ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 339 วานรแขนยักษ์ BOSS เลเวลแปดสิบ!
ตอนที่ 339 วานรแขนยักษ์ BOSS เลเวลแปดสิบ!
เป็นอย่างที่คาดไว้ เป็นวิธีการเดียวกับตอนแรก ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยสักนิด
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าน้อยๆ หยิบกระบี่แสงทองออกมา แล้วก้าวออกมาอย่างทะนงองอาจ
“เจี๊ยกๆๆ…” ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงก้าวออกมาหนึ่งก้าวก็มีลิงน้อยตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากป่าทึบในแนวเฉียงทันที ขณะที่ส่งเสียงร้องประหลาด มันก็ควงกระบี่ไม้ไผ่ฟันเข้ามาหาเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
มันยังใช้กระบวนท่าของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ทั้งยังเป็น ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับต้นที่วิวัฒนาการแล้วแต่ไม่มีกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมแฝงอยู่
อย่าบอกนะว่านี่คือ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลาง?
เพียงแต่กระบวนท่าของเคล็ดกระบี่นี้ เมื่อใช้อยู่ในมือลิงน้อยแล้วเผยจุดอ่อนออกมานับร้อย ราวกับเพิ่งเริ่มต้นเรียน
ไม่น่าเชื่อว่าเคล็ดกระบี่ของมันยังอยู่เพียงเลเวลหนึ่ง?
หลังจากใช้กระบี่โจมตีหนึ่งทีอย่างเรื่อยเปื่อยจนมันถอยไป เยี่ยเว่ยหมิงก็แน่ใจแล้วว่าเลเวลของอีกฝ่ายคือสี่สิบสี่ ไม่ต่างจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้มากนัก
มอนสเตอร์ขยะแบบนี้ ต่อให้มี ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลาง แต่ก็แสดงประสิทธิภาพใดๆ ออกมาไม่ได้ ถึงขนาดว่าตอนที่มันใช้เคล็ดกระบี่นี้ก็สะท้อนคุณค่าอะไรไม่ได้สักนิดเลยด้วยซ้ำ เยี่ยเว่ยหมิงไม่ลังเลอีก เร่งรุกโจมตีทันที ใช้เพียงสองกระบวนท่าก็โจมตีจนลิงน้อยตัวนี้สลายหายไปราวกับหมอกควันแล้ว
พอเดินต่อไปข้างหน้าอีก หลังจากครบสิบก้าวก็เจอลิงน้อยตัวที่สอง เลเวลสี่สิบแปด มี ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลาง ตัวที่สอง…
เนื่องจากเลเวลของลิงน้อยในการทดสอบครั้งที่สองเหนือกว่าคู่ต่อสู้ในการทดสอบครั้งแรก ในระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงประมือกับพวกมัน ก็สรุปกฎเกณฑ์บางอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สังเกตเห็นได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น คู่ต่อสู้ทุกตัวนอกจากเลเวลเพิ่มขึ้นสี่เลเวลแล้ว เลเวลของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลางก็เพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลเท่านั้น ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นค่าสเตตัสหรือกระบวนท่าก็กลายเป็นรับมือได้ยากขึ้น
เดินไปข้างหน้าอย่างนี้ตลอดทาง ตอนเจอกับคู่ต่อสู้ตัวที่เจ็ด เยี่ยเว่ยหมิงถึงรู้สึกได้ว่าท่าเคล็ดกระบี่ของอีกฝ่ายพอเข้าท่าขึ้นมาบ้าง ได้เห็นท่วงท่าอันสง่างามของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลางแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงผ่อนความเร็วลง เริ่มสังเกตทุกกระบวนท่าเคล็ดกระบี่ของลิงน้อยตัวนี้
แม้การสังเกตการณ์นี้จะไม่ทำให้เคล็ดกระบี่ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รู้ล่วงหน้าทุกแง่มุมว่าหลังจากเคล็ดกระบี่นี้เพิ่มเลเวลแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะได้เตรียมตัวท้าสู้กับ BOSS เฝ้าด่านนี้สักหน่อย
ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่รีบเอาชนะ ได้แต่ใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ป้องกัน หลังจากทำความรู้จักเคล็ดกระบี่ของอีกฝ่ายตั้งแต่ต้นจนจบไปรอบหนึ่ง เขาถึงได้ลงมือสังหารมันให้ตายคาที่
จากนั้นพอเจอตัวที่แปดและตัวที่เก้า ก็ราวกับปรุงยาสมุนไพร ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงได้รู้ถึงท่วงท่าอันสง่างามของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลางในเลเวลที่ต่างกัน
ในระหว่างนั้นเขาดู ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เลเวลแปดไปถึงสองรอบ เลเวลเก้าดูไปห้ารอบ จนกระทั่งจดจำเคล็ดกระบี่ของอีกฝ่ายได้ทั้งหมดอย่างแม่นยำ ดูการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของมันก็ตัดสินได้ว่าต่อไปจะเปลี่ยนใช้ท่าอะไร เขาถึงได้สังหารลิงน้อยให้ตาย
หลังจากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ไปข้างหน้าต่อด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลังจากผ่านไปอีกสิบก้าว ในที่สุดก็เจอ BOSS เฝ้าด่านที่สองของเขตลับไผ่เขียวแล้ว…วานรแขนยักษ์
วานรแขนยักษ์ตัวนี้ มองจากภายนอกก็เป็นลิงเอปสีน้ำตาลตัวหนึ่งที่เตี้ยกว่าเยี่ยเว่ยหมิงครึ่งศีรษะ ถ้าจะบอกว่าอาวุธในมือมันคือกระบี่ไม้ไผ่ ไม่สู้บอกว่าเป็นไม้ไผ่หักดีกว่า ส่วนปลายกระบี่ก็เหมือนถูกตัดเฉียงด้วยของมีคม เป็นงานที่หยาบและเรียบง่ายมาก
พอลิงเอปสีน้ำตาลตัวนี้ปรากฏตัว ก็ส่งเสียงคำรามพร้อมพุ่งเข้ามาสังหารเยี่ยเว่ยหมิงทันที ไม้ไผ่หักในมือราวกลับกลายเป็นเงาเลือนราง แทงตรงไปยังหัวใจของเขา
ไซซีกุมดวงใจ!
เยี่ยเว่ยหมิงยังสังเกตรูปลักษณ์ภายนอกของลิงเอปสีน้ำตาลที่อยู่ตรงหน้า นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะลงมือเร็วและกะทันหันขนาดนี้! ตอนที่เขารู้ตัว ปลายคมของไม้ไผ่ตัดก็อยู่ห่างจากหน้าอกเขาไม่ถึงสามฉื่อแล้ว
เป็นกระบี่ที่รวดเร็วมาก!
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วอดตกใจไม่ได้ ที่จริงแล้ว เมื่ออยู่ภายใต้เอฟเฟ็กต์ ‘เงาของเทพกระบี่’ ระดับต้น ตอนนี้ความเร็วในการใช้กระบี่ถือว่าเร็วสุดๆ แล้ว แต่เมื่อเทียบกับวานรแขนยักษ์ตัวที่อยู่ตรงหน้า เขากลับพบว่าอีกฝ่ายเร็วกว่าหนึ่งระดับ!
เมื่อเห็นคมกระบี่มาถึงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบกวาดกระบี่แสงทองในมือออกมา ใช้ท่า ‘กวาดหิมะต้มชา’ ฟันบนไม้ไผ่หักอย่างแม่นยำ
แกร๊ง!
ตอนที่กระบี่ล้ำค่ากับไม้ไผ่หักกระทบกัน กลับได้ยินที่คล้ายกับเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นชัดเจน
ไม้ไผ้แท่งนั้นในมืออีกฝ่าย เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นไม้ไผ่ที่ถูกของมีคมตัดเหลา ความทนทานของมันเหนือกว่าอุปกรณ์ระดับสีฟ้าทั่วไป แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะใช้อาวุธล้ำค่าอย่างกระบี่แสงทองโจมตีสุดแรง แต่ก็ทำให้มันเสียหายไม่ได้แม้แต่น้อย!
ท่ามกลางเสียงนั้น เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกระบี่สะเทือนจนกระเด็นออกไปหนึ่งจั้งกว่า พร้อมทั้งมีตัวเลขพลังชีวิตลดลอยขึ้นมาเหนือศีรษะ ‘-3567’
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายมีค่าสเตตัสเหนือกกว่า เขาถูกโจมตีจนเกิดตัวเลขดาเมจจำนวนมาก!
