ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 599 งานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปี
ตอนที่ 599 งานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปี
เมื่ออวิ๋นเหมี่ยน ศิษย์พี่ใหญ่แห่งอู่ตังกล่าวถึงข้อดีและข้อเสียชัดเจน ทุกคนในงานเลี้ยงก็สงบลงแล้ว ในที่สุดก็ไม่อิจฉาโบนัสของเจ้าสำนักที่น้องดาบได้รับอีก
ในในใจของคนส่วนใหญ่กลับเกิดคำถามบางอย่าง
นั่นก็คือ หากข้ากลายเป็นเจ้าสำนักบ้าง แล้วได้รับสวัสดิการพิเศษในการฝึกวิชาของสำนักแบบนั้น สถานการณ์จะเป็นอย่างไรกันนะ
แน่นอน ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในหัวเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไม่มีใครกล้าคิดเป็นจริงเป็นจังมากเกินไป
เพราะทุกคนต่างเข้าใจดีว่าตัวเองเป็นเจ้าสำนักไม่ได้
ทุกคนยังตระหนักรู้ในความสามารถตนเองอยู่บ้าง
ทว่าหลังจากเชิญร่ำสุราครุ่นคิดครู่หนึ่ง กลับซักไซ้น้องดาบต่อ “อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าสำนักแล้ว ข้อดีอย่างเดียวก็คือฝึกวิชาได้เร็วกว่าผู้เล่นทั่วไป ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ”
น้องดาบยักไหล่ “ก็มีอำนาจของ NPC เจ้าสำนักตามขอบเขตที่กำหนด แต่ข้ารู้สึกว่าแบบนั้นไม่มีประโยชน์อะไร อย่างมากอีกหนึ่งเดือน รอให้ข้าฝึก ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’ จนถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ข้าค่อยส่งต่อตำแหน่งเจ้าสำนักให้คนธรรมดาเดินดิน แล้วก็ออกจากสำนักดาบโลหิต”
เชิญร่ำสุราได้ยินแล้วงงไม่หยุด “เจ้าวางแผนจะเป็นเจ้าสำนักนานขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าเพื่อเร่งความเร็วในการฝึกวิชาหนึ่งเดือน”
“ไม่ใช่!” น้องดาบส่ายหน้าอย่างเยือกเย็น “หลังจากผู้เล่นเข้าสำนักมาแล้ว ก็จะถูกผูกมัดอยู่กับสำนัก ถ้าคิดจะออกจากสำนักแล้วออกเลยก็เป็นเรื่องยากมาก…
…ถ้าไม่ทรยศสำนัก ก็ต้องถูกไล่ออกจากสำนัก แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มีบทลงโทษร้ายแรง ทำให้ความสามารถของผู้เล่นเสียหายเยอะมาก จุดนี้สหายเชิญร่ำสุราน่าจะเข้าใจลึกซึ้ง”
เชิญร่ำสุราพยักหน้าอยากเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเข้าใจว่า “หรือพูดได้อีกอย่างว่า เป้าหมายที่แท้จริงของเจ้าคือ หลังจากเรียนทักษะยุทธ์ของสำนักดาบโลหิตเรียบร้อยแล้ว ก็จะใช้วิธีออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสำนักโดยไม่มีอะไรเสียหาย…
…พอเป็นแบบนี้ ก็จะมีข้อได้เปรียบที่ทำให้เจอกับวิทยายุทธ์ระดับสูงของสำนักเล็กๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังใช้ฐานะผู้เล่นมือใหม่หาบ้านเล็กต่อไปได้ ระหว่างนั้นก็จะไม่เกิดผลเสียใดๆ ต่อความสามารถของเจ้าด้วย แถมยังได้เสพสุขกับโบนัสการฝึกวิชาของเจ้าสำนัก?”
น้องดาบได้ยินแล้วหน้าเหวอ จากนั้นถามกลับด้วยน้ำเสียงโมโห “เจ้าพูดมาให้ชัดๆ นะ อะไรคือหาบ้านเล็กต่อไป เจ้าอยากตายหรือไง”
เชิญร่ำสุราได้ยินแล้วรีบยกมือยอมแพ้ “ข้าพูดผิดไปแล้ว ดื่มสุราลงทัณฑ์ ดื่มสุราลงทัณฑ์ ข้าดื่มสุราลงทัณฑ์ตัวเองสามจอก!”
พอทุกคนเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที
ชั่วขณะนั้น ทั้งในและนอกโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง
หลังจากหัวเราะเสร็จ อินปู้คุยกลับเข้ามาอยู่ข้างกายเยี่ยเว่ยหมิง “สหายเยี่ย ตอนนี้ข้าเพิ่งจะค้นพบว่าในบรรดาผู้เล่นจากหลายสำนัก มีแค่สำนักมือปราบเทพของพวกเจ้าที่มีความตระหนักรู้สูงสุด สมกับเป็นคนของทางการ แตกต่างจากคนรากหญ้าอย่างพวกเรา แม้แต่คุณภาพของผู้เล่นก็สูงขนาดนั้น ช่างน่าชื่นชมจริงๆ!”
เยี่ยเว่ยหมิงเลิกคิ้ว “มีอะไรก็ว่ามา เจ้าจะมาชื่นชมพวกเราทำไม”
“ก็ต้องชื่นชมที่พวกเจ้าไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดน่ะสิ” อินปู้คุยกล่าวอย่างจริงจัง “เมื่อครู่ตอนเจ้าสำนักรุ่นที่ห้าของสำนักดาบโลหิตบรรยาถึงโบนัสของเจ้าสำนัก ทุกคนล้วนมีท่าทางอิจฉาริษยา แต่มีอยู่ไม่กี่คนที่พอตกตะลึงแล้วก็แสดงออกได้อย่างใจเย็น จุดนี้ผู้เล่นจากสำนักมือปราบเทพอย่างพวกเจ้าสามคนทำได้เลย”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วจนใจนิดหน่อย ข้าจะบอกได้อย่างไรว่าสำนักมือปราบเทพของข้าไม่มีวิทยายุทธ์ของสำนัก
แต่ยังดีที่จุดประสงค์ของอินปู้คุยไม่ได้มาเพื่อสำรวจความคิดของเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากเกริ่นด้วยการชมแล้ว ก็เผยใบหน้ายิ้มแล้วกล่าวทันทีว่า “สหายเยี่ย ที่ข้ามาหาเจ้าครั้งนี้ ความจริงแล้วยังมีธุระอย่างอื่นด้วย”
เยี่ยเว่ยหมิงมองเขาด้วยสายสื่อว่ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว “เรื่องอะไร”
“ส่งภารกิจ”
“มาหาข้าเพื่อส่งภารกิจ?” เยี่ยเว่ยหมิงงงอีกแล้ว
“ใช่แล้ว ส่งภารกิจ” ขณะที่พูด อินปู้คุยนำจดหมายเชิญฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ยื่นให้เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมบอกว่า “นี่คือจดหมายเชิญมางานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปีของอาจารย์ปู่ อาจารย์ปู่กำชับเป็นพิเศษว่าให้ข้านำมันมาให้สหายเยี่ย วานให้สหายเยี่ยส่งให้ถึงมือหวงโส่วจุน ดังนั้น ข้าเพียงส่งจดหมายเชิญให้ถึงมือสหายเยี่ย ก็นับว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว”
งานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปี?
เยี่ยเว่ยหมิงรับจดหมายเชิญมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด แล้วแจ้งเตือนระบบก็เด้งออกมาทันที
[ติ๊ง! คุณพบภารกิจ ‘ส่งจดหมายเชิญ’]
[ส่งจดหมายเชิญ]
กรุณารีบนำจดหมายเชิญร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปีของจางซานเฟิงแห่งสำนักอู่ตังไปส่งให้ถึงมือหวงโส่วจุน
ระดับภารกิจ: 1 ดาว
รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม ค่าตบะ 1000 แต้ม
บทลงโทษภารกิจ: ไม่มี
……
ภารกิจง่ายๆ อย่างการ ‘ส่งจดหมาย’ ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องแบ่งเป็นสองส่วน ส่งต่อให้ผู้เล่นสองคนจบภารกิจ การกระทำนี้ของจางซานเฟิงแฝงความหมายอื่นไว้แน่ๆ!
