ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 466 กระบี่รอยมังกรและสารีริกธาตุหลิวหลี
ตอนที่ 466 กระบี่รอยมังกรและสารีริกธาตุหลิวหลี
อาวุธล้ำค่าที่จั่วจื่อมู่นำมาแทนเงินในการไถ่คืน ‘หลักฐานในชั้นศาล’ ได้แก่กระบี่ล้ำค่าหนึ่งเล่มและเครื่องประดับที่งดงามหนึ่งชิ้น
[กระบี่รอยมังกร (อาวุธล้ำค่า)] กระบี่ล้ำค่าที่สลักลายมังกรไว้บนตัวกระบี่ ในนั้นแฝงไปด้วยพลังลึกลับ
โจมตี +600
เพิ่มกำลังภายใน 60%
ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิต +100%
เลเวลเคล็ดกระบี่ +1!
พลังโจมตีของกระบี่เล่มนี้ถือว่าได้มาตรฐานเท่านั้น ส่วนกำลังภายในที่เพิ่มขึ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันเยี่ยเว่ยหมิงก็เห็นว่ามีอยู่ในอาวุธทุกชิ้น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นพลังโจมตีก็ไม่ถือว่าเยอะมาก
เมื่อเทียบกับกระบี่แสงทองที่เพิ่มกำลังภายในสี่สิบเปอร์เซ็นต์ กระบี่เล่มนี้ก็แค่เพิ่มกำลังภายในขึ้นมาหนึ่งร้อยแต้มจากการโจมตีมาตรฐานเท่านั้น
จุดแข็งเพียงข้อเดียวคงจะเป็นโบนัสกำลังภายในที่ส่งผลต่อพลังต่อสู้ค่อนข้างครอบคลุม ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโจมตีอย่างเดียว
ส่วนค่าสเตตัส ‘เลเวลเคล็ดกระบี่ +1’ ก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องพูดถึง ถ้าเพิ่มเลเวลทักษะที่สอดคล้องกันหนึ่งเลเวล ก็เรียกได้ว่าเป็นค่าเสตตัสที่ได้มาตรฐานสำหรับอาวุธล้ำค่าแล้ว
มีเพียงความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เป็นจุดที่เด่นที่สุดของกระบี่เล่มนี้
เนื่องจากมีค่าสเตตัสรายการนี้อยู่ เขาจึงตัดสินใจใช้มันคู่กับ ‘สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า’
ตอนต่อสู้เริ่มใช้กระบี่ล้ำค่าที่มีพลังโจมตีค่อนข้างแข็งแกร่งก่อน ยกตัวอย่างเช่นกระบี่ชิงชัย จากนั้นก็ใช้สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่าฆ่าศัตรู แล้วสลับใช้กระบี่รอยมังกรเพื่อรักษาบาดแผล เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
หลังจากเก็บสายตากลับมาจากกระบี่รอยมังกรอย่างพึงพอใจแล้ว เขาก็มองหยกพกที่ชื่อว่า ‘สารีริกธาตุหลิวหลี’ อีก
[สารีริกธาตุหลิวหลี (อาวุธล้ำค่า)] แม้ชื่อจะเรียกว่าสารีริกธาตุ แต่ที่จริงกลับเป็นหยกโบราณที่แฝงไปด้วยพลังอัศจรรย์
หยกพกชิ้นนี้แม้มีเพียงค่าสเตตัสธรรมดาเพียงรายการเดียว แต่ก็ดุดันมากพอแล้ว เพียงพกสิ่งนี้ติดตัว ไม่ว่าจะเจอการโจมตีธาตุใดๆ ก็จะลดดาเมจได้สองร้อยแต้ม
ในช่วงแรกของเกม ผลจากค่าสเตตัสนี้อาจไม่ชัดเจน เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือ BOSS ที่ผู้เล่นเจอ การโจมตีพื้นฐานจะเป็นการโจมตีทางกายภาพเป็นหลัก การโจมตีธาตุพบเห็นได้น้อยมาก ดาเมจธาตุเดียวที่จะเจอคงมีเพียงธาตุ ‘พิษ’
