ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 367 เจอโฉวป้าอีกครั้ง
ตอนที่ 367 เจอโฉวป้าอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำถามที่เต็มไปด้วยความตกใจของเยี่ยเว่ยหมิง โหยวจิ้นก็ไม่รอให้ซานเย่ว์ดึงสติกลับมา ใช้น้ำเสียงแหบพร่าอธิบายว่า “สิ่งที่เรียกว่ารางวัลครึ่งปีแรก ก็คือร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าประสบการณ์ทั้งหมดที่พวกเจ้าได้หลังจากทำภารกิจสำเร็จครึ่งปีแรก แต่ไม่รวมที่ได้จากการต่อสู้ในภารกิจ…
…แจกค่าประสบการณ์เยอะขนาดนี้ในรวดเดียว จำนวนย่อมไม่น้อยอยู่แล้ว แต่เจ้าไม่ขยันทำภารกิจเท่าซานเย่ว์ ถ้าอยากจะเพิ่มสามเลเวลต่อเนื่องก็เป็นไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของโหยวจิ้น เยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้าเล็กน้อย ในใจกำลังครุ่นคิดว่า ผู้ออกแบบเกมคงอยากอาศัยกิจกรรมครั้งนี้ดึงดูดให้ผู้เล่นต้องการทำภารกิจมากขึ้น
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงไม่พูดอะไรอีก โหยวจิ้นก็อดเตือนไม่ได้ว่า “เว่ยหมิง เจ้าเองก็อยากได้รางวัลครึ่งปีแรกกับ ‘ไข่มุกชุมนุมวิญญาณ’ เหมือนกันหรือ”
ทุกครั้งที่ได้ยินโหยวจิ้นเรียกชื่อเขาโดยตรง เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังเอาเปรียบเขาอยู่ หากไม่ใช่เพราะชายหน้ากากเหล็กคนนี้เป็นผู้บังคับบัญชา เขาต้องต้องโต้แย้งแน่นอน
ส่วนคำถามของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงตอบว่า “รางวัลครึ่งปีแรกก็ต้องรับอยู่แล้ว ไข่มุกชุมนุมวิญญาณนั่นช่างเถอะ ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่มีเวลามาพัวพันอยู่กับพวกภูตผีปีศาจ”
“ตามใจเจ้า!” เมื่อเสียงของโหยวจิ้นเงียบลง เสียงแจ้งเตือนของระบบอันไพเราะก็ดังขึ้นข้างหูของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
[ติ๊ง! คุณรับรางวัลครึ่งปีแรกสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์…]
ท่ามกลางเสียงแจ้งเตือนของระบบ บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีแสงกะพริบต่อเนื่องสองครั้ง เลเวลพุ่งถึงสี่สิบห้าแล้ว!
ค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับ ใช่ว่าจะเพียงพอให้เขาเพิ่มสองเลเวลในรวดเดียว แต่เป็นเพราะรางวัลที่ได้รับในภารกิจก่อนหน้านี้ บวกกับรางวัลสังหารอวิ๋นจงเฮ่อ ทำให้ค่าประสบการณ์ของเลเวลตอนนั้นเยอะจนเกือบจะเพิ่มเลเวลอยู่ก่อนแล้ว
สรุปก็คือรางวัลค่าประสบการณ์รางวัลครึ่งปีแรกของเขาเพียงพอสำหรับเพิ่มหนึ่งเลเวลเท่านั้น ถ้าเทียบกับคนที่หลงใหลการทำภารกิจอย่างซานเย่ว์ เห็นได้ชัดว่ายังห่างกันไม่ใช่น้อยๆ
พึ่บพับๆๆ…