เยี่ยเว่ยหมิงหยักหน้า รับจดหมายมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ได้สิ อีกประเดี๋ยวพองานเลี้ยงจบ ข้าจะกลับสำนักมือปราบเทพไปพบหวงโส่วจุนทันที”
อินปู้คุยได้ยินแล้วโล่งอก “เช่นนั้นก็รบกวนสหายเยี่ยด้วย”
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงคีบผักกาดกวางตุ้งเข้าปาก หลังจากเคี้ยวสองทีแล้วกลืนก็ถามเหมือนไม่ได้จริงจังว่า “จางชุ่ยซานกับครอบครัวกลับมาจากเกาะน้ำแข็งอัคคีหรือยัง”
“กลับมาแล้ว!” อินปู้คุยพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “จางชุ่ยซานกับฮูหยินตอนนี้อยู่ที่สำนักอู่ตัง แต่จางอู๋จี้กลับถูกลักพาตัวไประหว่างที่พวกเขากลับมา ทุกอย่างเหมือนที่ข้าบันทึกไว้ในกลยุทธ์ก่อนหน้านี้ไม่มีผิด”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก สนใจแต่กินอาหารต่อไป
……
สำนักมือปราบเทพ ห้องประชุมงานของหวงโส่วจุน
[ติ๊ง! คุณทำภารกิจระดับหนึ่งดาว ‘ส่งจดหมายเชิญ’ สำเร็จ ได้รับรางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม ค่าตบะ 1000 แต้ม]
หวงโส่วจุนมองจดหมายเชิญงานเลี้ยงวันเกิดในมือปราดหนึ่ง แล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงที่นั่งตัวตรงอย่างสง่า ก่อนจะถามด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าจางซานเฟิงส่งจดหมายเชิญให้ข้าทำไม”
“ง่ายมากขอรับ” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างใจเย็นมาก “นักพรตจางแม้จะมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นคนในยุทธภพ กล่าวได้ว่าแตกต่างจากสำนักมือปราบเทพของเราชัดเจน หากไม่จำเป็น ทั้งสองฝ่ายก็จะพยายามไม่ติดต่อกันมากเกินไป เพราะไม่เป็นผลดีกับทั้งสำนักอู่ตังและสำนักมือปราบเทพขอรับ”
หวงโส่วจุนได้ยินแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายต่อ “เหตุผลที่ข้าเพิ่งตอบไปเมื่อครู่นี้ นักพรตจางย่อมไม่มีทางที่จะไม่เข้าใจ แต่ครั้งนี้กลับให้พวกเรามาส่งจดหมายเชิญ เช่นนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…”
พอกล่าวถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็มองหวงโส่วจุนด้วยสายตาหนักแน่นจริงจัง “สำนักอู่ตังพบปัญหาแล้ว เป็นปัญหาใหญ่เกี่ยวกับที่อยู่ของดาบฆ่ามังกรและราชสีห์ขนทองหวังเซี่ยซุน!”
“นักพรตจางหวังว่าครั้งนี้พวกเราจะให้ความช่วยเหลือสักเล็กน้อย…
…เรื่องของสำนักชิงเฉิงก่อนหน้านี้ ข้าเคยขอให้นักพรตจางรับรองให้หลินผิงจือ ดังนั้นเรื่องนี้พวกเราติดค้างอู่ตังอยู่ พวกเราต้องชดใช้คืนขอรับ”
หวงโส่วจุนพยักหน้าอีกครั้งแล้วโยนอีกคำถาม “เช่นนั้นทำไมเขาต้องให้เจ้ามาส่งจดหมายเชิญให้ได้”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “เรื่องนี้หวงโส่วจุนต้องไม่สะดวกออกหน้าเองแน่นอน ส่วนนักพรตจางก็ต้องการให้คนที่ทำงานเก่งมาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องนี้…
…ดังนั้น เขาจึงเลือกข้า”
ตอนนี้หวงโส่วจุนกลับโยนจดหมายเชิญคืนให้เยี่ยเว่ยหมิง “ในเมื่อเจ้ารู้ทุกอย่างแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้ข้าพูดอะไรมาก รับภารกิจไปเถอะ”
[ติ๊ง! พบภารกิจ ‘เรื่องเศร้าสลดในงานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปี’]
[เรื่องเศร้าสลดในงานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปี]
เป็นตัวแทนสำนักมือปราบเทพเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปีของจางซานเฟิง และช่วยอู่ตังแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้
ระดับภารกิจ: 5 ดาว
รางวัลภารกิจ: ตัดสินจากระดับความสำเร็จของภารกิจ
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ค่าความรู้สึกดีของจางซานเฟิงลดลง 50 แต้ม ค่าความรู้สึกดีของ NPC ทั้งสำนักอู่ตังลดลง 30 แต้ม!
……
ภารกิจนี้ดูน่าสนใจเหมือนกันนะ!
แม้ดูจากภายนอก ระดับภารกิจมีเพียงห้าดาว แต่ห้าดาวจะต้องเป็นมาตรฐานต่ำสุดในการทำภารกิจให้สำเร็จแน่นอน
ทำอย่างไรถึงจะถือว่าแก้ไขวิกฤติของสำนักอู่ตัง
ถ้าเป็นตามต้นฉบับเดิม ปล่อยให้จางชุ่ยซานและภรรยาฆ่าตัวตาย ก็นับว่าแก้ไขวิกฤตของสำนักอู่ตังได้แล้ว!
ซึ่งอิงตามพื้นฐานนี้ ระดับความสำเร็จในการทำภารกิจก็จะส่งผลโดยตรงต่อรางวัลในตอนสุดท้าย
เกรงว่านี่คงจะเป็นลักษณะที่แท้จริงของภารกิจนี้สินะ?
