ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 470 กิจกรรมใหญ่ 'ดรรชนีกระบี่หกชีพจร'!
ตอนที่ 470 กิจกรรมใหญ่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’!
ตามเจตนาเดิมของเยี่ยเว่ยหมิง ย่อมต้องการใช้เวลาตอนฌาปนกิจศพเสวียนเปยเพื่ออ่านศึกษาตำราลับตระหนักรู้ เพิ่มความสามารถของตัวเองอยู่แล้ว
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าตอนเพิ่งเปิด ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ของต้วนเจิ้งฉุน ยังอ่านได้ไม่เท่าไรก็ถูกขัดจังหวะจากหนิวจื้อชุนที่กำลังเบื่อหน่ายเหมือนกันเสียแล้ว
“สหายเยี่ย แม้ข้าจะกลายเป็นผู้รับผลประโยชน์คนสุดท้ายของเรื่องนี้ แต่พวกเราก็ร่วมมือกันรังแกผู้หญิงน่าสงสารอย่างเตาไป๋เฟิ่ง มันไร้คุณธรรมเกินไปหรือเปล่า”
“นางน่าสงสารตรงไหนกัน” อารมณ์ในการอ่านถูกขัดจังหวะแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงจึงเก็บตำราเสียเลย พร้อมเล่าภูมิหลังของต้วนอี้และสันดานไข่ทิ้งทั่วเมืองของต้วนเจิ้งฉุนให้หนิวจื้อชุนฟัง
จากนั้นก็พูดเสริมว่า “ดังนั้น ผัวเมียคู่นี้ถือว่าเป็นคู่ขวัญสวรรค์สร้างจริงๆ ‘ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน ไม่เดินเข้าประตูบ้านเดียวกัน[1]’ คำกล่าวนี้ก็หมายถึงพวกเขานี่แหละ ถ้าไม่พูดถึงขั้นตอนการจีบสาว พูดแค่เรื่องนอกใจนอกกาย ข้าถึงขั้นสงสัยด้วยว่าเตาไป๋เฟิ่งได้เปรียบกว่าด้วย”
หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วงง “หมายความว่าอย่างไร”
“เจ้าดูสิ ในเรื่องนี้ ต้วนอวี้เจอน้องสาวหลายคนต่อเนื่องกัน ยังไม่ต้องพูดถึงละครน้ำเน่าประเภท ‘รักชอบกันแล้วสุดท้ายกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน’ ข้ารู้สึกว่าประเด็นก็ยังอยู่ที่คำว่า ‘น้องสาว’ นี่แหละ”
พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มให้หนิวจื้อชุน แล้วถามว่า “ทำไมคนที่ต้วนอวี้เจอถึงมีแต่น้องสาว แต่ไม่มีพี่สาวสักคนล่ะ”
ซี้ด!
พอได้ยินคำถามนี้ หนิวจื้อชุนก็สูดหายใจลึกอย่างตกตะลึงทันที เขาสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้มีรายละเอียดบางอย่างที่น่ากลัวสุดๆ
แต่พอคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ เขาก็ยังบอกว่า “บางทีคำเรียกว่าน้องสาว ต้วนอวี้อาจจะเรียกเพื่อให้ตัวเองจีบสาวได้สะดวกกระมัง ในจำนวนนั้นอาจจะมีพี่สาวของเขา แต่เขาดันเรียกอีกฝ่ายว่าน้องสาวเองหรือเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้” เยี่ยเว่ยหมิงพูดอย่างมั่นใจมาก “เพราะตอนที่ยืนยันตัวตนว่าเป็นบุตรสาวนอกสมรสของต้วนเจิ้งฉุน ล้วนอาศัยชะตาแปดอักษรของพวกนางมาเป็นหลักฐาน”
หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง “หรือพูดได้อีกอย่างว่า หลังจากต้วนเจิ้งฉุนกับเตาไป๋เฟิ่งแต่งงานกัน ตอนแรกต้วนเจิ้งฉุนแค่เริ่มจีบหญิงไปทั่ว ไม่ได้ถึงขั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง หรือไม่ก็ยังไม่พัฒนาถึงขั้นนั้น แต่เตาไป๋เฟิ่งกลับโกรธมากแล้ว…
…นางมองออกแล้วว่าต้วนเจิ้งฉุนต้องนอกใจแน่ๆ นางก็เลยชิงนอกใจต้วนเจิ้งฉุนก่อน นำไปก่อนหนึ่งก้าว…
…จากนั้นต้วนเจิ้งฉุนก็เป็นอย่างที่นางคาดไว้ ผลิตน้องสาวต่างมารดาให้ต้วนอวี้ตั้งหลายคน…”
หลังจากเรียบเรียงความคิด ในที่สุดหนิวจื้อชุนก็ใช้เพียงสี่คำเพื่ออธิบายความรู้สึกในใจของตน “ชนชั้นสูงมั่วจริงๆ!”
