ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 513 ต้องการฆ่าติงตัง
ตอนที่ 513 ต้องการฆ่าติงตัง
ในบรรดาคนที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้จัก คนที่จะเรียกเขาว่า ‘มือปราบหน้าเหม็น’ ก็มีเพียงน้องดาบคนเดียวเท่านั้น
เมื่อเสียงของนางดังมา ทุกคนก็หันหน้าไปมองพร้อมกัน แต่กลับเห็นสาวชุดแดงแสนรู้คนนี้ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังกลุ่มศิษย์สำนักภูเขาหิมะที่มุงดูอยู่ตรงประตูวัดแล้ว
ข้างกายนางยังมีเงาร่างอ่อนช้อยงดงามของอีกสองคน หนึ่งในนั้นลักษณะราวกับกับเทพธิดาที่ไม่ได้กินอาหารในโลกมนุษย์ สะพานสวรรค์น้อยนั่นเอง
ส่วนอีกคนรูปร่างผอมเพรียวน่ารัก ตรงหว่างคิ้วให้ความรู้สึกว่าซุกซนดื้อรั้น เยี่ยเว่ยหมิงจำได้ว่านางคือศิษย์ของสำนักสุสานโบราณ ชื่อว่ามั่วหราน เป็นคู่ต่อสู้รุ่นเฮฟวีเวทที่หาได้ยากในยุทธภพ
การปรากฏตัวของผู้หญิงสามคนนี้ ทำให้กลุ่มศิษย์สำนักภูเขาหิมะเริ่มระมัดระวังตัวทันที
เดิมทีศิษย์สำนักภูเขาหิมะรวมกลุ่มกัน แต่ชั่วพริบตาเดียวก็กระจายตัวออกเป็นรูปใบพัดแล้ว ล้อมผู้หญิงสามคนนี้ไว้กลายๆ
เมื่อเห็นดังนั้น น้องดาบกลับย้ายสายตาไปยังเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ในวัด “เจ้ามือปราบหน้าเหม็น ในมือข้ามีข่าววงในเฉพาะที่เจ้าไม่รู้ เจ้าให้พวกเขาปฏิบัติต่อข้าอย่างนี้หรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงแบมืออย่างจนใจ “ขออธิบายหน่อยนะ ข้ากับพวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกัน เมื่อครู่ข้าเพิ่งสู้กับพวกเขาไปยกหนึ่ง สาเหตุก็คือทำภารกิจชนกัน”
พอพูดจบ เขาก็ย้ายสายตาตั้งคำถามไปยังไป๋วั่นเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ความหมายที่จะสื่อก็ชัดเจนมากเช่นกัน ข้าคุ้มครองน้องสาวสามคนนี้ ทางที่ดีอย่างให้คนของเจ้าทำซี้ซั้ว ไม่อย่างนั้นคนที่ขาดทุนไม่ใช่พวกเราแน่นอน
ไป๋วั่นเจี้ยนสั่งให้คนหลีกทางให้อย่างรู้สถานการณ์ ส่วนผู้หญิงสามคนนั้นก็เดินเข้ามาในฝูงชนด้วยสีหน้าไร้ความหวาดกลัว เดินเข้ามาอยู่ในวัดร้าง
เยี่ยเว่ยหมิงอมยิ้มพยักหน้าบอกใบ้ทั้งสามก่อน จากนั้นถามน้องดาบว่า “สิ่งที่ข้าเพิ่งวิเคราะห์เมื่อครู่นี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“แน่นอน” หลังจากมาถึงตรงหน้าสี่ยอดฝีมือแล้ว น้องดาบก็ยิ้มอย่างไม่ประหม่าเลยสักนิด “เซี่ยเยียนเค่อแม้ในชื่อจะมคำว่าเยียน แต่เขากลับไม่สูบยาเลย ดังนั้นเส้นยาสูบพวกนี้จึงไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด อีกทั้งในยุทธภพนี้ คนติดยาสูบที่เวลาซ่อนตัวขึ้นมาแล้วจอมยุทธ์ไป๋จับสังเกตไม่ได้ ก็คือจอมยุทธ์ที่หนึ่งวันฆ่าคนได้ไม่เกินสามคนเท่านั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น NPC ยอดฝีมือทั้งสามก็ขมวดคิ้วพร้อมกัน ไป๋วั่นเจี้ยนเป็นคนแรกที่เอ่ยชื่อนั้น “ติงปู้ซาน”
