ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 340 ผู้ปิดฉากโจรราคะ
ตอนที่ 340 ผู้ปิดฉากโจรราคะ
ในไม่กี่วินาทีต่อมา เยี่ยเว่ยหมิงเข้าสู่สถานะพิเศษที่ปะทุความสามารถออกมา อยู่ดีๆ ศักยภาพทั้งหมดก็สูงขึ้นเยอะมาก!
ไม่รู้ว่าเวลาที่คนอื่นรุ่งโรจน์เป็นอย่างไร แต่ในศึกนี้ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงรุ่งโรจน์ก็คือตอนเปิดใช้งาน ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’!
เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ภายใต้การปะทุพลัง ในที่สุดก็ดันทุรังโจมตีกลับได้สองครั้งท่ามกลางการโจมตีสุดโหดของวานรแขนยักษ์ เพียงแต่แม้จะอยู่ในสถานะที่ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นห้าส่วน แต่สุดท้ายก็สู้ค่าสเตตัสอันทรงพลังของ BOSS เลเวลแปดสิบอย่างวานรแขนยักษ์ไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายตอนที่ใช้ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ไปได้เจ็ดวินาที เขาก็ฮึดสู้แทงวานรแขนยักษ์หนึ่งกระบี่จนตาย ถึงได้นึกว่าเอาชนะอีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์
ส่วนราคาที่ต้องจ่ายก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงถูกไม้ไผ่หักในมือวานรแขนยักษ์แทงทะลุร่างกายแล้วเช่นกัน กลายเป็นแสงสีขาวหายไปจากเขตลับไผ่เขียว
การท้าสู้ล้มเหลว!
พอตกใจตื่นอยู่บนเตียงหินของตู๋กู เยี่ยเว่ยหมิงก็ลุกนั่งทันที แต่กลับอดส่ายหน้าอย่างขมขื่นใจไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะเสียครั้งแรกด้วยน้ำมือของลิงตัวหนึ่ง
เป็นอย่างที่คาดไว้ ไปท้าสู้ที่เขตลับไผ่เขียวตอนนี้ก็ยังดันทุรังเกินไปใช่ไหม
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอีกครั้ง ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกท้อใจกัดกินเวลาอันมีค่าของตัวเองมากกว่านี้ แต่นั่งขัดสมาธิบนเตียงหินเสียเลย พร้อมใช้มือลูบคลำกระบองไผ่เขียว ในหัวนึกย้อนถึงขั้นตอนการต่อสู้กับวานรแขนยักษ์ก่อนหน้านี้ทีละนิด
แม้การทำเช่นนี้ไม่อาจเพิ่มค่าประสบการณ์ทักษะที่เกี่ยวข้องให้เขาได้ ยิ่งไม่มีทางทำให้เคล็ดกระบี่ของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างตอนที่ฝ่ายใช้กระบวนท่า สำหรับเขาแล้วกลับมีหลายจุดที่ใช้ดูประกอบการฝึกได้
หากซึมซับและจัดการข้อมูลพวกนี้ ทำให้มันกลายเป็นความรู้ของตัวเองได้ ก็จะทำให้เขาก้าวหน้าด้านการเคลื่อนไหวไม่มากก็น้อย!
ยอดฝีมือที่แท้จริงมักจะสะสมความรู้ทีละเล็กทีละน้อยแบบนี้
ตอนอยู่ในห้องหินของตู๋กูก่อนหน้านี้ น้องดาบเคยบอกเคล็ดลับการฝึกบางอย่างให้เขาด้วยเช่นกัน
จะว่าไปแล้ว ในช่วงเวลาสามวันนั้น เยี่ยเว่ยหมิงได้เรียนรู้หลายท่า…ไม่ใช่สิ ได้ความรู้แนวทางการต่อสู้ไม่น้อยเลย
ขอบคุณนะน้องดาบ!