พอหันไปมองข้อมูลค่าสเตตัสของ BOSS เลเวลแปดสิบที่ลอยขึ้นเหนือศีรษะของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกปวดประสาทอยู่พักหนึ่ง
เมื่อก่อนที่รับมือกับ BOSS เลเวลสี่สิบ เขาก็อาศัยความได้เปรียบด้านค่าสเตตัสของตัวเองบดขยี้อีกฝ่าย คว้าชัยชนะในศึกนั้นได้อย่างราบรื่น
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าตอนนี้กลับฮวงจุ้ยเปลี่ยน กลายเป็นเขาถูกอีกฝ่ายบดขยี้แทน
ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงพลันเบิกตากว้าง เพราะเห็นวานรแขนยักษ์ตรงหน้าจู่ๆ ก็ปะทุความเร็วออกมา เร็วกว่าท่าร่างของเขาเสียอีก มันไล่โจมตีมาถึงข้างกายเขาราวกับฟ้าแลบ แล้วพลิกมือแทงกระบี่ไปมาที่จุดอ่อนของเขา!
ลิงน้อยที่หน้าตาอัปลักษณ์ตัวนี้ ไม่น่าเชื่อว่าพลัง ความเร็ว เคล็ดกระบี่ การตอบสนองรวมทั้งความเร็วของกระบี่จะเหนือกว่าตนในทุกๆ ด้าน แบบนี้จะยังสู้กันได้อย่างไร
เมื่อเห็นกระบี่ที่สองของอีกฝ่ายมาถึง เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะสู้เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ใช้วิธีการแยบยลปัดกระบี่ที่สองของวานรแขนยักษ์ออกไป
-1233
เกิดตัวเลขดาเมจเหนือศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิงอีกแล้ว แม้ตัวเลขไม่ได้สูงมาก แต่เป็นคริติคอลดาเมจของแท้แน่นอน
แม้แต่เถียนปั๋วกวงก็ไม่มีทางโจมตีจนเกิดดาเมจบดขยี้ได้หลังจากเขาใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ป้องกันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวานรแขนยักษ์ตัวนี้จะทำได้อย่างง่ายดาย
ตัวเลข 1233 นี้ก็เหมือนคำเยาะเย้ยว่าเมื่อเขาเผชิญหน้ากับพลังที่เหนือกว่าโดยสมบูรณ์ ไม่ว่ากลยุทธ์ไหนก็บอบบางเหมือนเยื่อหุ้มหนึ่งชั้น
แทงทีเดียวทะลุ!
เมื่ออย่าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีค่าสเตตัสโดยรวมและสถานะทุกอย่างเหนือกว่าตนเองโดยสมบูรณ์ เยี่ยเว่ยหมิงจะยังสู้ต่ออย่างไรได้อีก
วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์?
มังกรซ่อนกบดาน?
ลองมาหมดแล้ว สร้างผลงานบนตัวลิงน้อยที่ไร้จุดอ่อนตัวนี้ไม่ได้เลย!
ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย?
ถ้าเรียกเครื่องมือสังหารออกมา เยี่ยเว่ยหมิงเชื่อว่ามารเฒ่าหวงจะต้องฆ่าลิงน้อยตัวนี้ตายได้อย่างสบายๆ แน่นอน
จะถึงอย่างไรก็เป็นเพียงบททดสอบหนึ่งเท่านั้น หากครั้งนี้ไม่ผ่าน รอให้ความสามารถเพิ่มขึ้นแล้วค่อยมาใหม่ก็ได้ ถ้าต้องสิ้นเปลืองประกาศิตกระบี่บุปผาโรยรอการทดสอบนี้ นั่นคือการกระทำของคนปัญญาอ่อนชัดๆ!
ภายใต้ความสนใจนับหมื่น เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ดันทุรังต้านต่อไป
หนึ่งกระบี่ สองกระบี่ สามกระบี่…
พลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงเริ่มลดลงช้าๆ ด้วยความเร็วคงที่ หลังจากรับกระบี่ของอีกฝ่ายติดต่อกันห้าครั้ง ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงก็เหลือไม่ถึงหนึ่งในสี่แล้ว
ขณะเดียวกัน ในที่สุดเขาก็แน่ใจแล้วว่าบนตัววานรแขนยักษ์ตัวนี้ หาจุดอ่อนให้เขาใช้ประโยชน์ไม่เจอแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นสภาพการณ์แบบนี้ ใบหน้า สองมือรวมทั้งผิวนอกร่มผ้าของเยี่ยเว่ยหมิงเริ่มกลายเป็นสีแดงในชั่วพริบตาเดียว ทั้งร่างกายเริ่มร้อนระอุขึ้น
“ขอไถ่ถาม ยามจากกันไยจันทร์มักเต็มดวง…”