ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 539 ความอ่อนแอและความไม่รู้มิใช่อุปสรรคของความอยู่รอด
- Home
- ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ
- ตอนที่ 539 ความอ่อนแอและความไม่รู้มิใช่อุปสรรคของความอยู่รอด
ตอนที่ 539 ความอ่อนแอและความไม่รู้มิใช่อุปสรรคของความอยู่รอด
บนท้องฟ้า โหยวโหยวโยนไม้ซุง หินกลิ้ง หรือไม่ก็ไหยาพิษลงมาอย่างไม่ชักช้าหรือเร่งรีบเกินไป
ด้านล่างก็คือกลุ่มทหารเกรียงไกรผืนใหญ่ การโจมที่ครอบคลุมของโหยวโหยว ต่อให้ไม่ใช้สมอง แต่ก็กระทบกระเทือนกับกระบวนทัพของฝ่ายศัตรูเยอะมากอยู่ดี แต่ถ้าอยากโจมตีให้ดีที่สุด ให้ได้ประสิทธิภาพแข็งแกร่งที่สุด ก็ต้องพิถีพิถันวิธีการและเทคนิค
ส่วนรายละเอียดว่าเล่นอย่างไร โหยวโหยวที่มีพื้นเพเป็นทหารและมีประสบการณ์ด้านการบินโชกโชนไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงชี้แนะเลย เพราะนางเข้าใจชัดเจนกว่าใครว่าตนเองควรทำอย่างไร
ไม้ซุงทุกท่อน หินใหญ่ทุกก้อน ไหพิษทุกใบ บางครั้งก็สร้างแรงกระทบกระเทือนมหาศาลตรงจุดที่มีคนหนาแน่น บางครั้งก็สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อการเคลื่อนกระบวนทัพของฝ่ายศัตรู บางครั้งก็เกิดเป็นความร่วมมือที่สมบูรณ์แบบกับเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างล่าง…
ไม่มีครั้งไหนที่ไม่เหมาะเจาะ ไม่มีครั้งไหนที่ไม่สวยงามน่าอัศจรรย์!
ส่วนบนพื้นดิน หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงใช้ฝ่ามือสยบมังกรโจมตีจนกระบวนทัพฝ่ายศัตรูปั่นป่วนแล้ว เขาก็พุ่งตัวตามกระบี่ออกไป แทรกซึมระหว่างทัพศัตรูที่กำลังเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทาง กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงตวัดปราณกระบี่ที่ร้อนแผดเผาขึ้นมาสายแล้วสายเล่า เก็บเกี่ยวชีวิตของศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
แทบจะทุกครั้งที่แสงดาบแวบผ่าน ก็จะมีศัตรูอย่างน้อยคนหนึ่งที่ร่างเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ
ภายใต้การโจมตีทั้งจากบนพื้นและทางอากาศ ไม่นานทัพคุ้มครองของอ๋าวป้ายก็ถูกตีแตกกระเจิงจนไม่เป็นทัพแล้ว
ตอนที่กำลังเห็นชัยชนะอยู่ตรงหน้า จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน “น่ารังเกียจ! แค่สัตว์เดรัจฉานมีปีกตัวหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะเหิมเกริมขนาดนี้ เป็นความอัปยศของทัพแปดกองธงของพวกเราจริงๆ!”
พอพูดจบก็มีเสียงแหลมเล็กแสบแก้วหูดังขึ้น
เป็นลูกธนูคมที่เร็วและดุดันกว่าเขาพุ่งจากพื้นขึ้นฟ้า ยิงตรงไปหาโหยวโหยวที่อยู่สูงขึ้นไปสามสิบเมตรด้วยพลานุภาพที่น่าเกรงขาม
เมื่อเห็นอานุภาพ ความเร็วและเสียงฝ่าอากาศที่ดุร้ายไม่เหมือนใครของลูกธนูดอกนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินได้ทันทีว่าระยะยิงของมันไม่ใช่สิ่งที่ระยะยิงของพลธนูทั่วไปจะเทียบติดแน่นอน
ระดับความสูงสามสิบเมตร เมื่อเทียบกับพลธนูทั่วไปพวกนั้น บางทีอาจเป็นระยะที่เกินเอื้อม แต่ไม่มีทางสร้างความกลุ้มใจให้ลูกธนูที่ฝ่าอากาศตรงหน้านี้แน่นอน
สมควรตาย! เป็นอ๋าวป้าย!