เยี่ยเว่ยหมิงนั่งสมาธิอยู่บนเตียงครึ่งชั่วโมง ตอนนี้เขาย้ายสายตากลับมาจากกระบองไผ่เขียวในมือ มุมปากก็คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา
สรุปก็คือ แม้การท้าสู้ของวันนี้ล้มเหลวแล้ว เขาก็ยังได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่น้อยจากการทดสอบนั้น
อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
พอมองกระบองไผ่เขียวในมืออีกครั้ง…
[กระบองไผ่เขียว] กระบองไผ่เขียวที่ไม่ทราบที่มา ในนั้นเหมือนซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องกับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เอาไว้ หาก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ (ระดับต้น) ถึงเลเวลสิบแล้วจะเปิดใช้งานได้อีกครั้ง หลังจากเปิดใช้งานแล้วจะเข้าท้าสู้ในด่านต่อไปได้ (เวลาคูลดาวน์ 23 ชั่วโมง 26 นาที 31 วินาที)
ที่แท้หลังจากบุกด่านเขตลับไผ่เขียวล้มเหลวแล้ว ก็ต้องใช้เวลาเวลาคูลดาวน์หนึ่งวันถึงจะเข้าไปท้าสู้ใหม่อีกครั้งได้
แต่สำหรับเรื่องนี้ ไม่เป็นปัญหาสำหรับเยี่ยเว่ยหมิงเลย
เพราะเยี่ยเว่ยหมิงไม่คิดว่าเวลาหนึ่งวันจะทำให้ตัวเองเติบโตจนถึงขั้นเอาชนะวานรแขนยักษ์ได้
คงต้องรอให้เขาถึงเลเวลห้าสิบหกสิบ หรือไม่ก็เจอโอกาสและความบังเอิญอย่างอื่น เขาถึงจะมีศักยภาพไปท้าสู้ BOSS ตัวนี้ได้
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บกระบองไผ่เขียว กระโดดลงจากเตียงหิน แล้วหันตัวไปมองเตียงสองหลังในห้อง หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ก็เก็บเตียงไม้ธรรมดาที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ไว้ในกระเป๋า เตรียมจะนำไปทิ้งทีหลัง
ส่วนเตียงหินของตู๋กู ถ้าพกติดตัวไว้ตลอดก็ค่อนข้างกินพื้นที่ เยี่ยเว่ยหมิงจึงตัดสินใจวางมันไว้ในห้องนอนของตัวเอง
……
ตอนออกจากสำนักมือปราบ เยี่ยเว่ยหมิงก็มาที่โรงหมอสังหารของผิงอี้จื่ออีกครั้ง
บอกตามตรง เยี่ยเว่ยหมิงไม่ถูกชะตากับเจ้าคนหยิ่งผยองคนนี้เท่าไรนัก เดิมทีไม่คิดที่จะมาสถานที่เส็งเคร็งแห่งนี้อีกแล้ว
ทว่าความจริงมักทำให้คนไม่มีทางเลือก สำหรับเรื่องนี้ เขาทำได้เพียงใช้คำพูดของราชาปราชญ์ในปีนั้นมาปลอบใจตัวเอง…
ดีจริงๆ!
ธรรมเนียมการรักษาของผิงอี้จื่อยังไม่เปลี่ยน หลังจากรู้จุดประสงค์ในการมาของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ก็นำสมุดเล่มเล็กที่บันทึกชื่อคนในยุทธภพออกมาอีกครั้ง แล้วเริ่มหลับตาใช้มือวาดวงกลม
พอวาดวงกลมเสร็จแล้ว ผิงอี้จื่อก็ปิด ‘สมุดเดธโน้ต’ แล้วยื่นให้เยี่ยเว่ยหมิงเสียเลย
ท่ามกลางชื่อที่ยั้วเยี้ย ไม่น่าเชื่อว่าชื่อที่ถูกวงจะเป็นชื่อที่เขาคุ้นตา
โอวหยางเค่อ!
ครั้งแรกฆ่าเถียนปั๋วกวง ครั้งที่สองจะฆ่าโอวหยางเค่อ อย่าบอกนะว่าเจ้าหัวโตนี่จะเป็นผู้ปิดฉากโจรราคะในตำนาน?
