ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 447 มังกรกระโดดสี่สมุทร
ตอนที่ 447 มังกรกระโดดสี่สมุทร
เมื่อตัดปัจจัยที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดออก ผลลัพธ์ที่เหลือแม้จะเหลือเชื่ออย่างไร แต่ก็เป็นความจริงอยู่ดี!
ประโยคนี้ถูกใช้ในนิยายสืบสวน ละครหรือการ์ตูนเรื่องไหน หรือแม้แต่ตอนเริ่มแรกสุดปรากฏอยู่ที่ไหน เยี่ยเว่ยหมิงกลับจำไม่ได้แล้ว
ด้วยจิตวิญญาณที่ว่า ‘ประโยคเด็ดอย่าถามที่มา’ เยี่ยเว่ยหมิงเลิกคิดไปเสียเลยว่าใครเป็นคนกล่าวประโยคนี้กันแน่ ขอเพียงคำกล่าวนี้มีเหตุผลก็หยิบยกมาใช้ได้เลย
ยกตัวอย่างเช่นวันนี้พบปัญหานี้ หลังจากตัดปัจจัยที่เป็นไปไม่ได้ออกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้คนเหล่านี้มารวมตัวกันได้ ก็มีเพียง ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ที่มีน้ำหนักมากพอ
คนแรกเลยก็คือจิวหมัวจื้อ ตามต้นฉบับเดิมเขียนไว้ชัดเจนว่าหลวงจีนรูปนี้อยากได้ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ จุดนี้นำมาเป็นหนึ่งในข้อมูลของฉากเกมที่อ้างอิงได้โดยตรง ไม่ต้องอธิบายอะไรมากเลย
คนต่อมาคือเชิญร่ำสุรา เจ้าหมอนี่ถนัดเรื่องวางกลอุบาย ตอนนี้พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ได้ประโยชน์มากสุดในกระบวนทัพของฝ่ายตรงข้าม
ภารกิจของเขาเชื่อมโยงกับตัวละครที่เป็นกุญแจสำคัญอย่างจิวหมัวจื้อกับจงว่านโฉวโดยตรง ถ้าเลือกบุกก็วางแผนชิง ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ มาไว้ที่ตัวเองได้ ถ้าเลือกถอยก็ช่วยให้จิวหมัวจื้อชิง ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ มาครองแทนได้ ดังนั้นสำหรับพวกเขา ผลตอบแทนมหาศาลที่ได้จากการช่วยจิวหมัวจื้ออาจจะไม่น้อยกว่าการได้ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’
สถานการณ์ของเมฆเคลื่อนเดียวดายและข้ากำลังหาของก็ไม่ต่างกันเท่าไร พวกเขาอาจไม่มีโอกาสได้รางวัลภารกิจจากจิวหมัวจื้อแล้ว แต่ในภารกิจก็ยังหวัง ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ได้อยู่
ส่วนต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงเดิมทีก็ได้วิชา ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ อยู่แล้ว มีพื้นฐานที่จะเรียน ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’
ถ้าอิงตามวิธีการเล่นเกมตามปกติ เหมือนจะหาช่องทางการรับ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ได้ยากมาก แต่ถ้าร่วมมือกับพวกเชิญร่ำสุรา กลับทำให้มีโอกาสได้สุดยอดวิชานี้ หรือถึงขั้นได้วิชาศักดิ์สิทธิ์ด้วย
ส่วนถ้าถามว่า ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ มีเพียงฉบับเดียว คนกลุ่มนี้จะแบ่งกันอย่างไร
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าคำถามนี้ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองสมองคิด แม้แต่สี่คนฝ่ายตรงข้ามก็ไม่เคยพิจารณาเช่นกัน
วิชาศักดิ์สิทธิ์และสุดยอดวิชา ผู้ที่มีความสามารถย่อมได้ไปครอง!
พวกเขาไม่เคยคิดจะแบ่งลูกท้อผลใหญ่ที่สุดให้คนอื่นเลย!
หลังจากรู้เบาะแสชัดเจนแล้ว แนวทางการคิดก็เริ่มปลอดโปร่งขึ้นมาทันที
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บ ‘แผนผังความคิด’ ที่เขียนสิ่งต่างๆ ไว้เต็มทันที นำกระดาษอีกแผ่นมาปูไว้บนก้อนหินแทน แล้วเขียนห้าประโยคเรียงกันบนนั้น
ถ้าข้าเป็นจิวหมัวจื้อ:
ถ้าข้าเป็นเชิญร่ำสุรา:
ถ้าข้าเป็นต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง:
……
ยังดีที่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ไม่เยอะ ขอเพียงยืนอยู่ในมุมของพวกเขาแต่ละคนแล้วพิจารณาปัญหาใหม่อีกครั้ง โดยพื้นฐานก็จะเรียบเรียงต้นสายปลายเหตุคร่าวๆ ของสิ่งที่อยากรู้ได้แล้ว
อย่างไรเสียเมื่ออยู่ต่อหน้า BOSS ใหญ่อย่างจิวหมัวจื้อ ถ้าอยากจะเอาชนะโดยที่ฝ่ายตัวเองอ่อนแอกว่า ก็จะต้องรู้เขารู้เราก่อนถึงมีจะโอกาส!
