในปัจจุบันสักหน่อย เสร็จแล้วถึงได้โยนโลงศพลงในกองเพลิง
ไม่ถูกหักค่าวีบุรุษจริงๆ ด้วย!
เยี่ยเว่ยหมิงตาเป็นประกาย รู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็เจอวิธีจัดการศพแบบพลิกโฉมใหม่แล้ว
ยังไม่ต้องพูดถึงอะไรทั้งนั้น เขานำร่างของหลี่เปียวตัวจริงออกมาทันที แล้วโยนเข้าไปในกองเพลิง ส่งเจ้าคนชั่วโฉดคนนี้เหมือนส่งฝุ่นกลับสู่ฝุ่น ดินกลับสู่ดิน[1]
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ปัดไม้ปัดมือเพื่อนำฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงออกไป จากนั้นหันตัววิ่งลงเขาไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอให้หมดเวลาภารกิจการประลองยุทธ์เจ็ดสังกัด แล้วไปรับกระบองไผ่เขียวที่ฝากหันเสี่ยวอิ๋งไว้
ต้องเพิ่มเลเวล ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ให้ถึงสิบจะดูความลับที่อยู่ในนั้นได้ หมายความว่าอะไรกันแน่
เมื่อคิดว่ามีเซอร์ไพรส์กำลังรอตนอยู่ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าอารมณ์ตื่นเต้นพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายอย่างยากจะข่มไว้ได้
ช่างน่าเฝ้าคอย!
[1] ฝุ่นกลับสู่ฝุ่น ดินกลับสู่ดิน 尘归尘,土归土 ตายแล้วกลับคืนสู่ธรรมชาติ