ชื่อของติงปู้ซาน แม้จะทำให้ยอดฝีมือรู้สึกว่ารับมือยาก แต่กลับไม่ทำให้เครียดเหมือนตอนได้ยินชื่อเซี่ยเยียนเค่อก่อนหน้านี้
อย่างไรเสีย แม้ติงปู้ซานจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าลงมือสู้กันขึ้นมาจริงๆ ฝีมือก็แตกต่างจากพวกเขาสามคนไม่เท่าไร
หากสู้กันตัวต่อตัว ผลแพ้ชนะยากคาดเดา
สำหรับยอดฝีมือที่ ‘ไม่เป็นรองข้า’ พวกเขาย่อมต้องเห็นความสำคัญอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกันกลับไม่ได้ทำให้คนสิ้นหวังเหมือนอย่างเซี่ยเยียนเค่อที่พวกเขาสู้ไม่ไหว
ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงเดาผิดแล้วจริงๆ คนที่ฉวยโอกาสพาตัวอาจ่งไปตอนที่พวกเขาไม่สนใจไม่ใช่เซี่ยเยียนเค่อ แต่ยังดีที่เขามีทักษะเฉพาะในการตรวจสอบที่เกิดเหตุคอยช่วย ตั้งแต่การหาเบาะแสจนถึงการวิเคราะห์อนุมานล้วนไม่มีปัญหาใดๆ
เนื่องจากคุณสมบัติความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่สืบคดี ก่อนจะหาหลักฐานที่น่าเชื่อถือเจอ เขาถึงขั้นไม่ได้ยืนยันว่าว่าผู้ร้ายต้องเป็นเซี่ยเยียนเค่อเสมอไป แต่บรรยายด้วคำว่า ‘มีความน่าสงสัยมากที่สุด’ ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการตบหน้ามากเกินไป
หลังจากได้ยินชื่อของติงปู้ซานแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนครู่หนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่เคยได้ยินชื่อของบุคคลนี้ ถึงได้เอ่ยถามว่า “เจ้ามั่นใจขนาดนี้ อย่าบอกนะว่ายังมีหลักฐานอะไรอย่างอื่นอีก”
“ถ้าพูดถึงการหาหลักฐาน แน่นอนว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แล้วหลักฐานของข้าก็มีแค่อย่างเดียวด้วย” น้องดาบยิ้มอย่างมั่นใจที่สุด “ข่าวของข้ามาจากนิยายต้นฉบับเดิม ซึ่งในต้นฉบับเดิม มีเนื้อเรื่องอยู่ช่วงหนึ่งบอกว่าคนที่พาสุนัข…อาจ่งไปก็คือติงปู้ซานกับติงตัง หลานสาวของเขา”
‘ทฤษฎีต้นฉบับเดิม’ แบบนี้ของน้องดาบ สำหรับ NPC แล้วก็เหลวไหลเหมือน ‘นับนิ้วพยากรณ์’ ไม่มีหลักฐานหรือภารกิจย่อยก่อนหน้า ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชื่อ
แต่สำหรับสิ่งที่หูเยี่ยเว่ยหมิงได้ยิน กลับทำให้เขาตาเป็นประกาย “ในมือเจ้ามีข้อมูลต้นฉบับเดิมหรือ”
“แน่นอนสิ แต่ก็ไม่ได้ละเอียดมากนะ ดูท่าแล้วเจ้าคงยังไม่ได้ติดต่ออินปู้คุยสินะ ข้าส่งกลยุทธ์ฉบับง่ายๆ ให้เจ้าก่อนแล้วกัน” ขณะที่พูด น้องดาบก็น้องกลยุทธ์อย่างง่ายๆ ที่นางรู้ให้เยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ต้องบอกเลยว่ากลยุทธ์ที่น้องดาบส่งให้ฉบับนี้เรียบง่ายจริงๆ
โดยพื้นฐานมีเส้นเรื่องหลักเพียงเส้นเดียวเท่านั้น เขียนโดยใช้มุมมองที่วนอยู่รอบๆ ตัวละครเอกของเรื่องอย่างอาจ่งคนเดียว อีกทั้งจุดสำคัญที่เน้นบรรยายก็เหมือนจะเป็นเนื้อเรื่อง ไม่ได้วิเคราะห์ศักยภาพ จุดเด่น จุดด้อยของตัวละครบางส่วนในเรื่องโดยเฉพาะ ถึงขั้นว่าแม้กระทั่งโครงเรื่องก็มีหลายจุดที่คลุมเครือ