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สักที ตัวเองคำนวณมาดีแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังคำนวณ BOSS อย่างอ๋าวป้ายตกหล่นไป!
เพราะตอนที่ต่อสู้กับอ๋าวป้ายสองครั้งก่อน เขาไม่เคยเห็นอ๋าวป้ายใช้อาวุธมาก่อน จึงนึกว่าเขาเป็นแค่วิชาหมัดและเท้า?
มารดาเจ้าสิ นี่มันตรรกะอะไรกัน!
ต้องทราบไว้ว่าภูมิหลังของอ๋าวป้ายก็คือทหารกล้าบนสนามรบคนหนึ่ง เป็นผู้กล้าอันดับหนึ่งของแมนจูที่ได้ฉายาว่า ‘ปาถูหลู่’[1]!
ในฐานะแม่ทัพคนหนึ่ง ความชำนาญในการขี่ม้ายิงธนูคือมาตรฐานต่ำสุดที่ควรทำได้
มีหรือที่เขาจะยิงธนูไม่ได้
ภายใต้ความตระหนกตกใจ เยี่ยเว่ยหมิงรีบตะโกนอย่างดุดัน “โหยวโหยวระวัง!”
ทว่าเขาเพิ่งมาเตือนตอนนี้จะทันเสียที่ไหนกัน
ต้องกล่าวว่าอ๋าวป้ายคนนี้สมกับเป็นทหารเก่าที่ผ่านการต่อสู้มายาวนาน ถ้าเขาลงมือทันทีที่โหยวโหยวปรากฏตัวและเริ่มปล่อยระเบิดอย่างบ้าคลั่ง โหยวโหยวที่ยังมีจิตใจระแวดระวังก็จะมีโอกาสสูงที่จะหลบลูกธนูล่าชีพนี้ได้
อย่างไรเสียระยะห่างสามสิบเมตรก็ไม่ได้มีเอาไว้ประดับเฉยๆ เพียงพอที่จะทำให้โหยวโหยวที่ชำนาญทักษะขี่สัตว์พบปัญหาและรีบตอบสนองบางอย่างได้
แต่เขากลับอดกลั้นมาตลอดจนถึงตอนนี้ โหยวโหยวโยนอาวุธลงข้างล่างพักใหญ่ เมื่อเห็นลูกธนูนับไม่ถ้วนที่ยิงไปหานางหมดพลังงานจลน์แล้วร่วงลงอย่างไร้เแรง ในใจก็ตัดสินแล้วว่าด้านล่างไม่มีสิ่งใดที่สร้างภัยคุกคามต่อนางได้
โหยวโหยวในตอนนี้เริ่มพิจารณาแล้วว่าจะทิ้งระเบิดตรงไหนเหมาะสมกว่า มีหรือที่จะมาสนใจภัยคุกคามแฝงนี้
กลับเห็นว่าลูกธนูดอกนั้น ชั่วพริบตาเดียวก็ข้ามระยะห่างสามสิบเมตรระหว่างกันเข้าไปเสียบท้องของเสี่ยวไป๋ที่ไร้การป้องกันแล้ว
วี้ด! อินทรีขาวเสี่ยวไป๋ได้รับบาดเจ็บหนัก ถึงแม้ไม่ได้ถูกปลิดชีพคาที่ แต่ก็คงสถานะการบินบนฟ้าสูงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ร่างหมุนตกลงมาจากฟ้า
“โหยวโหยว!” เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์แล้วรีบเตือนอีกครั้ง จากนั้นโบกมือเรียกเจ้าแดงและอาหวงออกมาพร้อมกัน
เจ้าแดงปรากฏตตัวแล้วบินขึ้นฟ้าไปรับโหยวโหยวที่กำลังตกลงมาทันที
ส่วนอาหวงส่งเสียงหอนหนึ่งที เสียงหอนภายใต้การกระตุ้นของ ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ ดังขึ้นเยอะมาก สะเทือนไปถึงพวกพลธนูรอบๆ ที่ยกคันธนูขึ้นมาเตรียมยิงพร้อมกับอ๋าวป้าย เตรียมจะปลิดชีพโหยวโหยวก่อนตกลงพื้น ตอนนี้พวกเขามึนศีรษะกันหมดแล้ว ไม่มีใครยิงลูกธนูที่อันตรายถึงชีวิตออกมาได้!
