ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 575 จุดอ่อนของเชิญร่ำสุรา
ตอนที่ 575 จุดอ่อนของเชิญร่ำสุรา
ตอนที่ทุกคนกำลังรู้สึกตื่นเต้นดีใจกับชัยชนะของโหยวโหยว ไม่ว่าจะทำอย่างไรวั่งเหยียนกลับดีใจไม่ออก
หากถามว่าทำไมเขาถึงมีความสุขร่วมกับผู้อื่นไม่ได้?
ก็เพราะหากอิงลำดับการขึ้นสังเวียนที่เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ต่อไปก็จะถึงเวลาขึ้นสังเวียนของเขาแล้ว
เผชิญหน้ากับยอดฝีมือสำนักฉวนเจินที่ฝีมือไม่อ่อนด้อยเช่นกัน แม้วั่งเหยียนจะยอมรับว่าตนไม่ใช่มือใหม่ แต่กลับไม่กล้าพูดว่าตัวเองจะชนะแน่นอน
แม้จะรู้สึกเกรงใจนิดหน่อยที่ทำลายบรรยากาศรื่นเริงของเพื่อนๆ แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง วั่งเหยียนก็ยังเข้าไปใกล้ๆ เยี่ยเว่ยหมิงแล้วถามว่า “สหายเยี่ย สำหรับการต่อสู้ของข้า เจ้ามีความเห็นหรือคำแนะนำอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี” เยี่ยเว่ยหมิงไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด
วั่งเหยียนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนิดหน่อย ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสหายร่วมทีม ตายก็ตายด้วยกัน รอดก็รอดด้วยกันเหมือนตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน จำเป็นต้องแค้นขนาดนั้นเชียวหรือ
หลังจากลังเลนิดหน่อย ก็ยังรวบรวมความกล้าถามต่อว่า “เพราะอะไร”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “การประลองอีกสองสนามต่อจากนี้ เจ้าต้องแพ้อยู่แล้ว ส่วนสหายเชิญร่ำสุราจะต้องชนะ บอกกับไม่บอกก็เหมือนกัน”
วั่งเหยียนได้ยินแล้วโกรธ แต่ยังไม่ทันรอให้เขาเถียงอะไร ฟิ้ว! วั่งเหยียนก็ถูกส่งตัวขึ้นไปบนสังเวียนประลองแล้ว
ที่แท้บรรยากาศคึกคักเกี่ยวกับ ‘มังกรเงยหน้า’ ที่อยู่ในถ่ายทอดสดค่อยๆ ซาลงแล้ว เหวยเสี่ยวเป่าก็เปิดนาฬิกาจับเวลาถอยหลังเพื่อเข้าสู่การประลองสนามถัดไปพอดี หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงพูดประโยคก่อนหน้านี้จบ ก็นับถอยหลังเสร็จพอดี
การประลองเดี่ยวสนามที่หก
วั่งเหยียน VS หนิวจื้อชุน!
ซึ่งความจริงแล้ว วั่งเหยียนต้องการมีชื่อเสียงในการประลองเดี่ยว ในการต่อสู้ของดันเจี้ยนเมื่อวานนี้จึงเก็บงำความสามารถไว้ส่วนหนึ่ง
แต่ใครก็ว่าไม่ได้ว่าเขาไม่มีจิตวิญญาณของการทำงานเป็นทีม
ถึงอย่างไร ความสามารถบางอย่างก็ไม่ได้เหมาะสมกับการลงดันตีมอนสเตอร์เสมอไป
ทว่าในใจเขามีการวางแผนแบบพระเอกเอาไว้ แต่ช่วยไม่ได้ที่เขาไม่มีโชคชะตาของพระเอก
พระเอกในนิยายหลังจากเก็บงำความสามารถไว้ในเวลาที่เหมาะสม ยามเจอกับศัตรูที่เหมาะสมและต้องระเบิดศักยภาพที่แท้จริงออกมา เขาก็จะอาศัยความสามารถที่เก็บซ่อนไว้ก่อนหน้านี้พลิกสถานการณ์ได้อย่างน่าทึ่ง ตบหน้าทุกคนในสนามให้ตกตะลึงได้อย่างงดงาม
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ยามเผชิญหน้ากับหนิวจื้อชุนที่ฝึก ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ จนถึงเลเวลแปด ความสามารถที่วั่งเหยียนเก็บงำไว้ก็กลายเป็นเรื่องน่าขำทันที
สู้กันยังไม่ถึงสิบกระบวนท่า ก็ถูกกระบองไม้ทองคำของอีกฝ่ายตีจนกลายเป็นแสงสีขาวหายไปแล้ว
ส่วนวิชาลับที่ช่วยเพิ่มค่าสเตตัสโดยรวมสิบเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาอันสั้นที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘วิชาฟ้ากำเนิด’…เหอะๆ!