ยกตัวอย่างเช่นตอนต้นเรื่อง เดิมทีควรจะเป็นศึกชิงประกาศิตเหล็กนิลเมืองโฮ่วเจียนจี๋ที่เผยจุดเด่นของตัวละครส่วนหนึ่งของเรื่อง แต่เนื้อหาที่บรรยายไว้ในกลยุทธ์ฉบับนี้ก็คือ ‘คนกลุ่มใหญ่แย่งชิงประกาศิตเหล็กนิล สุดท้ายขอทานน้อยที่ถูกเรียกว่าโก่วจ๋าจ่งได้ไป’ อธิบายไว้คร่าวๆ เท่านั้น
เยี่ยเว่ยหมิงใช้เวลาพักหนึ่ง ก็อ่านเรื่องสั้นที่ชื่อว่ากลยุทธ์แต่ความจริงคือนิยายจนจบ จากนั้นก็ถามน้องดาบด้วยความสงสัย “นี่เป็นกลยุทธ์ต้นฉบับเดิมที่พี่ชายเจ้าเรียบเรียงให้หรือ”
น้องดาบพยักหน้า
“เจ้าแน่ใจนะว่าเขาไม่ได้ตบตาเจ้าหรือเล่าให้เจ้าฟังแบบขอไปที” เยี่ยเว่ยหมิงถามต่อ
น้องดาบได้ยินแล้วกลับกลอกตามองเยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าคิดว่าเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้มืออาชีพที่ศึกษาต้นฉบับเดิมโดยเฉพาะจริงหรือ…
…ที่จริงในต้นฉบับเดิมมีหลายเรื่องที่เขาไม่ได้รู้ลึก แต่อาศัยดูละครที่มีคุณภาพหน้าจอแย่มากช่วงวัยเด็กถึงได้พอเข้าใจคร่าวๆ…
…เมื่อเวลานานไป ก็มีหลายจุดที่จำได้ไม่ชัดเจนแล้ว…
…ที่เขารู้เรื่อง ‘แปดเทพอสูรมังกรฟ้า’ ดีขนาดนั้น ก็เป็นเพราะในเรื่องมี ‘ความฉลาดแยบยล’ ที่ทำให้เขาสนใจเป็นพิเศษก็เท่านั้นเอง ส่วนผลงานเรื่องอื่น เขารู้แบบมีขีดจำกัดมาก”
ก็ได้ สำหรับคำอธิบายแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงแสดงออกว่ายอมรับเช่นกัน
ดูท่าแล้ว แฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับก็แบ่งเป็นสามสิบหกระดับเหมือนกัน!
ในเมื่อตัดสินได้แล้วว่าคนที่พาตัวอาจ่งไปคือใคร เช่นนั้นต่อไปขอเพียงตามหาคนคนนี้เจอก็พอแล้ว
แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช่เฟยอวี๋ การหาคนไม่ใช่เรื่องถนัดของเขา ที่สำคัญกว่านั้นก็คือหากอิงตามวิถีของโครงเรื่อง ชุดเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะมีความหมายเป็นพิเศษในระหว่างการเติบโตของอาจ่ง เยี่ยเว่ยหมิงมีความประทับใจแรกพบต่ออาจ่งค่อนข้างดี ไม่คิดจะทำลายโอกาสและวาสนาของเขาเช่นกัน
จึงบอกสถานการณ์ที่ตัวเองรู้ให้ยอดฝีมือ NPC ทั้งสามรู้เสียเลย ตามเบาะแสที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ทำให้พวกเขาเชื่อว่าอาจ่งถูกติงปู้ซานพาตัวไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่เหลือก็ให้พวกเขาไปคิดหาทางกันเอาเองก็พอ
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ออกจากวัดร้างพร้อมสามสาว พอเข้าใกล้นอกเมืองแล้วก็ก่อกองไฟกองหนึ่ง
ต่อสู้กันมานานมาก ตอนนี้รู้สึกหิวแล้วเช่นกัน
ยังดีหน่อย คนที่คิดถึงฝีมือการทำอาหารของเขามาตลอดอย่างน้องดาบนำหมูอ้วนตัวหนึ่งที่เชือดและล้างสะอาดแล้วออกมาทันที นางซื้อไว้ตอนอยู่เมืองเจิ้นเจียงก่อนหน้านี้ รอให้เจอพ่อครัวอย่างเยี่ยเว่ยหมิงแล้วค่อยนำออกมาทำเป็นวัตถุดิบอาหาร
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากรับเนื้อหมูมาแล้วก็หั่นอย่างคล่องแคล่วแล้วเริ่มย่างบนถ่านร้อนๆ
จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดพิราบที่คาบจดหมายตอบกลับของอินปู้คุยก็มาเกาะบนบ่าเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
[เมื่อครู่ข้ากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องบางอย่าง จึงตอบกลับช้า อย่าถือสาเลยนะ…
…นอกจากนี้ กลยุทธ์เรื่อง ‘มังกรทลายฟ้า’ ข้าก็เตรียมไว้นานแล้ว เจ้าไม่ต้องแปลกใจ แล้วก็อย่าซาบซึ้งไปเรื่อย เพราะถ้าเวลาผ่านไปนานข้ากลัวจะลืมอะไรบางอย่างไป จึงเขียนล่วงหน้าเตรียมไว้ใช้ยามจำเป็น ถ้าในภายหลังนึกอะไรได้อีก ข้าก็เขียนเติมได้ทุกเมื่อ…
…ตอนนี้คัดลอกให้เจ้าหนึ่งฉบับ กรุณาตรวจรับอย่างระมัดระวัง]…อินปู้คุย
เมื่อได้รับกลยุทธ์ภารกิจยี่ห้อปู้คุยที่เฝ้ารอมานาน เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งข้อความกลับไปขอบคุณอินปู้คุยทันที จากนั้นถามว่า
[จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ข้ารวบรวม ‘วิชาเก้าเอี๊ยงเอ๋อเหมย’ กับ ‘วิชาเก้าเอี๊ยงอู่ตัง’ ครบแล้ว ถ้าอยากได้ ‘พลังเก้าเอี๊ยง’ ที่แท้จริง ก็ขาดแค่ ‘วิชาเก้าเอี๊ยงเส้าหลิน’ อย่างเดียวแล้วเดียวใช่ไหม]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน…
…วิชาเก้าเอี๊ยงสามเล่มมาจากสามคนที่ต่างกัน อิงจาก ‘คัมภีร์เก้าเอี๊ยง’ ที่เจวี๋ยหย่วนไต้ซือบอกเล่าตามความทรงจำ…
…แต่สรุปแล้ว น่าจะเป็นเอ๋อเหมยได้เล่มที่เป็นความรู้ทั่วไป เส้าหลินได้เรื่องที่เป็นความรู้ลึกซึ้ง อู่ตังได้เล่มที่เป็นแก่นแท้…
…คนทั่วไปต่อให้ได้ ‘วิชาเก้าเอี๊ยง’ สามเล่ม แต่ก็ได้เพียงวิชากำลังภายในระดับสูงเท่านั้น ถ้าอยากจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีหรือที่จะง่ายขนาดนั้น…
…แต่สถานการณ์ของเจ้ากับข้าแตกต่างกัน ข้ามีปรมาจารย์ แต่สำนักของพวกเจ้ามีเพียงหวงโส่วจุนคนเดียว…
…ขอเพียงพวกเราได้ค่าความรู้สึกดีจากพวกอาวุโสในสำนักมากพอ หลังจากได้ตำราลับสามเล่มนั้นมาแล้ว ก็คงจะรับภารกิจที่สอดคล้องกันจากพวกเขาได้ หลังจากทำภารกิจเสร็จแล้วก็ขอให้พวกเขาช่วยรวมสามตำราลับนี้]…อินปู้คุย
หลักการที่อินปู้คุยบอก เยี่ยเว่ยหมิงย่อมเข้าใจดีเช่นกัน
ก็เหมือนนักเรียนระดับกลางและระดับสูงสามคนที่เรียนอยู่ระดับชั้นเดียวกัน ตอนสอบปลายภาคเพียงนำคำตอบที่ถูกต้องของทั้งสามมารวมกัน ก็จะได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มแล้วอย่างนั้นหรือ
เกรงว่าความเป็นไปได้สูงสุดก็คือ คำถามง่ายๆ ทั้งสามทำได้หมด ส่วนคำถามยากๆ พวกเขาก็ตอบผิดแตกต่างกันออกไป
นี่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งสามคนสอบได้หกถึงเจ็ดสิบคะแนนด้วย
ถ้าเปลี่ยนเป็นนักเรียนสามคนที่สอบได้สามสิบสามคะแนน สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่กว่านั้น
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถในการจดจำที่น่ากลัวถึงขั้นจดจำทุกอย่างที่ผ่านหูได้!
