ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 327 กำราบราชันกาโลหิต
ตอนที่ 327 กำราบราชันกาโลหิต
ที่แท้หลังจากน้องดาบตระหนักรู้ทักษะนี้แล้ว ก็ไม่คิดจะบอกกับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างตรงไปตรงมา
แต่น้องดาบไร้เดียงสาขนาดไหน แล้วเยี่ยเว่ยหมิงเจ้าเล่ห์ขนาดไหน
เขามองออกว่าน้องสาวคนนี้แม้จะไม่พูดออกมา แต่คำพูดและการกระทำก็เผยให้เห็นแล้วว่าตัวเองได้ของล้ำค่ามา อยากจะโอ้อวดให้คนอื่นรู้แทบทนไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากเผยไพ่ของตัวเอง ความเร่าร้อนในใจและสติสัมปชัญญะกำลังพัวพันกันอุตลุดจนเกิดเป็นอารมณ์ซับซ้อน
ด้วยความที่ถูกความอยากรู้อยากเห็นบีบคั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เปลืองแรงอะไรเช่นกัน เพียงพูดอ้อมค้อมนิดหน่อย โน้มนำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน น้องสาวคนนี้ก็จับภาพทักษะของตัวเองแชร์มาให้ดูแล้ว
[เจตจำนงแห่งดาบ: คมดาบไปถึงตรงไหน ทุกสิ่งกีดขวางล้วนถูกตัดขาด!]
เอฟเฟกต์พาสซิฟ: ความแหลมคมของอาวุธประเภทดาบ +30%, โอกาสโจมตีศัตรูแล้วติดสถานะด้านลบ +30%!
เมื่อเห็นค่าสเตตัสนี้ ปฏิกิริยาแรกของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือ ต่อไปถ้าเขาคิดจะลงมือกับน้องสาวคนนี้อีก ตอนใช้คนผีร่วมวิถีจะต้องระวังตัวไว้หน่อย
โจมตีครั้งเดียวก็ตัดปีกซ้ายของราชันกาโลหิตขาดแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่น้องดาบสมปรารถนาและภาคภูมิใจ หลังจากกลับลงมาบนแท่นหิน นางก็โบกดาบจันทราหิมะเงินในมือ ตัดเชือกที่พันอยู่ตรงเอวของนางออก “ในที่สุดตอนนี้ก็ถึงเวลาสะสางบุญคุณความแค้นแล้ว ดูกาโลหิตพวกนี้สิ เหมือนเป็นมอนสเตอร์ที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะ พวกเรากำจัดพวกมันให้สิ้นซากไปเสียเลยดีไหม”
“ข้าก็ตั้งใจอย่างนั้นเหมือนกัน!”
พอพูดจบ ทั้งสองก็แยกกันอยู่ฝั่งซ้ายและขวา ไต่หน้าผากระโดดลงมาจากแท่นหินเสียเลย
ไม่ว่าจะเป็นยอดเขาใด การลงเขาย่อมประหยัดแรงกว่าการขึ้นเขาอยู่แล้ว แต่ก็หวาดเสียวกว่าเดิมเช่นกัน เพราะเวลาคนมองขึ้นข้างบนจะไม่มีปฏิกิริยากลัวความสูง แต่จะกลัวเวลาที่มองลงข้างล่าง
ตอนนี้สถานการณ์ของเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบก็เป็นอย่างนี้ ตอนอยู่ท่ามกลางการล้อมโจมตีของฝูงกาโลหิต ทั้งสองก็เลิกใช้วิธีการใช้เท้าเหยียบจุดส่งแรงเหมือนตอนที่ไต่ขึ้นมาแล้ว
แต่พวกเขาเปลี่ยนมาอาศัยอาวุธที่ได้จากหยางคังแทน คนหนึ่งใช้มีดสั้นกัวจิ้งกรีดบนหินเป็นแนวยาวจนเกิดประกายไฟ ส่วนอีกคนก็โบกกรงเล็บเกี่ยวก้อนหินในหน้าผาไว้ ปล่อยแล้วก็เหวี่ยงเข้าไปเกี่ยวใหม่…ใช้วิธีการนี้ผ่อนแรงเหวี่ยงตอนไถลลง ลดความเร็วตอนที่ตกลงไป
ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของพวกเขาก็ถือดาบและกระบี่ คอยฟันกาโลหิตพี่โฉบเข้ามาโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศ
แต่ยังดีที่ทั้งสองมีฝีมือพอสมควร ประกอบกับตอนที่ตกลงไปก็เร็วมากอยู่แล้ว แม้การโจมตีของฝูงกาโลหิตจะทั้งดุดันและรวดเร็ว แต่ก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บไม่ได้อยู่ดี
ตรงกันข้าม กาโลหิตที่กล้าหาญไม่กลัวตายเหล่านี้ พอเจอกับคมดาบและกระบี่ของทั้งสอง ก็ถูกฟันตายไปแล้วไม่น้อย
ระยะห่างสามสิบจั้งจะว่าสูงก็ไม่สูง จะว่าต่ำก็ไม่ต่ำ ด้วยความเร็วของทั้งสองคน ไม่นานก็ไถลลงมาจนอยู่ในระยะปลอดภัยแล้ว จากนั้นชายหญิงคู่นี้ก็โบกมือตบหน้าผาพร้อมกัน เพื่อช่วยส่งแรงให้พุ่งไปหาจุดที่มีฝูงกาโลหิตหนาแน่นที่สุด ระหว่างในที่กวัดแกว่งดาบและกระบี่ การบาดเจ็บล้มตายของกาโลหิตก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
“ก๊า! ก๊า! ก๊า!…”
แม้ทั้งสองใช้เวลาโจมตีครู่เดียวแล้วทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่กาโลหิตเหล่านั้นกลับไม่เกรงกลัวเลย หลังจากเห็นทั้งสองตกจากหน้าผาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะล้อมเข้าไปหาจ่าฝูงของพวกมัน ความร้อนรนทำให้พวกมันระเบิดพลังออกมาดุดันกว่าเดิม!
ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว!
ขนาดก่อนหน้านี้สนามต่อสู้หลักเป็นกึ่งลอยฟ้า กาโลหิตพวกนี้ยังไม่ได้แต้มต่อ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่พวกมันต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว
หลังจากนั้นห้านาที กาโลหิตธรรมดาก็กลับคืนสู่อ้อมกอดของธรรมชาติหมดแล้ว แต่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบกลับยังรักษาค่าพลังชีวิตให้เต็มได้ ตอนนี้พวกเขาเดินลับอาวุธไปทางราชันกาโลหิตปีดขาดแล้ว
“มือปราบหน้าเหม็น ทำไมตอนนี้เจ้าใช้กระบี่ได้เร็วขนาดนี้ กาโลหิตยี่สิบเจ็ดตัวก่อนหน้านี้ ข้ากำจัดไปได้แค่สิบสองตัวเอง อีกสิบห้าตัวเจ้าฆ่าทิ้งหมดเลย!”
เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้ง “ข้าถนัดเรื่องแย่งฆ่ามอนสเตอร์ มักชิงโอกาสโจมตีมอนสเตอร์เป็นครั้งสุดท้ายได้”
“เชื่อเจ้ากับผีน่ะสิ!”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ชอบโอ้อวด เขาจึงไม่จับภาพค่าสเตตัส ‘เงาของเทพกระบี่’ ให้คนอื่นดูง่ายๆ
ไม่ใช่ว่าอยากเก็บเงียบไว้คนเดียว แต่เขากำลังถ่อมตัว นี่คือหนึ่งในคุณธรรมอันดีงามของชนชาติจีน ต้องสงเสริมและยกย่อง!
“ก๊า! ก๊าๆ!…” เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบถืออาวุธเดินเข้ามาประชิดทีละก้าว จู่ๆ ราชันกาโลหิตก็ก้มหน้า ผงกหัวอยู่บนพื้นหลายครั้ง ดูเหมือนกำลังวิงวอนขอชีวิต
เมื่อเห็นราชันกาโลหิตที่ก่อนหน้านี้ยังโอหังมีสภาพอย่างนี้ น้องดาบก็อดแสยะยิ้มไม่ได้ “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วสิ รู้จักขอร้องแล้วสินะ หึหึ…เจ้าคิดว่าขอร้องแล้วพวกเราจะปล่อยเจ้าไปอย่างนั้นหรือ”
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของน้องดาบก็คือ ตอนที่นางกำลังถามประโยคโหดเหี้ยม เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างกายกลับตอบอย่างไม่ลังเล “ปล่อยสิ!”
นางหันขวับไปมองเยี่ยเว่ยหมิง “มือปราบหน้าเหม็น เจ้าคิดจะเล่นบ้าอะไรอีก”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “ถึงอย่างไรราชันกาโลหิตตัวนี้ก็ไม่ใช้มอนสเตอร์ร่างมนุษย์ ทั้งยังกินไม่ได้ด้วย ฆ่ามันแล้วเสียของเปล่าๆ ไม่สู้ให้ข้านำไปเป็นสัตว์เลี้ยงเล่นดีกว่า”
นำไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง?