พูดไปตั้งมากมายขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับพบว่าเจ้าหมอนี่หาเรื่องคุยไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว กับเรื่องนี้ถ้าซานเย่ว์เห็นใจเตาไป๋เฟิ่ง อิงตามความรู้สึกและเหตุผลก็ยังพออภัยได้ แต่ชายเถื่อนอกสามศอกอย่างหนิวจื้อชุน ทำไมดูแล้วเหมือนไม่ใช่คนที่อารมณ์อ่อนไหวเท่าไรนัก
เห็นอีกฝ่ายยังวนเวียนกับเรื่องนี้ ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็อดเป็นฝ่ายถามก่อนไม่ได้ว่า “จะว่าไปแล้ว เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกันแน่ พูดให้ตรงประเด็นหน่อยได้ไหมสหายหนิว”
“ก็ได้!” ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงมองออกแล้ว หนิวจื้อชุนก็ทำได้เพียงพูดความจริง “ข้าก็แค่กำลังสงสัย วันนี้เจ้าช่วยข้ามากมายขนาดนั้น เจ้าไม่คิดจะหาผลประโยชน์อะไรจากข้าสักนิดเลยหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงโบกมืออย่างใจกว้างมาก “เราเป็นเพื่อนกัน เจ้าพูดแบบนี้ห่างเหินเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
อาศัยแค่เจ้าหมอนี่แต่งกายเหมือนหลวงจีนทั้งตัว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีของดีอะไรที่ทำให้เขาใจเต้นได้แล้ว
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงมีคุณธรรมน้ำมิตรขนาดนี้ หนิวจื้อชุนก็ยิ่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองแอบคิดก่อนหน้านี้ จึงถามหยั่งเชิงว่า “เช่นนั้นตอนนี้สิ่งที่สหายเยี่ยต้องการที่สุดคืออะไร”
“วิชากำลังภายใน อย่างน้อยก็ต้องเป็นวิชากำลังภายในระดับกลางขึ้นไป”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “เจ้าเองก็รู้ว่าสำนักมือปราบเทพของเราไม่มีวิทยายุทธ์ประจำสำนัก ทักษะยุทธ์ทั้งหมดล้วนได้มาผ่านช่องทางอื่น แม้ที่ผ่านมาข้าจะอาศัยความสามารถและวิธีการส่วนตัวจนได้ตำราลับทักษะยุทธ์มาไม่น้อยก็ตาม แต่ในจำนวนนั้นกลับเน้นกระบวนท่า วิชากำลังภายในยังขาดแคลนอย่างหนัก”
หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วตาแทบถนนออกมา “เจ้าเนี่ยนะ? วิชากำลังภายในคือจุดอ่อน”
แต่เขาเคยเห็นมากับตาว่าการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงดุดันขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดฝ่ามือหรือเคล็ดกระบี่ ลองสุ่มโจมตีสักกระบวนท่า ก็ล้วนเป็นพลังโจมตีหลายพันถึงหมื่นแต้มแล้ว
นี่คือการแสดงออกของคนที่มีวิชากำลังภายในไม่เพียงพออย่างนั้นหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหลอย่างจนใจ “นั่นมันเมื่อก่อน เมื่อก่อนข้าฝึก ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ระดับกลางกับ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ระดับสูงควบกัน เมื่อสลับกันเพิ่มเลเวล ในบรรดาผู้เล่นเลเวลเดียวกัน ก็ย่อมไม่แสดงให้เห็นว่าวิชากำลังภายในไม่สมบูรณ์ ถึงขั้นแสดงออกว่าแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้วย แต่ตอนนี้…”
“ตอนนี้เป็นอะไรไป”
“เลเวลเต็มแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างจนใจ “วิชากำลังภายในทั้งสองเลเวลเต็มแล้ว ด้วยค่าตบะวิชากำลังภายในของข้า ตอนนี้เข้าสู้ช่วงหยุดพักแล้ว ถ้าข้าหาวิชากำลังภายในที่เหมาะสมเล่มต่อไปฝึกไม่ได้ เกรงว่าอีกไม่นาน ก็จะถูกผู้เล่นคนอื่นไล่ตามทันแน่ ถึงขั้นแซงหน้าด้วย”
หนิวจื้อชุนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็วางใจได้แล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิง “???”