“เพราะคนที่เจ้าต้องการรักษาครั้งนี้ไม่ได้สำคัญเท่าอวี๋ไต้เหยียนแหง่สำนักอู่ตัง ดังนั้น ครั้งนี้ข้าจึงไม่ขอให้เจ้าสังหารโอวหยางเค่อร่างในแท้โหมดปกติ ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดอะไร ขอเพียงทำให้เขาตายสักครั้ง ก็ถือว่าเจ้าทำภารกิจสำเร็จแล้ว!”
ตอนที่เก็บ สมุดเดธโน้ต’ อีกครั้ง เจ้าหัวโตก็พูดตามความจริง
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ต้องไปหาโอวหยางเค่อตามลำพังแล้วสินะ
พอเดินออกจากโรงหมอสังหาร เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งพิราบสื่อสารหาน้องดาบทันที
[ภารกิจทางฝั่งเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ข้าวางแผนปฏิบัติการทางนี้เรียบร้อยแล้ว หลังจากวางแผนเสร็จ บันทึกภารกิจที่ขัดกันทั้งหมดจะถูกล้างเป็นศูนย์ ต่อให้มีผู้เล่นคนอื่นรับภารกิจ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงขั้นที่ข้าต้องหาคนไปลงมือ…
…ในช่วงนี้ข้าทำภารกิจของตัวเองโดยไม่ต้องกังวลได้เลย เจ้าเตรียมจะไปจวนท่านอ๋องจ้าวเมื่อไร]…หนึ่งดาบสามเฉือน
[ทางข้าแทบไม่มีเรื่องด่วนอย่างอื่น ถ้าเจ้าจัดการเรื่องทั้งนั้นเรียบร้อยแล้ว วันมะรืนพวกเราไปรวมตัวกันและออกเดินทางเป็นอย่างไร]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ไม่มีปัญหา! ส่วนเรื่องรายละเอียดเจ้าวางแผนเองแล้วกัน ข้าจะเตรียมตัวเดี๋ยวนี้]…หนึ่งดาบสามเฉือน
[เช่นนั้นเจ้ารอสักหน่อย ข้าจะติดต่อสะพานสวรรค์น้อย ถ้าเจ้าจะเรียกเสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจมาด้วย ก็มาด้วยกันก็ได้]…เยี่ยเว่ยหมิง
หลังจากพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งข้อความหาสะพานสวรรค์น้อย หลังจากแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีธุระอย่างอื่น ก็เปิดหาแถบรายชื่อเพื่อนของตัวเองอีกครั้ง หลังจากนั้นพักหนึ่ง เขาก็กดที่รูปโปรไฟล์ของผู้เล่นที่ชื่อว่า ‘เซียนกระบี่อวี้ฉง’ แล้วส่งข้อความให้ ผ่านไปสักพักก็ได้รับข้อความตอบกลับที่ทำให้เขาพอใจ
จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็กดเปิดรูปโปรไฟล์ของน้องดาบอีกครั้ง แล้วส่งพิราบสื่อสารให้นาง
[ตอนเที่ยงวันมะรืน รวมตัวกันที่ภัตตาคารซู่เจินตรงเขาชิงเฉิง]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ไม่มีปัญหา]…หนึ่งดาบสามเฉือน
เมื่อใช้พิราบสื่อสารคุยกันเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็ผ่อนคลายสุดๆ
ตอนที่เห็นชื่อโอวหยางเค่อ เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงยังรู้สึกกดดันนิดหน่อย
ถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็ไม่ได้รับมือได้ง่ายๆ เหมือนเถียนปั๋วกวง เพราะมีหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้าหนุนหลังเขาอยู่ เวลาจะสังหารขึ้นมาก็เป็นเรื่องยากมาก ทั้งยังอาจจะถูกโอวหยางเฟิงไล่สังหารด้วย
แต่ในเมื่อไม่ขอให้สังหารร่างแท้ของเขา เช่นนั้นก็ง่ายขึ้นเยอะเลย
เขาอยู่ในภารกิจจวนท่านอ๋องจ้าวอยู่แล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าให้รับมือกับโอวหยางเค่อในจวนท่านอ๋องจ้าว ยังพายอดมนุษย์อันธพาลที่รับงานโดยไม่คิดค่าจ้างอย่างน้องดาบไปรุมโจมตีด้วยกันได้
เป็นเรื่องที่งดงามจริงๆ!