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ก็ฟาดฝ่ามือออกมาหนึ่งที ทำให้ทหารสิบกว่าคนที่มาขวางระหว่างเขากับอ๋าวป้ายแตกกระเจิง จากนั้นก็ใช้ท่าร่างโผเข้าไปหาอ๋าวป้ายที่เตรียมจะง้างธนูอีกครั้ง
มือซ้ายวาดวงกลมแล้วผลักออกมาในแนวราบ มังกรผยองได้สำนึก!
“ไม่ประเมินกำลังตนเอง!”
อ๋าวป้ายเป็นใครกันล่ะ
นั่นคือชายที่แม้แต่เหมา…เหมาสือปาก็ยังเอาชนะไม่ได้นะ!
การโจมตีที่มีพลานุภาพกดดันของเยี่ยเว่ยหมิง ในสายตาเขาไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อกลางคืนที่บินเข้ากองไฟ เขาเก็บธนูท่ามกลางเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง จากนั้นผลักฝ่ามือออกมาหนึ่งครั้งเพื่อรับกับการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่ลังเล
เปรี้ยง!
พลังฝ่ามือที่แข็งแกร่งสองสายชนกัน เกิดเป็นเสียงเหมือนฝ่าผ่าดังก้องสะท้านฟ้าทันที ควันลงของพลังฝ่ามือไม่เพียงแค่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงกับอ๋าวป้ายที่เป็นหนังหน้าไฟเสื้อผ้าปลิวสะบัด ทั้งยังพัดให้พวกทหารรอบๆ ที่หมายจะเข้ามาโจมตีโซเซกันเป็นแถบๆ
ภายใต้การโจมตีครั้งนี้ เท้าของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย แต่อ๋าวป้ายกลับทนไม่ไหวต้องถอยหลังครึ่งก้าว จากนั้นทั้งสองก็สบตากันแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันปากก็ส่งเสียงประหลาดใจเบาๆ “เอ๋”
อ๋าวป้ายตกใจที่หนุ่มน้อยตรงหน้ามีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ เมื่อเทียบกับเขาก็มีแต่จะเหนือกว่าหรือเทียบเท่าเท่านั้น!
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ตกใจที่อ๋าวป้ายทนไม้ทนมือขนาดนี้ ตนโจมตีสร้างดาเมจบดขยี้บนตัว BOSS เลเวลเก้าสิบได้ แต่พอโจมตีบนตัวเขา ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เขาถอยหลังเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น!
ด้วยความที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เยี่ยเว่ยหมิงก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที จากนั้นก็ใช้ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ โจมตีซ้ำ ตบไปยังหัวใจของอ๋าวป้ายโดยตรง
การโจมตีครั้งที่สอง ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 20%!
อ๋าวป้ายก็เป็นคนเด็ดเดี่ยวเช่นกัน เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงยังอยากประทะซึ่งหน้าต่อ เขาก็โบกฝ่ามือรับอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
ครั้งนี้เขาสะเทือนถอยหลังต่อเนื่องห้าก้าว!
ท่ามกล่างความงุนงง เยี่ยเว่ยหมิงก้าวตามขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ให้โอกาสเขาพักหายใจ ท่ามกลางเสียงที่ดังสะเทือนจนทหารรอบข้างเจ็บหู เขาโจมตีมาถึงตรงหน้าอ๋าวป้ายอีกครั้ง
เดิมทีอ๋าวป้ายก็ไม่ถนัดเคลื่อนไหวย้ายตำแหน่งไปตามสถานการณ์อยู่แล้ว ท่ามกลางการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิง เขาทำได้เพียงกัดฟันโบกฝ่ามือต้านไว้
เปรี้ยง!
‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ ที่เพิ่มโบนัสประสิทธิภาพยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ในที่สุดอ๋าวป้ายก็ต้านพลังฝ่ามือที่ย้ายภูเขาคว่ำทะเลไม่ไหวอีกต่อไป กระเด็นถอยหลังออกไปทั้งตัว ไปกระแทกบนตัวพลดาบโล่แถวหลัง ล้มลงไม่เป็นท่า
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังสร้างดาเมจบนตัวเขาไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว!
อ๋าวป้ายคนนี้หนังหนาจริงๆ!