น้องดาบได้ยินแล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่งด้วยความแปลกใจ แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเรียกสุนัขเหลืองออกมาตอนอยู่เมืองเจิ้นเจียงก่อนหน้านี้ ก็เดาออกทันทีว่าบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีอุปกรณ์หรือไม่ก็ทักษะที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง
แต่ถ้าจะให้น้องดาบทิ้งค่าประสบการณ์กับค่าตบะที่มาจ่ออยู่ตรงหน้าแบบนี้ นางก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไร “แต่ถ้าปล่อยมันไป ค่าก็เสียหายมากนะ ถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ต้องการใช้ค่าตบะ ดังนั้น…”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นกัน จับภาพส่งไปในช่องทีมทันที
[งานกินเลี้ยงงู: …]
“ดีล!”
หลังจากอาหวงจากไป ในที่สุดกำไลเงินสัตว์เลี้ยงของเยี่ยเว่ยหมิงก็มีสมาชิกตัวใหม่เข้ามาอยู่แล้ว
??? (ยังไม่ตั้งชื่อ)
เลเวล: 65
พลังชีวิต: 50000/50000
กำลังภายใน: …
ค่าความจงรักภักดี: 30
(เมื่อค่าความจงรักภักดี ต่ำกว่า 80 มีโอกาสหนีเพราะกลัวการต่อสู้ ค่าความจงรักภักดีต่ำกว่า 50 มีโอกาสหนีเพราะทรยศ ค่าความจงรักภักดีต่ำกว่า 30 มีโอกาสแว้งกัดเจ้าของระหว่างการต่อสู้)
เป็นอย่างที่คาดไว้ เจ้าเดรัจฉานมีปีกที่เกือบถูกตนฆ่าตายตัวนี้ ต่อให้ยอมจำนนแล้วแต่ค่าความจงรักภักดีก็ยังน่ากังวลอยู่ดี
ค่าความจงรักภักดีตอนนี้ อย่าว่าแต่ปล่อยออกไปช่วยต่อสู้เลย เหมือนขาดอีกนิดเดียวมันก็จะแว้งกัดเจ้าของแล้ว
ขอเพียงปล่อยมันออกมาจากกำไลเงินสัตว์เลี้ยง เจ้าตัวนี้ก็จะหาโอกาสหนีไปอยู่ดี
แถมราชันกาโลหิตตัวนี้ก็เปลี่ยนจาก BOSS กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเยี่ยเว่ยหมิง ค่าพลังชีวิตสูงสุดถูกหั่นเลขศูนย์ไปตัวหนึ่ง แม้จะถือว่ามีเลือดเยอะเมื่อเทียบกับผู้เล่นทั่วไป แต่กลับเรียกความความองอาจห้าวหาญตอนเป็น BOSS กลับมาไม่ได้แล้ว
แต่ในเมื่อเก็บมันมาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่คิดจะกลับคำพูดแล้วฆ่ามันตายเช่นกัน ถึงอย่างไรค่าความจงรักภักดีก็หาทางเพิ่มได้ในภายหลัง นอกจากนี้ ถ้าข้างกายมีสัตว์เลี้ยงที่บินได้ หลายครั้งเวลาทำภารกิจก็จะสะดวกขึ้น
สรุปก็คือ สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้จากการเดินทางครั้งนี้ทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างพอใจ
เขากับน้องดาบกลับโดยใช้ทางเดิม เพราะ BOSS ตัวใหญ่ที่อยู่ตามรายทางถูกพวกเขาฆ่าตายไปพอสมควรแล้ว ระหว่างทางกลับจึงเจอเพียงมอนสเตอร์เล็กๆ ทั่วไปมาขวางทางเท่านั้น ไม่ได้ทำให้พวกเขาเดินทางช้าลง
ใช้เวลาเพียงสองวัน ทั้งสองก็จบการเดินทางที่ตอนขามาใช้เวลาตั้งสิบวันแล้ว
อาหารวันละสามมื้อที่กินช่วงนี้ ก็ย่อมเป็นอาหารป่าที่มีเฉพาะในเสินหนงจย้าซึ่งปรุงโดยเยี่ยเว่ยหมิง พอได้กินไปหกมื้อ ไม่ใช่แค่น้องดาบที่ชมไม่หยุดปากว่าฝีมือทำครัวเยี่ยเว่ยหมิงก้าวหน้าขึ้นมาก แม้แต่เจ้าแดง (ราชันกาโลหิต) ที่เพิ่งเก็บมาก็เพิ่มค่าความจงรักภักดีหกแต้มแล้วเช่นกัน
ถ้าป้อนมันต่อไปแบบนี้ ใช้เวลาอีกไม่เกินหนึ่งเดือน ค่าความจงรักภักดีของมันก็จะเหมือนกับอาหวงแล้วหรือเปล่า