ของดีที่เพิ่มการต้านทานได้ครอบคลุมแบบนี้ ในบางสถานการณ์อาจจะใช้ประโยชน์ได้จริงกว่าอุปกรณ์ที่ต้านพิษได้อย่างเดียวสามร้อยแต้มก็ได้
แต่เมื่อเลเวลของผู้เล่นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะประจำตัวหรือ BOSS ที่เจอก็เปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นทั้งนั้น ประสิทธิภาพของหยกพกชิ้นนี้ก็จะค่อยๆ สะท้อนให้เห็น
ที่จริงแล้ว ปัจจุบันผู้เล่นก็เริ่มเจอทักษะการโจมตีหรือไม่ก็ BOSS ที่มีเอฟเฟ็กต์พิเศษหลายแบบแล้ว
ยกตัวอย่างเช่นดาบเปลวอัคคีของจิวหมัวจื้อ นั่นคือทักษะที่มีดาเมจธาตุไฟ หรือการที่เยี่ยเว่ยหมิงใส่แหวนหยกเย็นไว้ที่มือซ้าย ตอนโจมตีฝ่ามือพิชิตมังกรด้วยมือซ้ายก็จะติดดาเมจธาตุเย็น…
ซึ่งถ้าบวกกับอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้านทานได้ หยกพกชิ้นนี้ก็ย่อมกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น!
จั่วจื่อมู่พกมาแต่ของดีจริงๆ ถึงขั้นเหนือกว่าที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดหวังไว้ตั้งเยอะ
หลังจากให้ซานเย่ว์ยืนยันเส้นตายที่จั่วจื่อมู่รับไหวแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็คืนหลักฐานในชั้นศาลให้เขาอย่างตรงไปตรงมามาก แล้วก็มองดูอีกฝ่ายทำลายมันจนแหลกเป็นชิ้นๆ
หลังจากแลกเปลี่ยนของกันเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่คิดจะพัวพันกับจั่วจื่อมู่ต่อ ให้นางในที่คอยดูแลแขกพาจั่วจื่อมู่ส่งออกนอกพระราชวังทันที พร้อมโยน ‘สารีริกธาตุหลิวหลี’ ให้ซานเย่ว์ที่อยู่ข้างกาย “ของสองสิ่งนี้ พวกเราแบ่งกันคนละอย่าง เจ้าไม่ใช้กระบี่ เช่นนั้นเก็บหยกพกไปแล้วกัน”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่” เยี่ยเว่ยหมิงตัดบทนางเสียเลย “ก็พวกเราไปขู่กรรโชก…แค่กๆ เป็นผลงานที่พวกเราพยายามด้วยกัน ก็ควรจะแบ่งให้เจ้าชิ้นหนึ่งสิ อย่าชักช้า รีบรับไป” ตอนที่พูดแบบนี้ ตัวเขาเองก็เก็บกระบี่รอยมังกรเข้ากระเป๋าแล้วเช่นกัน
ซานเย่ว์ถือหยกพกไว้ในมือ กำลังลังเลว่าจะใส่มันไว้ทันทีเหมือนคนปากไม่ตรงกับใจหรือไม่ แต่จู่ๆ กลับได้ยินเสียงคนตะโกนดังมากว่า “จับมือสังหาร!”
ทั้งสองรีบเปิดประตูเดินออกมานอกห้อง ซานเย่ว์ถือโอกาสใส่หยกพกไว้บนตัว แล้วก้มมองท่าทางของตัวเองตอนที่มีหยกพกระดับอาวุธล้ำค่าห้อยอยู่ตรงเอว
ช่างหอมหวาน!
เอ่อ…ไม่ใช่สิ สวยมากจริงๆ!
งดงาม!
ส่วนเรื่องมือสังหารอะไรนั่น เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ
ทว่าหลายครั้งก็แปลกแบบนี้ ตอนที่เจ้าคิดว่าเรื่องบางเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแน่นอน แต่ความจริงกลับเกี่ยวข้องกันมาก
ตอนที่ทั้งสองเตรียมจะกลายร่างเป็นป้าข้างบ้านเพื่อมาดูเอาสนุก กลับเห็นเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งกระโดดผ่านกำแพงตรงหน้าทั้งสองไป
เจ้าหมอนี่ก็ถ่อมาถึงต้าหลี่เหมือนกันหรือ ทั้งยังกลายเป็นมือสังหารแล้วด้วย?