โชคดีที่สามคนที่เคยฟัง ‘คัมภีร์เก้าเอี๊ยง’ จากเจวี๋ยหย่วนตอนนั้นล้วนไม่ธรรมดา
หลวงจีนอู๋เซ่อแห่งเส้าหลิน พุทธธรรมสูงส่ง วิทยายุทธ์ล้ำลึก กัวเซียงมาจากตระกูลที่มีความรู้กว้างขวาง จางซานเฟิงยิ่งเป็นผู้ที่มีวิทยายุทธ์อัศจรรย์ที่ร้อยปีจะพบสักคนหนึ่ง
พวกเขาถึงได้นำคัมภีร์ส่วนที่ตัวเองจดจำได้มาเรียบเรียงเป็น ‘วิชาเก้าเอี๊ยง’ สามเล่มตามความเข้าใจของแต่ละคน เป็นวิชาที่ให้คนฝึกได้ ซึ่งเนื้อแท้ของตำราสามเล่มนี้แม้จะเป็นส่วนที่เป็นแก่นสารของ ‘พลังเก้าเอี๊ยง’ ทั้งหมด แต่ในจำนวนนั้นก็ปะปนกับความเข้าใจส่วนตัวของทั้งสามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าอยากจะกลั่นกรองส่วนที่เป็น ‘คัมภีร์เก้าเอี๊ยง’ เดิมออกมา ก็ต้องใช้ตำราลับสุดยอดวิชาที่ใกล้เคียง ‘พลังเก้าเอี๊ยง’ เล่มเดิม หากไม่ใช่บรรพจารย์แห่งยุคก็ไม่มีทางได้มันมาเลย!
ในจำนวนนั้นก็ยิ่งชี้ให้เห็นว่า ต้าเปยเหล่าเหรินที่ถูกสามหัวหน้ากองของพรรคสุขนิรันดร์ล้อมโจมตี ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนโหดที่เคยสู้เสมอกับเซี่ยเยียนเค่อมาแล้ว!
แน่นอนว่าถึงอย่างไรก็แค่เคยเท่านั้น ตอนนี้เขายังสู้กับเซี่ยเยียนเค่อได้อย่างสูสี ก็คงไม่ถึงขั้นถูกสามหัวหน้ากองของพรรคสุขนิรันดร์ล้อมโจมตีจนตาย
ขณะที่กำลังดูไฟที่ใช้ย่างเนื้อ เยี่ยเว่ยหมิงก็ชื่นชมกลยุทธ์โดยละเอียดที่อินปู้คุยให้มาไปด้วย หลังจากนั้นพักหนึ่ง ตรงหน้าก็เหมือนมีแสงสว่างขึ้นมาฉับพลัน เขาหันมาบอกสะพานสวรรค์น้อยว่า “น้องสะพานสวรรค์น้อย ข้าค้นพบความจริงเรื่องเคราะห์ตายของซื่อเจี้ยนแล้ว!”