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวจิ้นคุยกัน บนตัวซานเย่ว์ก็มีพิราบขาวบินออกมาหลายตัว ตอนที่เขาหันกลับไป ก็เห็นพิราบขาวตัวหนึ่งบินมาตรงหน้าพอดี บนหลังพิราบขาวมีเส้นดำๆ เส่นหนึ่ง พอใช้เคล็ดวิชาโคจรพลังไปที่สองตา ถึงได้เห็นชัดเจนว่ามันถูกใครบางคนใช้อะไรสักอย่างเขียนตัวอักษรแปลกๆ ไว้ว่า ‘เหลือบัตรรายเดือนไว้ หลังจากวันที่ 20 เติมให้ผมด้วย’
ส่วนซานเย่ว์หลังจากอ่านเนื้อความในจดหมายครู่หนึ่ง ก็อธิบายพร้อมรอยยิ้มว่า “ในเมื่ออาหมิงไม่อยากเข้าร่วมภารกิจนี้ ข้าก็ทำได้เพียงไปหาคนอื่นแล้ว ตอนที่เจ้าคุยกับหัวหน้าโหยวเมื่อครู่นี้ ข้าถือโอกาสติดต่อสะพานสวรรค์น้อยแล้ว นางกำลังรับภารกิจนี้ที่สำนักพอดี”
“รู้อยู่แก่ใจว่าต้องเจอผี น้องสะพานสวรรค์ไม่กล้าอยู่ที่สุสานโบราณนานอยู่แล้ว เตรียมจะหาคนตั้งทีมพอดี”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเบาๆ สื่อว่าเข้าใจ ภารกิจที่เกี่ยวข้องกับผีแบบนี้ ถ้าเจอที่สำนักมือปราบเทพก็ถือว่าไม่ทำให้หวาดกลัวเกินไป แต่ถ้าเจอที่สำนักสุสานโบราณ นั่นก็ค่อนข้างน่ากลัวแล้ว
สิ่งเดียวที่เขาไม่เข้าใจก็คือ “จะว่าไปแล้ว การเขียนจดหมายบนตัวพิราบขาว ก็เป็นวิชาลับของสำนักสุสานโบราณเหมือนกันหรือ”
ขณะที่พูด ทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันออกจากสำนักมือปราบเทพแล้ว ตอนนี้กำลังเดินไปทางจุดพักม้า
เยี่ยเว่ยหมิงต้องนั่งรถม้าไปที่เขาจวินซานเพื่อถามเบาะแสภารกิจกับผู้อาวุโสเผิง ซานเย่ว์ก็ต้องไปรับสะพานสวรรค์น้อยเช่นกัน ถึงอย่างไรภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้ สำหรับผู้หญิงแล้วถือว่าทั้งน่าตื่นเต้นทั้งน่ากลัว มีเพื่อนร่วมทางอยู่ข้างกายจึงดีกว่ามาก
ขณะที่เดินทาง ซานเย่ว์ก็อธิบายไปเรื่อยเปื่อยว่า “เขียนตัวอักษรบนหลังพิราบแปลกตรงไหน ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินสะพานสวรรค์น้อยบอกว่านางเคยเห็นบนปีกผึ้งถูกแทงเป็นตัวอักษรด้วยนะ”
ซ่า ซ่า ซ่าขณะที่ทั้งสองกำลังคุยไปด้วยเดินไปด้วย จู่ๆ ลมหนาวก็พัดมาวูบหนึ่ง ตามด้วยควันดำกลุ่มหนึ่งก่อตัวตรงหน้าพวกเขา พอมองใบหน้าให้ดีๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็น…
โฉวป้า!
นึกไม่ถึงว่าภารกิจที่ซานเย่ว์เพิ่งได้รับ จะทำให้เจอผีเร็วขนาดนี้
เห็นเงาร่างของโฉวป้าแทบจะเหมือนกับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด แต่ใต้ซี่โครงกับบนขาไม่มีบาดแผล ตรงหว่างคิ้วดูเคร่งขรึม มีขีดสีดำราวกับเส้นผม เพิ่มพลังงานชั่วร้ายและอัปมงคลให้เขาหลายส่วน
หลังจากปรากฏตัว โฉวป้าก็ขวางอยู่ตรงหน้าทั้งสอง ไม่สิ! ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือขวางทางซานเย่ว์ พร้อมบ่นไม่หยุดว่า “ข้าแค้นมาก! ข้าแค้นเหลือเกิน!…” เขาไม่ได้โจมตีทั้งสอง ไม่มีข้อมูลค่าสเตตัสของ BOSS แสดงให้เห็นเช่นกัน
ยังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยถาม ซานเย่ว์ก็ส่งข้อความส่วนตัวมาแล้ว ในข้อความมีภาพบันทึกการสนทนาภาพหนึ่ง
[คุณบังเอิญเจอวิญญาณมหาโจรโฉวป้า BOSS ที่เคยถูกคุณฆ่าตาย คุณจะเลือก?