ถ้าวิเคราะห์เรื่องนี้จากจุดยืนของจิวหมัวจื้อ ไม่ว่าเขาจะอยากรับตำรากระบี่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ในหุบเขาว่านเจี๋ยโดยตรง หรืออยากจะบีบจักรพรรดิเป่าติ้งโดยการจับต้วนอวี้เป็นตัวประกันเพื่อไปแลกตำรากระบี่กันที่วัดเทียนหลงก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น
จากข้อมูลที่อินปู้คุยให้มาก็หาข้อสรุปได้ไม่ยาก สำหรับวัดเทียนหลงและหลวงจีนที่มีคูหรงเป็นผู้นำ ฮ่องเต้คนหนึ่งของต้าหลี่ยังมีความสำคัญน้อยกว่าตำรากระบี่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ อยู่มาก
ในข้อมูลที่อินปู้คุยให้มาบอกไว้ว่า ต้วนเจิ้งหมิงพาผู้สืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้เพียงหนึ่งเดียวไปขอให้วัดเทียนหลงรักษาอาการป่วยให้ ผลปรากฏว่ากลับถูกคูหรงตำหนิว่ารักษาแล้วจะสูญเสียวิชา
ระหว่างตำแหน่งฮ่องเต้กับตำรา ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ จากเรื่องนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรสำคัญว่า!
แต่การเชิญร่ำสุราปลุกปั่นจนเขามาร่วมวงด้วยก็ย่อมมีจุดประสงค์อยู่แล้ว
ถ้าเขาทำให้ต้วนเจิ้งหมิงบาดเจ็บสาหัสที่หุบเขาว่านเจี๋ยได้ หรือทำให้ยอดฝีมือที่ต้วนเจิ้งหมิงเรียกมาช่วยที่วัดเทียนหลงบาดเจ็บได้ เช่นนั้นในศึกใหญ่ที่วัดเทียนหลงหลังจากนี้ ศัตรูที่ร้ายกาจของเขาก็จะลดลงไปหนึ่งคน
ต้องทราบไว้ว่าในศึกชิงกระบี่ที่วัดเทียนหลง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งฝั่งต้าหลี่คือคูหรง รองลงมาคือต้วนเจิ้งหมิง ถ้าไม่มีกำลังรบจากศัตรูที่แข็งแกร่งคนนี้ อาศัยคูหรงบวกกับอีกสี่คน จะต้านจิวหมัวจื้อไหวไหมก็ยังไม่รู้เลย
ส่วนต้วนเจิ้งฉุน?
อาจเป็นเพราะใช้พลังหยางมากเกินไป ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของเขาจึงฝึกได้ไม่ดีเท่าไร ดูจากการที่เขาไม่พกกระบี่ล้ำค่าติดตัวไว้ตลอดก็รู้แล้วว่าเขาไม่มีความมั่นใจใน ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’
ส่วนแรงจูงใจของพวกเชิญร่ำสุรา เกรงว่าคงไม่ใช่แค่จะทำให้ต้วนเจิ้งหมิงบาดเจ็บสาหัส
ตัดต้วนอวี้ที่มีออร่าสูตรโกงของพระเอกออก ถ้าอยากจะฝึก ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ วิชาที่เป็นพื้นฐานก็คือ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ซึ่งในบรรดาพวกเขาสี่คน อย่างน้อยก็มีสามคนที่ไม่เคยฝึก ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ มาก่อน
หากจะใช้แนวทางทั่วไป ต่อให้เป็นต้วนเหยียนชิ่งก็ไม่ถ่ายทอด ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ให้ผู้เล่นนอกเหนือจากศิษย์สกุลต้วนต้าหลี่อยู่ดี
แต่ว่า…
ของพวกนี้ดรอปจากการฆ่า BOSS ได้!
