ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 376 สรุปหลังต่อสู้
ตอนที่ 376 สรุปหลังต่อสู้
ผลตอบแทนที่ได้จากการกำจัดเฟิ่งเทียนหนานร่างมารไม่ได้มีแค่ค่าประสบการณ์ ค่าตบะและไอเทมอยู่แล้ว ตอนที่เฟิ่งเทียนหนานล้มลง ฉางซิงอวี่ยังได้รับค่าวีรบุรุษหนึ่งพันแต้มเต็มๆ เยี่ยเว่ยหมิงอิจฉาแทบแย่
พลังของการเป็นตัวอย่างที่ดีนั้นไร้ขีดจำกัด
หลังจากได้เห็นผลตอบแทนของฉางซิงอวี่แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็มีแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยมในการทำภารกิจ
“ดูจากตอนนี้ ผู้เล่นในทีมไม่อาจแบ่งปันรางวัลภารกิจกันได้ แต่ผลตอบแทนจากการโจมตีมอนสเตอร์ยังไม่ต่างอะไรกับการตั้งทีมตามปกติ พวกเราตั้งทีมกันก่อนแล้วค่อยไปเจอผีได้เลย ถ้าเจอภารกิจยุ่งยากที่ต้องวิ่งเต้น ก็ออกจากทีมไปจัดการเองให้สำเร็จ แต่ถ้าจำเป็นต้องกำจัดมารปกป้องคุณธรรมก็ไปพร้อมกัน แบบนี้จะรับประกันประสิทธิภาพของภารกิจได้มากที่สุด”
พอนำทุกคนกลับถึงสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไปหาโหยวจิ้นทันที เอ่ยถึง ‘ไข่มุกชุมนุมวิญญาณ’ ที่ฝากเขาไว้ก่อนหน้านี้ แต่กลับพยายามวิเคราะห์กติกาการแบ่งรางวัลภารกิจกับวิธีการร่วมงานกันที่ตัวเองเสนออย่างสั้นกระชับเท่าที่จะทำได้
หากทำภารกิจส่วนตัวแล้วเจอการต่อสู้ยากๆ ควรจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เอ่ยคำถามนี้ออกมา เพราะสถานการณ์แบบนั้นจะส่งผลต่อจังหวะการทำภารกิจของผู้ที่มาช่วยเหลือ ต้องให้คนที่รับภารกิจอาศัยหน้าของตัวเองหรือไม่ก็สละผลประโยชน์นิดหน่อยเพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่เรื่องที่หัวหน้าทีมอย่างเขาควรสนใจ
ทุกคนไม่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากพากันแสดงออกว่าเห็นด้วย ในที่สุดฉางซิงอวี่ก็อดถามอีกครั้งไม่ได้ว่า “สหายเยี่ย ตอนนี้เจ้าบอกได้แล้วมั้ง จุดอ่อนของสัตว์มารที่เจ้าสรุปไว้ก่อนหน้านี้คืออะไร”
“แน่นอน” ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยรับอย่างตรงไปตรงมามาก จากนั้นก็ส่งข้อความในช่องทีมท่ามกลางสายตาสงสัยของฉางซิงอวี่กับสองสาว [จากการคาดเดาของข้า ผีที่โผล่อยู่ในภารกิจครั้งนี้ ถ้าเข้าสู่สถานะร่างมารแล้วก็น่าจะมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีกายภาพทั่วไปกับโจมตีกำลังภายในร้อยเปอร์เซนต์]
สำหรับการวิเคราะห์นี้ เพื่อนร่วมทีมทั้งสามเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาทำท่าตั้งใจฟังเหมือนเป็นนักเรียนที่ดี ไม่พูดแทรกอีก
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เดินไปด้วยพร้อมส่งข้อความในช่องทีมไปด้วย [ถ้าอยากรักษาค่าพลังโจมตีของตัวเองไว้ ที่จริงก็ง่ายมาก แค่หาทางเปลี่ยนการโจมตีธาตุของตัวเองก็พอแล้ว…
…ยกตัวอย่างเช่นมือซ้ายของข้าสวมถุงมือข้างหนึ่ง ทำให้การโจมตีเปลี่ยนเป็นดาเมจธาตุน้ำแข็ง ดังนั้นหมัดฝ่ามือที่โจมตีออกมาก็จะรักษาพลังโจมตีเดิมเอาไว้ได้]
อธิบายง่ายๆ ไม่กี่ประโยค ก็เผยกุญแจสำคัญสำหรับรับมือกับสัตว์มารแล้ว คำตอบของเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวได้ว่าไม่มีการมุบมิบข้อสอบ แต่ฉางซิงอวี่เหมือนยังไม่ค่อยพอใจกับคำตอบนัก “โจมตีได้ดาเมจธรรมดา อันนี้เข้าใจได้ แล้วคริติคอลดาเมจที่เจ้าโจมตีช่วงสุดท้ายล่ะ จะอธิบายอย่างไร”
“นี่ก็คือเรื่องที่ข้ากำลังจะอธิบายต่อไป” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วส่งข้อความในช่องทีมต่อ [ที่จริงถ้าอยากสร้างดาเมจกับสัตว์มาร วิธีการก็ไม่ใช่แค่ใช้อาวุธธาตุเท่านั้น นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ]
[ยกตัวอย่างเช่นกฎเต๋า พุทธธรรม ในตำนานบอกไว้ว่ามีความสามารถในการควบคุมสัตว์มาร และทำอย่างนั้นได้ด้วย เหมือนกฎเต๋าของข้าและสหายฉาง เลเวลกฎเต๋าของข้าถ้าบวกกับโบนัสอุปกรณ์ก็ถือเป็นเลเวลห้า จึงรักษาพลังโจมตีไว้ได้ห้าส่วน ส่วนเลเวลกฎเต๋าของสหายฉางคือเลเวลเจ็ด ก็เลยรักษาพลังโจมตีไว้ได้เจ็ดส่วน นี่คือเรื่องที่สหายฉางสังเกตเห็นก่อน แล้วยังมี…]
พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงพูดว่า ‘แล้วยังมี’ ฉางซิงอวี่ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
สิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงพูดก่อนหน้านี้แม้เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก แต่ก็เป็นการอาศัยการตัดสินของตัวเองหรือไม่ก็การคาดเดา สิ่งที่จะพูดต่อไปต่างหากคือกุญแจสำคัญที่เขาอยากรู้ที่สุด
[นอกจากนี้ ยังมีทักษะพิเศษบางอย่างที่มีโบนัสโจมตีที่ควบคุมสัตว์มารได้] กล่าวถึงตรงนี้ สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง [ยกตัวอย่างเช่น ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ของข้า ถือเป็นวิทยายุทธ์ที่พลังหยางเยอะสุดในใต้หล้า มีผลควบคุมสัตว์มารที่เกิดจากปราณชั่วร้ายได้เยอะมาก ถ้าใช้มันโจมตีสัตว์มาร จะได้รับโบนัสพลังโจมตีห้าสิบเปอร์เซนต์!]