1. ปราบปีศาจกำจัดผี กำจัดวิญญาณให้ดับสิ้น
2. ช่วยทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง โปรดวิญญาณของเขา]
ตอนที่ส่งภาพนี้ให้ ซานเย่ว์ก็ถามว่า “อาหมิง เจ้าคิดว่าข้าควรจะเลือกอะไร”
ตอนที่จัดการธุระคนเดียว เด็กสาวอย่างซานเย่ว์ยังมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเปิดร้านหรือซื้อบ้าน ต่อให้ไม่มีเยี่ยเว่ยหมิงมาเกี่ยวข้อง นางกับสะพานสวรรค์น้อยก็ยังทำได้อย่างงดงาม
แต่เมื่อมีเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ข้างกาย นางหนูคนนี้ก็ขี้เกียจใช้สมองแล้ว ได้แต่ทำตามสิ่งที่เขากำชับ ไม่ได้คิดอย่างอื่น
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตามคำแนะนำของภารกิจ หลังจากเจอวิญญาณแล้วมีสองทางเลือก รางวัลที่ได้รับก็ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด”
“ถ้าฆ่าทิ้ง รางวัลที่ได้คงจะเป็นค่าประสบการณ์กับค่าตบะ ก็เหมือนฆ่า BOSS ตามปกติทั่วไป ส่วนของดรอปที่ได้ ระบบก็ไม่ได้บอกไว้ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว”
“ถ้าช่วยให้เขาสมปรารถนา เจ้าก็ได้รับภารกิจจากเขา รางวัลภารกิจน่าจะเป็นค่าวีรบุรุษกับรางวัลพิเศษอิงตามระดับภารกิจ คิดว่าคงไม่ต่างกับภารกิจทั่วไปมากนัก ที่แตกต่างก็แค่ใช้ค่าวีรบุรุษแทนค่าประสบการณ์กับแต้มค่าตบะ คงจะประมาณนี้”
เยี่ยเว่ยหมิงเอามือลูบคางพร้อมวิเคราะห์ต่อตามข้อมูลปัจจุบัน “โฉวป้าคนนี้จิตใจเป็นอย่างไรเจ้าก็รู้ดี เป็นแค่ BOSS กระจอกที่ผู้เล่นมือใหม่ฆ่าตายได้เท่านั้นเอง ค่าประสบการณ์กับค่าตบะที่ได้หลังจากฆ่าเขาทิ้ง สำหรับพวกเราตอนนี้ถือว่ามองข้ามไปได้เลย คำแนะนำของข้าก็คือให้ทำภารกิจ”
ซานเย่ว์พยักหน้า “อืม เชื่อเจ้าก็ได้”
ไม่ทันรอให้ซานเย่ว์เลือก เยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายเสริมอีกว่า “ถ้าทำภารกิจ ข้ากล้าเดาภารกิจต่อไปได้เลย ถ้าอย่างนั้นเจ้าดึงข้าเข้าทีมก่อน”
“ไม่มีปัญหา!” ซานเย่ว์ตอบอย่างไม่คิดมาก จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงส่งคำเชิญเข้าทีมให้
หลังจากเข้าทีมแล้ว ซานเย่ว์ที่เป็นหัวหน้าทีมชั่วคราวก็กดที่รางวัลของตัวเลือก ‘ช่วยให้อีกฝ่ายสมปรารถนา’
ตอนนี้บทพูดของโฉวป้านั่นไม่ใช่ ‘ข้าแค้นนัก’ เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่สายตาไร้แววกำลังมองบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเสียงเย็นยะเยือกวังเวง “ข้าเป็นคนชั่วช้าที่สมควรได้รับโทษ แต่ก่อนที่ข้าจะกลายเป็นคนชั่ว กลับเป็นเพราะบนโลกนี้มีคนชั่วเยอะเกินไปต่างหาก!…
…เดิมทีข้าก็เป็นจอมยุทธ์คนหนึ่งเช่นกัน แต่คนในครอบครัวข้าถูกโจรภูเขากลุ่มหนึ่งสังหารตายอย่างโหดเหี้ยม หลังจากสืบมาถึงได้รู้ว่ามือสังหารที่ลงมือกับครอบครัวข้าก็คือหลินจื้อเพ่ย ประมุขค่ายดอกบัว…”