หนิวจื้อชุนมองออกว่าเขาสายตาไม่เป็นมิตร จึงรีบบอกว่า “สหายเยี่ยอย่าเข้าใจผิดนะ ข้าไม่ได้หัวเราะเยาะเจ้า ที่ข้าบอกว่าวางใจแล้ว ข้าหมายถึงในที่สุดข้าก็ได้ตอบแทนน้ำใจเจ้าแล้ว แต่ถ้าเป็นตำราลับเล่มนี้ สหายเยี่ยต้องจ่ายเงินเพิ่มนิดหน่อย…”
ขณะที่พูด หนิวจื้อชุนก็ส่งลิงก์ไอเทมเข้ามาในช่องทีมเสียเลย
[อรูปฌาน (ระดับสูง) วิชากำลังภายในที่ถ่ายทอดจากสกุลต้วนต้าหลี่ เป็นวิชายอดเยี่ยมที่ณาณและยุทธ์รวมเป็นหนึ่ง เงื่อนไขการฝึก: สติปัญญา 80 ค่าตระหนักรู้ 60 เลเวลพุทธธรรม 3!]
เด็กดีของข้า นี่มันของดี!
เมื่อเห็นวิชากำลังภายในระดับสูงมาวางอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ชูสามนิ้วให้อีกฝ่ายทันที “สามพันเหรียญทอง”
“สองพันเหรียญทอง” หนิวจื้อชุนส่ายหน้า “ที่เหลืออีกหนึ่งพันเหรียญทอง ถือว่าแทนคำขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้หนึ่งครั้งก็แล้วกัน มีเจ้าช่วยไว้ ก่อนหน้านี้ข้าถึงรอดตายไปหนึ่งครั้ง ไม่เพียงแค่หลีกเลี่ยงการเสียค่าทักษะยุทธ์ประสบการณ์ได้ ทั้งยังได้รับรางวัลไม่น้อยอีกด้วย ถ้านับดูแล้ว ถือว่าข้าได้กำไร”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน ส่งเงินไปสองพันเหรียญทองเสียเลย แม้วิชานี้ยังต้องใช้เลเวลพุทธธรรม แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่
อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้เสวียนเปยก็ดรอป ‘ตระหนักรู้พุทธธรรม’ แล้วไม่ใช่หรอกหรือ
……
หลังจากเผาศพเสวียนเปยเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้ ‘เถ้ากระดูก’ และ ‘สารีริกธาตุ’ ของเสวียนเปยอีก ยังไม่ต้องพูดถึงเถ้ากระดูก พูดถึงค่าสเตตัสของสารีริกธาตุดีกว่า
[สารีริกธาตุ สารีริกธาตุที่ไต้ซือเสวียนเปยแห่งเส้าหลินทิ้งไว้หลังจากมรณภาพ หลังจากใช้แล้วกำลังภายในสูงสุด +2000 แต้ม!]
เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่ได้ใช้สารีริกธาตุ แต่เตรียมจะส่งมันกลับวัดเส้าหลินพร้อมกับ ‘เถ้ากระดูกของเสวียนเปย’
เพราะในสายตาของเขา สารีริกธาตุก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเถ้ากระดูกเสวียนเปยเหมือนกัน ถ้าคืนให้เส้าหลิน น่าจะมีรางวัลภารกิจเพิ่มเติม
ยิ่งไปกว่านั้น แม้กำลังภายในสูงสุดจะเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ขาดแคลนสองพันแต้มนี้!
ซึ่งหนิวจื้อชุนก็ไม่ได้ถามว่าจะนำสารีริกธาตุไปใช้ทำอะไร ก็เหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็น ‘อรูปฌาน’ แล้วไม่ได้ถามเขาว่าได้ไปเท่าไรจากศพของต้วนเจิ้งฉุน
สหายอยู่ด้วยกัน บางครั้งก็ต้องรักษาระยะห่างในระดับหนึ่ง ถึงจะอยู่ด้วยกันนานขึ้น
เมื่อเก็บของทั้งสองเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวอำลาหนิวจื้อชุนที่เตรียมจะไปท่องโลกทำภารกิจต่อ เตรียมจะไปรับภารกิจที่วัดเส้าหลินทันที แต่กลับคาดไม่ถึง ตอนที่เขาเพิ่งจะออกจากประตูวัดเซินเจี้ย ก็ได้ยินเสียงประกาศระบบดังก้อง
[ประกาศระบบ: พระธรรมจักรใหญ่แห่งภูเขาต้าเสวี่ยซาน ราชครูแห่งถู่ปัว จิวหมัวจื้อชิงตำรากระบี่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของวัดเทียนหลงสำเร็จ เพื่อสกัดทหารที่ไล่ตาม จิวหมัวจื้อจึงอยู่สู้กับพระวัดเทียนหลงด้วยตัวเอง แต่กลับส่งตำรากระบี่ให้ลูกศิษย์หกคนเอาไปด้วย
ตอนนี้พระทิเบตทั้งหกกำลังแบ่งกันนำตำรากระบี่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ หนีกันไปคนละทาง จุดประสงค์คือหนีออกจากต้าหลี่ กลับมารวมตัวกับจิวหมัวจื้อที่ถู่ปัว
ไต้ซือคูหรงแห่งวัดเทียนหลงประกาศต่อใต้หล้าว่าจะให้รางวัลผู้ที่จับตัวพระทิเบตหกคนที่บนตัวมีตำราลับ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ชิงตำรากระบี่กลับมา!