ส่วนการประเมินขั้นต่ำให้เป็นภารกิจระดับห้าดาว ก็เพื่อรับประกันว่าอย่างน้อยเรื่องราวจะไม่เลวร้ายเหมือนต้นฉบับเดิม เลวร้ายจนถึงขั้นจางชุ่ยซานและภรรยาฆ่าตัวตายและไม่มีทางแก้ไขวิกฤตให้อู่ตังได้!
ชั่วพริบตาเดียวเขาก็มองแก่นแท้ของภารกิจออกแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเก็บจดหมายเชิญอีกครั้งพร้อมเอ่ยถามว่า “ข้ารับภารกิจนี้ขอรับ เช่นนั้น ของขวัญอวยพรวันเกิดล่ะขอรับ?”
หวงโส่วจุนอมยิ้มพร้อมถามกลับ “ของขวัญอะไร”
เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับอย่างมีเหตุผล “ของขวัญวันเกิดให้นักพรตจางไงขอรับ ท่านคงไม่ให้ข้าไปร่วมงานที่อู่ตังมือเปล่าใช่ไหม”
หวงโส่วจุนยิ้มบางๆ “ประกาศิตกระบี่ดอกท้อที่ข้ามอบให้เจ้าก่อนหน้านี้ก็ไม่เลวใช่ไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม ท่าทีแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
เยี่ยเว่ยหมิงย่อมตัดใจนำประกาศิตกระบี่ดอกท้อมาเป็นของขวัญวันเกิดไม่ได้อยู่แล้ว จึงแสดงจุดยืนทันที “ที่จริงเรื่องของขวัญวันเกิด ข้าน้อยย่อมคิดหาวิธีการเองได้ ลาก่อนขอรับ”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ในภารกิจครั้งนี้ หวงโส่วจุนไม่ได้เตรียมจะช่วยเหลือด้านวัตถุแต่อย่างใด
เพราะคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้แฝงความหมายไว้อีกชั้น นั่นก็คือจางซานเฟิงติดค้างน้ำใจเยี่ยเว่ยหมิงคนเดียว ในระหว่างนั้นเจ้ายังเก็บประกาศิตกระบี่ดอกท้อไว้ในกระเป๋าตัวเองคนเดียว เรื่องงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ เจ้าก็ควรคิดหาทางเอาเองเช่นกัน
หากคิดไม่ออกจริงๆ เจ้าจะนำประกาศิตกระบี่ดอกท้อมาเป็นของขวัญวันเกิดก็ได้!
แต่เยี่ยเว่ยหมิงจะทำใจไหวได้อย่างไร
“เด็กมีอนาคตสอนได้” หวงโส่วจุนพยักหน้าเบาๆ แล้วเสริมว่า “หากเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ดี ข้าอาจจะพิจารณาถ่ายทอด ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ให้เจ้าอีกหนึ่งกระบวนท่าก็ได้”
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าหวงโส่วจุนกำลังบริหารบุคลากรแบบทั้งให้รางวัลและลงโทษ แต่พอได้ยินคำว่า ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอดฮึกเหิมไม่ได้ “ขอบคุณหวงโส่วจุน!”
พอออกจากห้องประชุมของหวงโส่วจุนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งจดหมายหาอินปู้คุยทันที
[ได้กำไรแล้ว อาจารย์ปู่ของเจ้าชอบอะไร…
…อืม…ข้าพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ตอนนี้ข้าต้องเตรียมของขวัญวันเกิดด้วยตัวเอง คิดว่าควรจะมอบอะไรให้เขาดี นักพรตจางถึงจะดีใจที่สุด]…เยี่ยเว่ยหมิง
หลังจากผ่านไปสามวินาที ข้อความของอินปู้คุยก็ถูกส่งกลับมาแล้ว เนื้อหาในนั้นเรียบง่ายมาก ตอบเพียงไม่กี่ตัวอักษร
[กระบี่อิงฟ้า!]…อินปู้คุย
[ขอตัวก่อน!]…เยี่ยเว่ยหมิง
ถ้าข้าเก่งถึงขั้นทำให้กระบี่อิงฟ้ากลับคืนสู่เจ้าของได้ตอนนี้ ข้ายังจะมอบมันให้คนอื่นทำไม
หากเทียบกับกระบี่อิงฟ้า ข้ายอมมอบประกาศิตกระบี่บุปผาโรยให้เป็นของขวัญยังดีกว่า!
แต่ดูท่าแล้ว อินปู้คุยเหมือนจะยังไม่รู้ว่าจางซานเฟิงชอบอะไรกันแน่
สงสัยข้าต้องคิดหาทางเรื่องของขวัญเองแล้ว
เช่นนั้น…
ควรจะมอบอะไรให้ดีล่ะ