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์จำได้ว่าผู้ที่มาคือใคร หนิวจื้อชุนก็เห็นพวกเขาแล้วเช่นกัน
ตอนนี้สามคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาเจอกันด้วยสถานะนี้ ลึกๆ ในใจรู้สึกประหลาดมาก
แบบนี้เรียกว่าเจอคนถิ่นเดียวกันหรือเปล่า
หลังจากพบหน้ากันโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งสองฝ่ายก็ต่างคนต่างเงียบไปสองวินาที แล้วหนิวจื้อชุนก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน “สหายเยี่ย เจ้ามาโผล่อยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ความเงียบนี้เขาต้องเป็นคนทำลายมันเอง ไม่ทำไม่ได้!
เพราะเขา…กำลังหนีเอาชีวิตรอด!
พอได้ยินหนิวจื้อชุนถามคำถามนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ลังเลนิดหน่อย ก่อนจะถามกลับ “เรื่องมันยาว เจ้าแน่ใจนะว่ามีเวลามาฟังข้าค่อยๆ เล่า”
“มือสังหารใจกล้า หนีไปไหน!”
จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หนิวจื้อชุนได้ยินเสียงไม่เป็นมิตรข้างหลัง จึงแอบหันไปมองแวบหนึ่งก็เห็นปาเทียนสือ หนึ่งในสามขุนนางใหญ่ของต้าหลี่ไล่ตามมาคนแรก ห่างไปประมาณหนึ่งจั้งมีฝ่ามือลอยฝ่าอากาศเข้ามาโจมตีแผ่นหลังของเขาแล้ว
หนิวจื้อชุนเห็นแล้วตกใจมาก รีบใช้ฝ่ามือโต้ตอบ แต่กลับถูก BOSS ใหญ่เลเวลเก้าสิบตรงหน้าตบด้วยฝ่ามือเดียวจนตกลงจากกำแพงไปหงายหลังอยู่บนพื้น
จากนั้นชาวประมง ช่างไม้ ชาวนาและนักปราชญ์ สี่ราชองครักษ์ของต้าหลี่ก็ฉวยโอกาสกรูเข้ามาตอนที่หนิวจื้อชุนล้มอยู่บนพื้น นักพรตเต๋าโชคร้ายยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา แขนขาทั้งสี่ก็ถูกจับไว้แน่นแล้ว กู่ตู่เฉิงองครักษ์ที่เป็นตัวแทนของ ‘อาชีพช่างไม้’ นำเอ็นวัวเส้นหนึ่งออกมาจากหน้าอก แล้วจัดท่าให้นักพรตมารคนนี้หุบไหล่ไพล่หลังและมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ตอนนี้มีอีกสองคนกระโดดเข้ามาในลานบ้านแล้ว เป็นต้วนเจิ้งฉุนกับเตาไป๋เฟิ่ง
เมื่อเห็นหนิวจื้อชุนถูกควบคุมโดยสิ้นเชิงแล้ว ต้วนเจิ้งฉุนก็ตัดสินประหารโดยไม่ลังเลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ลากตัวมือสังหารคนนี้ไปประหาร!”
พอได้ยินว่าตัวเองจะไม่ได้รางวัลภารกิจที่มาส่งจดหมาย ทั้งยังจะถูกตัดหัวจนค่าสเตตัสร่วงอีก หนิวจื้อชุนก็ร้อนใจทันที
แต่คนที่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างเขาก็รู้เช่นกันว่าตอนนี้การถามตอบไม่มีประโยชน์ จึงส่งสายตาของความช่วยเหลือไปทางเยี่ยเว่ยหมิงที่ยังทำสีหน้างุนงงเพราะไม่รู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่
“สหายเยี่ย! เจ้าเป็นแขกมีฐานะสูงส่ง ข้าเป็นนักโทษต่ำต้อย วันนี้เจ้าต้องช่วยสหายสักครั้งนะ!”