ผู้เล่นที่นำตำรากระบี่เล่มใดก็ตามส่งคืนให้วัดเทียนหลง จะได้รับคำขอบคุณจากวัดเทียนหลง!]
[ประกาศระบบ: พระธรรมจักรใหญ่แห่งภูเขาต้าเสวี่ยซาน…]
……
ประกาศระบบดังก้องทั่วฟ้าดินเก้ารอบ ไม่ต่างอะไรกับการประกาศให้ผู้เล่นทุกคนทราบ หลังจากภารกิจ ‘คนผียังไม่สิ้นวาสนา’ ของเทศกาลสารทจีนจบลง ก็มีภารกิจขนาดใหญ่โผล่มาใหม่อีกแล้ว!
ซึ่งชื่อของภารกิจนี้ก็คือ…ดรรชนีกระบี่หกชีพจร!
ขณะเดียวกัน เมื่อมีประกาศระบบนี้ขึ้นมา ก็แสดงว่าช่วงต่อไป จะมีผู้เล่นจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเขตแดนต้าหลี่เพื่อแย่งชิงตำรากระบี่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’!
จะว่าไปแล้ว ในเมื่อมีสุดยอดวิชาอย่าง ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ วางอยู่หน้าตำราลับ ข้าจะไม่เข้าไปมีเอี่ยวสักหน่อยหรือ
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังชั่งใจว่าจะเข้าไปประสมโรงกับทุกคนหรือไม่ก็เห็นแสงสีขาวกะพริบอยู่ตรงชายป่าผืนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกล พอจ้องไปตรงนั้นก็เห็นพระรูปหนึ่งที่แต่งตัวแตกต่างกับหลวงจีนภาคกลางอย่างชัดเจนถูกรีเฟรชขึ้นมาใหม่
เหนือศีรษะของพระต่างชาติรูปนี้มีข้อมูลค่าสเตตัส BOSS ลอยขึ้นมา
[พระทิเบต]
พระจากถู่ปัว หนึ่งในลูกศิษย์ที่จิวหมัวจื้อจำชื่อได้
เลเวล: 60
พลังชีวิต: 160000/160000
กำลังภายใน: 60000/60000
บังเอิญขนาดนี้เชียวหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วฮึกเหิมอยากต่อสู้ จึงใช้ท่าร่าง ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ วิ่งไปยังตำแหน่งที่อีกฝ่ายยืนอยู่ทันที เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ห่างจากอีกฝ่ายภายในห้าจั้งแแล้ว ก็งอนิ้วคำนวณเพื่อล่อพระทิเบตเข้ามา
ขณะที่มองพระทิเบตกำลังยิงฟันโบกกรงเล็บ ทำท่าเหมือนอยากจะตบตนให้ตาย เยี่ยเว่ยหมิงก็ชูมือขึ้น โจมตีด้วย ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ที่ตัวเองเพิ่งเรียนมาแต่ยังไม่ทันได้ลองใช้
กรรร!
-22835
คริติคอลดาเมจที่สูงเกินสองหมื่นทำให้เกราะปราณแท้และการตั้งท่าเตรียมโจมตีของพระทิเบตพังทลาย
เยี่ยเว่ยหมิงก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วใช้ ‘มังกรโรมรันกลางไพร’ อีกเป็นชุดโจมตีหัวใจของอีกฝ่าย!
[1] ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน ไม่เดินเข้าประตูบ้านเดียวกัน不是一家人,不进一家门 หมายถึง ไม่ใช่คนพวกเดียวกัน ไม่ไปสุมหัวอยู่ด้วยกัน