“อ้อ?” สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วฮึกเหิมขึ้นมาทันที รีบถามว่า “เคราะห์ตายของนางคืออะไรกันแน่”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ “ลมพัดกระดิ่งดัง เสียงนั้นต้องดังติงติงตังตังแน่นอน”
“เป็นติงตัง?” เมื่อได้ยินคำตอบของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบก็โต้กลับด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ “เจ้ามือปราบหน้าเหม็น เจ้าคงไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม ตามกลยุทธ์ที่พี่ชายข้าให้มา ติงตังคนนั้นแม้จะดื้อด้านไปหน่อย อีกทั้งความผิดที่ใหญ่หลวงที่สุดของนางเอกของนิยายแนวผู้ชายก็คือไม่ชอบพระเอก ชอบแค่พระรอง แต่นางก็ยังนับว่าค่อนข้างจิตใจงามนะ จะทำร้ายซื่อเจี้ยนได้อย่างไร”
“ก็เพราะกลยุทธ์ที่พี่ชายเจ้าให้มามันผิดอย่างไรล่ะ!”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าน้อยๆ “เมื่อครู่ข้าถามกลยุทธ์ที่ค่อนข้างละเอียดจากปู้คุยแล้ว ในนั้นบันทึกสาเหตุการตายของซื่อเจี้ยนไว้ นั่นก็คือเพราะอยากห้ามไม่ให้ติงตังทำร้ายอาจ่ง จึงถูกติงตังใช้ฝ่ามือโจมตีจนตาย”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดเช่นนี้ น้องดาบก็ไม่โวยวายแล้ว ถึงอย่างไรพี่ชายของนางก็ยอมรับเองว่ารู้เกี่ยวกับต้นฉบับเดิมไม่เยอะ ย่อมไม่มีความมั่นใจที่จะเถียงกับแฟนพันธุ์แท้อย่างอินปู้คุยอยู่แล้ว
ซึ่งตอนนี้เอง มั่วหรานที่อยู่ข้างๆ อดถามไม่ได้ว่า “ตอนนี้ในเมื่อเจอกุญแจสำคัญของภารกิจแล้ว เช่นนั้นควรจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เนื้อเรื่องที่ป้องกันความตาย ยื่นมือช่วยยามหน้าสิ่วหน้าขวานหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย “วิธีการที่เจ้าบอก สำหรับข้าแล้วถือว่าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ในเมื่อเจอต้นตอของปัญหาแล้ว พวกเราก็ควรพิจารณาว่าจะแก้ไขปัญหาที่ต้นตออย่างไร”
สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วอดอึ้งไม่ได้ “พี่ใหญ่เยี่ย ท่านหมายความว่าจะ…ฆ่าติงตัง?”
น้องดาบกลับส่ายหน้า “ติงตังตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดภารกิจพอดี เมื่ออยู่ในหมวดนี้ต่อให้ฆ่านางแล้วนางก็คืนชีพได้ทุกเมื่ออยู่ดี”
“ดังนั้นการกำจัดติงตังที่อยู่ในโหมดภารกิจ ก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาที่ต้นตอได้” ขณะที่พูดอยู่นั้น บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มที่ลึกล้ำเกินคาดเดา “ถ้าอยากจะแก้ไขต้นตอของปัญหา ก็ต้องกำจัดภัยแฝงที่อยู่บนต้นตอนี้…”
ตอนที่หนึ่งชายสามหญิงกำลังปรึกษากันว่าจะทำภารกิจให้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างไร เนื้อที่ย่างอยู่บนถ่านไฟก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแล้ว น้ำมันหมูไหลออกจากเนื้อหมูหลายหยด ส่งเสียง ซู่ๆ! ตอนหยดลงบนถ่านไฟ
กลิ่นหอมของเนื้อที่เข้มข้นอบอวลออกมา ทำให้สามสาวเกิดความอยากอาหาร
ในจำนวนนั้นน้องดาบและมั่วหรานย้ายความสนใจจากเรื่องฆ่าติงตังไปยังเนื้อย่างที่อยู่ตรงหน้าแทนแล้ว
เห็นได้ชัดว่าถ้ายังไม่นำเนื้อย่างแสนอร่อยพวกนี้เข้าปาก ก็ไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องที่เป็นการเป็นงานแล้ว
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเนื้อย่างที่มาจากผู้เล่นที่มีฝีมือทำครัวเลเวลเก้า รสชาตินั้นเหนือกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการออก
เมื่อเห็นว่าเนื้อกำลังจะสุก จู่ๆ กลับมีเสียงหัวเราะคึกคักดังมาจากจุดที่ไม่ไกล “เนื้อนี่หอมจัง!”
จากนั้นก็มีเสียงที่เยียบเย็นตอบกลับคำเดียว “หอม!”
ทั้งสองพูดส่งบทรับบทกันเหมือนโต้วเกิ๋น[1]กับเผิ่งเกิ๋น[2]ในการแสดงทอล์คโชว์เซี่ยงเซิง[3]ของจีน ให้ความร่วมมือกันดีมาก
[1] โต้วเกิ๋น 逗哏 นักแสดงที่รับบทเล่นมุขตลกในการแสดงทอล์คโชว์เซี่ยงเซิง
[2] เผิ่งเกิ๋น 捧哏 นักแสดงที่คอยรับมุขตลกของโต้วเกิ๋นในการแสดงทอล์คโชว์เซี่ยงเซิง
[3] ทอล์คโชว์เซี่ยงเซิง 相声 ทอล์คโชว์ตลกของจีนที่ใช้คนแสดงสองคน