ดังนั้น แผนการเดิมของพวกเขาคงจะเป็นการทำให้ต้วนเหยียนชิ่งกับต้วนเจิ้งหมิงสู้กันจนเสียหายทั้งคู่ จากนั้นก็ลงมือลอบโจมตี ฆ่าสองยอดฝีมือ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ให้ตาย บวกกับต้วนเจิ้งฉุนที่โอกาสดรอปอาจไม่สูงมาก แต่ถ้าทำเฟิร์สคิลสามครั้ง ก็อาจจะรวบรวมตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ได้แล้วหรือเปล่า
ตอนนี้ต้วนเหยียนชิ่งถูกพวกเยี่ยเว่ยหมิงดึงมาเป็นพวกสำเร็จแล้ว แต่พวกเขากลับยังมีแผนสำรอง นั่นก็คือหลอกใช้ให้จิวหมัวจื้อโจมตีกลุ่มยอดฝีมือของสกุลต้วนต้าหลี่ จากนั้นค่อยลอบจู่โจมเขาอีกที
ได้ทำเฟิร์สคิล ดรอป ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’!
ดูจากข้อมูลของอินปู้คุยกับเจ้าอ้วนชนะฟ้า ไม่ว่าจะเป็นโอวหยางเฟิงหรือสกุลมู่หรงก็สนใจ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของต้าหลี่อยู่ไม่น้อย หลังจากได้ไปแล้ว ต่อให้พวกเขาไม่เรียนเอง ก็ส่งต่อให้สำนักแล้วแลกเป็นรางวัลภารกิจอย่างอื่นที่มีจำนวนมากกว่าเดิมได้
ไม่ว่าจะนับอย่างไร พวกเขาก็ไม่เสียเปรียบ!
ความคิดเหล่านี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็แค่คิดเงียบๆ ในใจคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้บอกให้สหายร่วมทีมสองคนข้างกายรู้
ไม่ใช่เพราะเขาเชื่อใจอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เพราะเขารู้สึกว่า เรื่องที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบแบบนี้ ถ้าให้คนซื่อๆ อีกสองคนวิเคราะห์แทรกขึ้นมา ก็มีแต่จะทำให้แนวความคิดของเขาที่เดิมทีก็ชัดเจนอยู่แล้วรวนได้
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งบินมาเกาะบนตัวเขาแล้วหายไป
[อาหมิง หลังจากข้าคุ้มกันส่งปาเทียนสือแล้วกลับมาที่ต้าหลี่ ก็ได้รางวัลเป็นค่าประสบการณ์กับค่าตบะไม่น้อยเลย แถมรางวัลของข้ายังเยอะว่าพวกเขาสองคนด้วยนะ นอกจากค่าประสบการณ์กับค่าตบะ ปาเทียนสือยังมอบตำราลับวิชาตัวเบาให้ข้าหนึ่งเล่มด้วย!]…ซานเย่ว์
เมื่อเห็นข้อความนี้ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มที่สื่อว่าเข้าใจออกมา ตอนนี้มีพิราบขาวบินเข้ามาอีกตัว เนื้อหาก็คือลิงก์ไอเทมจากซานเย่ว์
[มังกรกระโดดสี่สมุทร (ระดับสูง)] วิชาตัวเบาของปาเทียนสือ ซือคงแห่งต้าหลี่ ท่าร่างคล่องตัวปราดเปรียว ความเร็วน่าทึ่ง เงื่อนไขการฝึก: …
[อาหมิง ปาเทียนสือบอกว่าขอบคุณที่พวกเราสองคนช่วยเขาไว้ ที่จริงแล้วเป็นผลงานของเจ้าทั้งนั้นที่ช่วยเขาไว้ได้ ดังนั้นตำราลับเล่มนี้สมควรเป็นของเจ้า]…ซานเย่ว์
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ถามกลับว่า
[ปาเทียนสือบอกหรือเปล่าว่าท่าร่างนี้เหมาะสมกับเจ้ามากกว่า]…เยี่ยเว่ยหมิง
[เจ้ารู้ได้อย่างไร]…ซานเย่ว์
[ก็เพราะคอลัมน์สกิลของข้าไม่พอให้ใช้งานแล้ว นอกจากหนึ่งช่องที่เว้นไว้ให้ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ก็ยังเหลืออีกช่องที่เก็บไว้ใช้ยามเร่งด่วน…
…ดังนั้น เจ้าเรียนวิชาตัวเบานี้ไปเถอะ…
…เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้า ถ้ารางวัลภารกิจเป็นตำราลับวิชากำลังภายใน ข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าเหมือนกัน]…เยี่ยเว่ยหมิง
……
หลังจากส่งข้อความไปแล้ว สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็หยุดอยู่บนกระดาษตรงหน้าอีกครั้ง ตอนที่กำลังจะอนุมานสถานการณ์ต่อ กลับเห็นพิราบขาวตัวหนึ่งบินเข้ามาอีก
[ไม่น่าเชื่อว่า ‘มังกรกระโดดสี่สมุทร’ กับ ‘กระเรียนเหนือฟ้า’ จะนำมารวมกันได้ กลายเป็นสุดยอดวิชาตัวเบาแล้ว!]…ซานเย่ว์