มองอ๋าวป้ายที่ป้องกันจนถึงขีดจำกัดสูงสุดแวบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เลิกพัวพันกับเขาต่อทันที แต่หันตัวกวาดกระบี่ใส่พลธนูที่อยู่รอบๆ แทน
ตอนนี้โหยวโหยวขึ้นฟ้าอีกครั้งเพราะเจ้าแดงไปรับ ครั้งนี้บินขึ้นสูงร้อยเมตรเสียเลย ต่อให้ระยะยิงของอ๋าวป้ายจะไกลกว่านี้ แต่ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะคุกคามความปลอดภัยของนางได้
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าการโจมตีของอ๋าวป้ายจะพุ่งขึ้นฟ้าหนึ่งร้อยเมตรได้จริงหรือไม่ ต่อให้เขาทำได้ แต่ระยะห่างหนึ่งร้อยเมตรระหว่างกัน ต่อให้เป็นลูกธนูก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวินาทีถึงจะข้ามไปได้!
เวลาที่นานขนาดนั้น ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็เพียงพอให้หลบในขอบเขตที่กว้างใหญ่ได้แล้ว
ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของโหยวโหยวอีก เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่สนใจอ๋าวป้ายเสียเลย เปลี่ยนมาร่วมมือกับอาหวงสังหารหมู่ทหารทั่วไปพวกนั้น
บนสนามรบ พลธนูไม่ต่างอะไรกับเหล่าทัพที่สร้างภัยคุกคามสูงสุดต่อยอดฝีมือบู๊ลิ้ม แต่ถ้าอยากแสดงจุดแข็งที่พลธนูควรจะมีออกมา กลับต้องกุมความได้เปรียบด้านระยะห่างเอาไว้
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยการคุ้มครองจากโหยวโหยวพุ่งเข้ากระบวนทัพของฝ่ายตรงข้ามตั้งนานแล้ว ด้านความได้เปรียบของระยะห่าง เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเว่ยหมิงเป็นผู้ที่ได้โอกาสก่อนและเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า
พลธนูที่ต่อสู้ระยะประชิด สำหรับชาวยุทธ์แล้วถือว่ามีภัยคุกคามเป็นศูนย์!
ประกอบกับกลุ่มพลธนูที่เดิมทีตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ เมื่อผ่านการชำระล้างจากไม้ซุง หินกลิ้งและไหยาพิษของโหยวโหยว ก็เสียหายไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ร่างกายถูกพิษร้ายเช่นกัน เจ็บป่วยหลากหลายอาการ ทัพแตกกระเจิง
ภายใต้สภานการณ์แบบนี้ มีหรือที่จะต้านการโจมตีหนึ่งครั้งจากเยี่ยเว่ยหมิงไหว
เพียงแต่ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ภายใต้ความพยายามร่วมกันของเยี่ยเว่ยหมิงและอาหวง ในที่สุดพลธนูที่เดิมทีเหลืออยู่ไม่เยอะก็ถูกกำจัดหมดแล้ว
ส่วนพลดาบโล่กับพลหอกที่อยู่รอบๆ ก็ฉวยโอกาสล้อมเข้ามา โจมตีเยี่ยเว่ยหมิงเป็นยกที่สอง!
ในสถานการณ์ที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ กลับเป็นพลดาบโล่กับพลหอกพวกนั้นที่สร้างภัยคุกคามต่อเขามากกว่า