“ใช่แล้ว!” ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงส่งลิงก์ไอเทมกระบี่แสงทองเข้าไปในช่องทีมเสียเลย [กระบี่เล่มนี้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ พลังโจมตีถือว่าธรรมดา จุดเด่นของมันก็อยู่ที่ค่าสเตตัสที่ครอบคลุมทุกด้าน แต่ตอนรับมือกับสัตว์มาร กลับแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เยอะมาก]
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงนำกระบี่แสงทองออกมาแล้ว เขาลูบตัวกระบี่พร้อมบอกว่า “ดูจากข้อมูลแนะนำก็รู้แล้วว่าเป็นกระบี่ที่ยอดฝีมือของสำนักชิงเฉิงยุคก่อนใช้ทั้งชีวิต ตัวมันเองมีกฎเต๋าที่ล้ำลึกเสริมอานุภาพอยู่แล้ว ยามปกติอาจมองไม่ออก แต่ตอนรับมือกับสัตว์มาร กลับทำให้ข้าปะทุดาเมจที่น่ากลัวออกมาห้าเท่า!…
…นี่ก็คือกุญแจสำคัญที่ข้าโจมตีเพียงกระบี่เดียวก็พรากพลังชีวิตของเฟิ่งเทียนหนานร่างมารไปแล้วสามแสน” เขาชะงักเล็กน้อย เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ จึงพูดต่อว่า “แต่สหายฉางก็ไม่ต้องอิจฉาหรอก จากที่ข้ารู้มา สำนักอู่ตังเหมือนจะมีกระบี่เจินอู่ที่ท่านนักพรตจางซานเฟิงพกติดตัวนะ หากเจ้าคว้ากระบี่เล่มนั้นมาไว้ในมือได้ เทียบกับกระบี่แสงทองของข้าแล้วมีแต่จะเหนือกว่า แทงแค่กระบี่เดียว ต่อให้ทำดาเมจได้สิบเท่าก็ถือว่าไม่แปลก”
พอได้ฟังแบบนี้ ทุกคนตรงนั้นก็กลอกตาพร้อมกัน เยี่ยเว่ยหมิงพูดเหมือนง่าย แต่ความจริงหามาไว้ติดมือได้ง่ายขนาดนั้นหรือ
สำหรับเรื่องนี้ ฉางซิงอวี่ก็แค่โยนออกจากหัวไปเสียเลย ตอบอย่างเท่ๆ ว่า “ข้าไม่ใช้กระบี่”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าใช้กระบี่หรือเปล่า” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ประเด็นคืออุปกรณ์พวกนั้นมีคุณสมบัติสยบมารแฝงอยู่ เปล่งรัศมีในกิจกรรมของวันนี้ได้แน่นอน”
จู่ๆ ฉางซิงอวี่ก็นึกอะไรขึ้นได้ พลันหันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง “ทักษะการคาดคะเนที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะคาดเดาอะไรออกมาได้มากมายขนาดนี้”
“สุดยอดวิชา” เยี่ยเว่ยหมิงใช้เพียงสองคำก็อธิบายความทรงพลังของทักษะตรงจุดแล้ว แต่เขากลับไม่อยากพูดอะไรมากเกี่ยวกับ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “ถ้าเทียบกับสุดยอดวิชาของข้า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำตอนนี้ก็คือเพิ่มความสามารถของทุกคนสำหรับต่อต้านสัตว์มาร”
“อ้อ ใช่ ซานเย่ว์ ในร้านอุปกรณ์เครื่องประดับยังมีอุปกรณ์อะไรที่มีคุณสมบัติสยบมารได้บ้าง บางทีอาจจะแปลงให้การโจมตีธรรมดากลายเป็นการโจมตีธาตุได้ ถ้ามีก็นำออกมาใช้ก่อน กุญแจสำคัญคือต้องเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับทั้งทีม”