ถึงขั้นว่านอกจากตัวเขาเองแล้ว คนอื่นก็ไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำกว่าเขาได้ใช้วิชาลับนั่นหรือเปล่า เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรกันแน่
จุดจบของเขาก็เหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงทำนายเอาไว้ แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!
การประลองสนามที่เจ็ดก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน จุดจบของเชิญร่ำสุราเป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงบอก อาศัยศักยภาพที่ได้เปรียบกว่าโดยสมบูรณ์เอาชนะคู่ต่อสู้ ส่วนตัวเขาไม่บาดเจ็บเลยสักนิด!
เมื่อเห็นฉากนี้ ปีศาจน้อยยุทธภพก็ขยับเข้ามาใกล้เยี่ยเว่ยหมิงอย่างตื่นเต้น “สุดยอด มองไม่ออกเลยว่าสหายเยี่ยจะเป็นราชันแห่งการทำนาย ไม่น่าเชื่อว่าขนาดเจ้ายังไม่รู้รายละเอียดของคู่ต่อสู้มากพอ ก็ยังทำนายผลแพ้ชนะของทุกสนามได้ เจ้าทำได้อย่างไรกัน”
“ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังด่าข้านะ” เยี่ยเว่ยหมิงหน้าบึ้ง “การประลองของโหยวโหยวข้าก็ทำนายผิดแล้วไม่ใช่หรือ”
“สนามนั้นแม้แต่โหยวโหยวเองยังยอมรับว่าตัวเองแสดงความสามารถเกินระดับ นั่นไม่เหมือนกันหรอก” ปีศาจน้อยยุทธภพกล่าวอย่างตื่นเต้น “จะว่าไปแล้ว เจ้าตัดสินอย่างไรกันแน่ สอนข้าหน่อยสิ”
“ที่จริงก็ง่ายมาก” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “ข้ากับหนิวจื้อชุนฝ่ายสำนักฉวนเจินรู้จักกัน แม้เขาจะแน่วแน่ในจุดยืนมาก ไม่ได้เป็นเปิดเผยข้อมูลภายในให้ข้ารู้ก่อน แต่อาศัยความเข้าใจที่ข้ามีต่อทักษะของเขา ก็พอจะรู้ว่าเขากับสหายเชิญร่ำสุราและสหายฉางฝีมือต่างกันไม่เท่าไร…
…ก่อนการประลองเริ่ม ข้าบังเอิญเจอเขาครั้งหนึ่ง ตอนที่พูดคุยกันเกี่ยวกับการประลองครั้งนี้ หนิวจื้อชุนดูสนใจแค่ตอนที่เอ่ยถึงท่านเซียนไม่นอนดึก ส่วนคนอื่นพูดข้ามไป…艾琳小說
…ดูจากปฏิกิริยาของเขาอย่างเดียว ก็รู้ลำดับความสามารถในกระบวนทัพฝ่ายตรงข้ามแล้ว พอมาเทียบกับกระบวนทัพฝ่ายพวกเรา ถ้าอยากจะตัดสินให้แม่นยำก็ไม่น่ายากกระมัง?”
“ดูท่าแล้ว หากในภายหลังเจ้ากับข้าต้องสู้กัน เวลาจะพูดอะไรก็ต้องระวังมากๆ หน่อย” ปีศาจน้อยยุทธภพงุนงง
“เจ้ายังคิดท้าทายข้าด้วยฐานะคู่ต่อสู้อีกหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงถามกลับ
ปีศาจน้อยยุทธภพรีบโบกมือ “เปล่านะ ไม่ใช่ๆ สหายเยี่ยเข้าใจผิดแล้ว”
ขณะที่พูดไปหัวเราะไป การประลองสนามแรกก็จบลงอย่างสมบูรณ์
ตัวแทนของเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานที่นำโดยเยี่ยเว่ยหมิงชนะไปทั้งหมดสี่ครั้ง เป็นฝ่ายได้เปรียบโดยอาศัยคะแนนนำหนึ่งคะแนน!
แต่พวกเขาเยือกเย็นสุขุมมาก ไม่ได้แสดงอาการลำพองใจหรือร้อนรน
ก็เหมือนกับการประลองรอบแรกที่พวกเขาแพ้ไปเจ็ดคะแนน แต่พวกเขาก็ยังสู้กับ BOSS ลับต่ออย่างไม่ท้อแท้ นี่ก็คือสภาพจิตใจของผู้แข็งแกร่ง
เพราะการประลองครั้งนี้ยังไม่จบลง ตอนหลังยังมีบททดสอบที่โหดร้ายกว่านี้รอพวกเขาอยู่!