แต่ก็ไม่เป็นไร เนื่องจากตอนนี้เสี่ยวไป๋ สัตว์ขี่ของโหยวโหยวกินยาเม็ดรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพลังชีวิตได้เกือบครึ่งแล้ว โหยวโหยวเปลี่ยนกลับมาขี่สัตว์ของตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าด้านล่างไม่มีพลธนูที่สร้างภัยคุกคามต่อนางได้แล้ว นางก็ลดความสูงการบินลงสิบเมตร พร้อมนำปืนไฟออกมาสาดกระสุนที่เพิ่มโบนัสทักษะลงข้างล่าง โจมตีจนพวกพลหอกกับพลดาบโล่ร้องไห้หาพ่อหาแม่ ช่วยลดแรงกดดันให้เยี่ยเว่ยหมิงได้มากเช่นกัน
เมื่อเห็นโหยวโหยวบินต่ำลง อ๋าวป้ายก็หยิบธนูออกมาอีกครั้งเพราะอยากจะโจมตีระยะไกล แต่เยี่ยเว่ยหมิงที่เคยเสียเปรียบมาครั้งหนึ่งแล้ว มีหรือที่จะปล่อยให้เขาสมหวัง
ชั่วพริบตาที่อ๋าวป้ายเพิ่งจะง้างสายธนู ลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งก็ถูกดีดออกมาจากระหว่างนิ้วของเยี่ยเว่ยหมิงยิงไปบนสันของธนูในมืออ๋าวป้ายโดยตรงแล้ว
หากจะพูดถึงธนูในมืออ๋าวป้าย ก็ถือเป็นอาวุธที่มีค่าสเตตัสระดับทองคำชิ้นหนึ่งเช่นกัน แต่กลับเป็นเพียงธนูที่ทำจากไม้เท่านั้น เมื่อเจอกับ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ที่โจมตีเต็มแรง ก็หักเป็นสองท่อนทันที
อ๋าวป้ายในฐานะที่เป็นทหารกล้าบนสนามรบคนหนึ่ง ย่อมมีคุณสมบัติไม่ท้อถอย เมื่อธนูของตนถูกทำลาย ก็เก็บธนูยาวของพลธนูคนหนึ่งที่ตายไปขึ้นมาจากพื้นทันที แต่ยังไม่ทันรอให้เขาตั้งคันศร เยี่ยเว่ยหมิงก็พุ่งเข้ามาแล้ว เมื่อกวาดกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดง ธนูในมือเขาก็พังอีกครั้ง
ถือโอกาสนี้ ตรงจุดไหนที่คมดาบของเยี่ยเว่ยหมิงไปถึง ก็จะพรากชีวิตของพลหอกไปด้วยหนึ่งคน
บนฟ้ามีโหยวโหยวโจมตีไปพลางหนีไปพลางอย่างไร้ยางอาย บนพื้นมีเยี่ยเว่ยหมิงควบคุมอ๋าวป้ายให้ง้างสายธนูไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีอาหวงที่ส่งเสียงหอนเป็นระยะ หรือไม่ก็กัดทหารตายไปคนสองคน
หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดอีกประมาณหกเจ็ดนาที ทหารเล็กๆ ทุกคนก็ถูกกำจัดจนหมดแล้ว
กระทั่งตอนนี้ ศัตรูก็เหลือเพียงอ๋าวป้ายคนเดียวแล้ว!
ขณะมองอ๋าวป้ายที่สองตาแดงก่ำ ในใจเยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่เวทนาเลยแม้แต่น้อย ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพักแม้แต่นิดเดียว เขาหมุนตัวใช้ท่า ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’ แทงไปที่หัวใจของอ๋าวป้ายจากมุมที่เหนือความคาดหมาย!
ติ๊ง!
-1
เป็นอย่างที่คาดไว้ อ๋าวป้ายยังคงเนื้อหนาหนังหยาบ แม้ตอนนี้สักยภาพของเยี่ยเว่ยหมิงจะเหนือกว่าเมื่อก่อนแล้ว แต่เมื่อเจอกับร่างแท้ของ BOSS เลเวลเก้าสิบห้าก็ยังไม่มีทางทำลายการป้องกันได้อยู่ดี!
ซึ่งตอนนี้เอง การสนับสนุนจากโหยวโหยวก็มาถึงแล้ว กระสุนที่ส่งเสียงคำรามตกลงบนตัวอ๋าวป้าย แต่ก็สร้างดาเมจได้เพียงหนึ่งแต้มเช่นเดียวกัน
แล้วก็ดำเนินต่อไปแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิง โหยวโหยวและอาหวง สองคนกับหนึ่งตัวรวมมือกันโจมตี ดาเมจที่โจมตีได้ยังไม่เร็วเท่าดาเมจที่ฟื้นตัวของอ๋าวป้ายเลย!
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนี้ โหยวโหยวก็ขมวดคิ้วบอกว่า “วิชาเกราะป้องกันของเขาแข็งแกร่งเกินไป ต้องหาจุดอ่อนของเขาให้เจอถึงจะจัดการได้”
“นั่นไม่จำเป็นหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าอย่างมั่นใจมาก กระบี่ล้ำค่าในมือสนใจแต่ทักทายจุดสำคัญบนตัวอ๋าวป้ายเท่านั้น艾琳小說
หน้าอก แผ่นหลังตรงหัวใจ ลำคอ ขมับ หว่างคิ้ว หว่างขา…
MISS? (พลาด)
ก็ได้ ความสามารถในการหดจุดหยางเข้าท้องยังถือว่าใช้ได้
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะสนใจแล้วว่าจุดอ่อนของอ๋าวป้ายอยู่ตรงไหน เขาอาศัยเคล็ดกระบี่อันสูงล้ำของตัวเองทักทายที่จุดสำคัญทางข้างบนข้างล่างรอบตัวของอ๋าวป้ายโดยไม่คิดมาก
ในเมื่อโจมตีฝ่าการป้องกันไม่ได้ เช่นนั้นก็อาศัยเอฟเฟ็กต์โจมตีครั้งเดียวปลิดชีพของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เอาชนะศัตรูก็พอ
ถึงแม้โอกาสเกิดผลโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพจะน้อยมาก แต่เมื่อตัวเลขสูงถึงระดับหนึ่ง ต่อให้เป็นเรื่องบังเอิญที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนได้เช่นกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ผลโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ ของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ หลังจากเพิ่มเลเวลแล้ว โอกาสที่จะได้ผลก็เพิ่มขึ้นถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว
ตัวเลขนี้ไม่ใช่ต่ำๆ แล้ว!
แน่นอน โอกาสสิบห้าเปอร์เซ็นต์ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าทุกการโจมตีเจ็ดครั้งแล้วจะโจมตีถูกหนึ่งครั้งเสมอไป
ภายใต้ความร่วมมือของโหยวโหยวและอาหวง เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีถูกจุดสำคัญบนตัวอ๋าวป้ายต่อเนื่องสิบสี่จุด แต่ทุกครั้งก็สร้างดาเมจได้หนึ่งแต้มอย่างไม่มีข้อยกเว้น!
อ๋าวป้ายเห็นหนึ่งหญิงหนึ่งชายและสุนัขหนึ่งตัวตรงหน้าใช้สารพัดวิธีการแต่ก็ยังทำให้ตนบาดเจ็บไม่ได้ ความยุ่งยากใจเล็กน้อยที่เพิ่งเกิดขึ้นลึกๆ ในใจก่อนหน้านี้สลายไปราวกับเมฆหมอกทันที ซ้ำยังหัวเราะลั่นอย่างไม่เกรงกลัวอะไร “ข้าอ๋าวป้ายฝึกกระดูกร่างกายให้เป็นกระดูกเหล็กหนังทองแดง อาวุธฟันแทงไม่เข้า แม้แต่ขวานก็ทำให้ข้าบาดเจ็บได้ยาก! พวกเจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆ รอให้กองหนุนของข้ามาถึง ข้าจะต้อง…”
ฉึก!
ตอนที่อ๋าวป้ายกำลังพูดจาไร้สาระอย่างเหิมเกริม เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้กระบี่โจมตีไปที่คออีก ในที่สุดครั้งนี้ก็ฝ่าการป้องกันของเขาได้แล้ว ปราณกระบี่ที่ร้อนแผดเผาเจาะคอของเขาในชั่วพริบตาเดียว แล้วก็ทะลุออกหลังคออีกที
สีหน้าเหิมเกริมยังค้างอยู่บนใบหน้าอ๋าวป้าย เพิ่มเติมด้วยสีหน้าเหลือเชื่อขณะที่โอกาสรอดชีวิตทั้งหมดถูกตัดขาด!
เมื่อโจมตีกระบี่เป็นครั้งที่สิบห้า ในที่สุดก็โจมตีจนเกิดผลโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพที่เฝ้าคอยมานาน!
ปลิดชีพ!
ฉึก! มือขวาที่กุมกระบี่หดมาข้างหลังเบาๆ กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงถูกชักออกมาจากคอของศพอ๋าวป้าย ไม่มีเลือดกระเซ็นออกมาแม้แต่น้อย
เพราะชั่วพริบตาที่กระบี่ล้ำค่าแทงเข้าร่างกาย ปราณกระบี่ที่ร้อนจี๋ก็เผาปากแผลของอ๋าวป้ายแล้ว ทำให้แม้แต่เลือดก็ไหลออกมาไม่ได้!
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงอีกครั้ง จากนั้นมองศพของอ๋าวป้ายที่ล้มลงไปข้างหลังช้าๆ พร้อมเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ความอ่อนแอและความไม่รู้มิใช่อุปสรรคของความอยู่รอดหรอก ความลำพองใจต่างหากล่ะ”
[1] ปาถูหลู่ 艾琳小說巴图鲁 ภาษามองโกล แปลว่าผู้กล้า วีรบุรุษ