อิงตามกติกาการประลอง หลังจากจบการประลองบนสังเวียนรอบแรกแล้ว ก็จะสุ่มจับคู่คนที่ชนะจากสองทีมออกมาสู้กันต่อ จนกระทั่งผู้เล่นจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้หมดถึงจะหยุด
ไม่มีการหยุดพักกลางคันใดๆ หลังจากการประลองสนามแรกจบลง การประลองสนามที่สองก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผู้เล่นที่ขึ้นสังเวียนมีทั้งหมดสามคู่ ได้แก่:
โหยวโหยว VS หนิวจื้อชุน
ฉางซิงอวี่ VS กูรูบทกวี
เชิญร่ำสุรา VS ท่านเซียนไม่นอนดึก
เยี่ยเว่ยหมิงโชคไม่ดี รอเล่นรอบต่อไป…T^T
การประลองสองสนามแรกจากทั้งหมดสามสนามไม่มีอะไรน่าห่วง สองฝ่ายฝีมือต่างกันมาก ฉางซิงอวี่ที่มีเกราะเงินกับทวนเงินได้รับชัยชนะอย่างไม่ต้องสงสัย โหยวโหยวถูกจำกัดจากสภาพพื้นที่ ประกอบกับเคยสู้มาแล้วสนามหนึ่ง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามค้นพบจุดอ่อนของนางมากขึ้น จึงแพ้กระบองของหนิวจื้อชุนอย่างไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย
แต่การประลองของเชิญร่ำสุรานั้น ถือว่าสู้กันอย่างออกรสออกชาติ
ท่ามกลางผู้เล่นในปัจจุบัน สองคนนี้นับเป็นยอดฝีมือเหนือยอดฝีมือ ศักยภาพก็ใกล้เคียงกันด้วย
เชิญร่ำสุราได้เปรียบที่มีท่าร่างแปลกประหลาด มีกระบวนท่าดุดัน แต่ท่า ‘ท่องดงบุปผา’ ของเซียนไม่นอนดึกก็ลึกล้ำอัศจรรย์เช่นกัน ระหว่างทั้งสองถือว่าสู้กันอย่างผลัดกันรุกผลัดกันถอย
แต่เมื่อเวลานานไป เชิญร่ำสุราก็แสดงจุดอ่อนออกมาแล้ว
อย่างไรเสียบทลงโทษของการทรยศสำนักในภารกิจ ‘ปราบชิงเฉิง’ ก็ค่อนข้างหนักหนาสำหรับเขา ผลกระทบด้านลบจากการทรยศสำนัก แม้เขาได้ชดเชยแล้วในระหว่างการเล่นเกมช่วงหลัง แต่เวลาที่เสียไประหว่างนั้นก็ทำให้ค่าสเตตัสพื้นฐานของเขาเกิดจุดอ่อนที่ไม่ชัดเจนนัก
จุดอ่อนแบบนี้ยังไม่แสดงให้เห็นเมื่อโจมตีพวกผู้เล่นมือใหม่ แต่ในศึกตัดสินของยอดฝีมือ มันกลับทำให้เขาบาดเจ็บถึงชีวิต!
ตรงกันข้าม ท่านเซียนไม่นอนดึกคู่ต่อสู้ของเขามีพื้นฐานมาจากวิชาเต๋าอยู่แล้ว ค่าสเตตัสพื้นฐานรายการต่างๆ ทำให้การโจมตีแข็งแรงมาก หลังจากได้รับ ‘ท่องดงบุปผา’ มาแล้วก็ยิ่งเสริมจุดเด่นให้ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น
ในการต่อสู้ที่ดูเผินๆ เหมืองสูสีกัน ค่าพลังชีวิตของเชิญร่ำสุราลดลงเร็วกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของเขาห่วย แต่เป็นเพราะค่าพลังชีวิตของเขาสั้นกว่าอีกฝ่าย!
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ยาวกว่าหนึ่งนิ้วก็แกร่งกว่าหนึ่งนิ้ว’ เชิญร่ำสุราที่บกพร่องในด้านนี้จะต้องเสียเปรียบมากแน่นอน
เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ความแตกต่างแบบนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ตอนที่พลังชีวิตของเชิญร่ำสุราถูกพรากไปจนเหลือหนึ่งในสาม ค่าพลังชีวิตของท่านเซียนไม่นอนดึกกลับยังเหลืออยู่ประมาณสองในสาม
พอดูถึงตรงนี้ ฉางซิงอวี่ก็อดส่ายหน้าถอนหายใจไม่ได้ “ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด เกรงว่าสหายเชิญร่ำสุราคงต้องแพ้สนามนี้”
“ข้าว่าไม่แน่หรอก!” เยี่ยเว่ยหมิงอมยิ้มขณะมองฉางซิงอวี่ที่เผยสีหน้ากังวลปราดหนึ่ง “ข้าเดิมพันหนึ่งเหรียญทอง สนามนี้สหายเชิญร่ำสุราชนะแน่”
ฉางซิงอวี่ยักไหล่ “ข้าเดิมพันกับเจ้า แต่ข้าหวังว่าข้าจะแพ้เดิมพัน”