ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 605 สถานการณ์ตึงเครียด
ตอนที่ 605 สถานการณ์ตึงเครียด
ตั้งแต่เยี่ยเว่ยหมิงแก้ไขปัญหาแฝงเร้นภายในกลุ่มเจ็ดจอมยุทธ์อู่ตังที่อาจทำให้สถานการณ์ทั้งหมดพังทลายลงได้ทุกเมื่อได้อย่างง่ายดาย จางซานเฟิงก็ยิ่งชื่นชมวิธีการพลิกแพลงสถานการณ์ที่เหมือนพลิกฝ่ามือควบคุมเมฆ หมุนฝ่ามือบังคับฝนของเขา
ตอนนี้ยิ่งเห็นเขาเอ่ยถึงความขัดแย้งด้านนอกด้วยความมั่นอกมั่นใจ ก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ว่า “คาดว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยคงเตรียมการไว้ตั้งนานแล้วเช่นกัน พวกเราคอยฟังความเห็นอันสูงส่งของจอมยุทธ์น้อยเยี่ยก็พอแล้ว”
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่จริงก็ไม่ได้รับมือยาก เพียงแต่ต้องให้นักพรตจางคอยควบคุมสถานการณ์ภาพรวมด้วย” เขาชะงักเล็กน้อยก่อนกล่าวเสริม “นอกจากนี้ ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องคุยเป็นการส่วนตัวกับพี่สะใภ้ห้าด้วย”
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเช่นนี้ ในช่องแชททีมก็มีนิ้วกลางที่แข็งแกร่งและทรงพลังอีกสองนิ้วชูขึ้นมา
เจ้าหมอนี่มีทักษะการป่ายปีนลื่นไหลเกินไปแล้ว
เจ้าเพิ่งนับถือนางเป็นพี่สะใภ้เอง ตอนนี้เรียกนางคล่องปากแล้ว หมายความว่าอย่างไรกัน
รังแกที่พวกเราลำดับอาวุโสน้อยกว่าเจ้าหนึ่งรุ่นอย่างนั้นหรือ
อินซู่ซู่เองก็ซาบซึ้งในบุญคุณของเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน ย่อมไปปฏิเสธคำขอที่สมเหตุสมผลนี้อยู่แล้ว นางพยักหน้าตอบรับทันที “พวกเราอย่ารบกวนการพักผ่อนของทุกคนเลยดีกว่า ในเมื่อจอมยุทธ์น้อยเยี่ยมีเรื่องต้องคุยกับข้าเป็นการส่วนตัว เช่นนั้นเราสองคนไปคุยกันที่อื่นดีไหม”
“ข้าก็คิดเช่นนี้พอดี” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า
เมื่ออินซู่ซู่ออกจากห้องจางซานเฟิงไปแล้ว ทั้งสองก็มาถึงศาลาริมหน้าผาแห่งหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงเป็นฝ่ายเอ่ยก่อนว่า “เพื่อแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ ไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ห้ายินดีจ่ายด้วยอะไรบ้าง”
อินซู่ซู่ยิ้มบางๆ แล้วถามกลับ “จ่ายอะไรหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงเคาะนิ้วบนโต๊ะม้าหินเบาๆ แล้วกล่าวอย่างไม่จริงจัง “ยกตัวอย่างเช่น…โกหกอะไรนิดหน่อย”
“นับเป็นเรื่องใหญ่เสียที่ไหนกัน” อินซู่ซู่หัวเราะตามอำเภอใจมาก “ในที่สุดตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าทำไมจอมยุทธ์น้อยเยี่ยถึงอยากคุยกับข้าเป็นการส่วนตัว แทนที่จะคุยกับพี่ห้า…
…ด้วยนิสัยอย่างพี่ห้า เขาต้องดูถูกคนโกหกแน่นอน แต่สตรีต่ำต้อยอย่างข้ากลับไม่กังวลด้านนั้น…
…อย่างไรเสีย คำพูดของสตรีเดิมทีก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว…
…เพราะผู้หญิงยิ่งสวยเท่าไร ก็ยิ่งโกหกเก่งเท่านั้น”
คำคมที่ตราตรึงใจนี้ เขาเคยได้ยินกับหูตัวเองมาแล้วจากกลยุทธ์ของ ‘บันทึกกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ยี่ห้ออินปู้คุย ในที่สุดบนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่สะใภ้ห้าก็บอกที่อยู่ของราชสีห์ขนทองเซี่ยซุนรวมทั้งดาบฆ่ามังกรให้ข้ารู้เถิด!”
……
ขณะเดียวกันนี้เอง บนลานกว้างนอกวิหารเจินอู่
ตอนนี้ชาวยุทธ์มารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเป็นสำนักเล็กๆ ในยุทธภพเท่านั้น ให้หนึ่งในเจ็ดจอมยุทธ์อู่ตังรับมือคนเดียวก็ยังไหว แต่ตอนหลังมีบุคคลสำคัญจากห้าสำนักใหญ่ของภาคกลางอย่างสำนักเส้าหลิน สำนักคงต้ง สำนักเอ๋อเหมย สำนักหัวซานปรากฏตัว ต่อให้เป็นจางซานเฟิงก็ต้องออกหน้าไปรับแขกด้วยตนเอง
หลังจากคนเหล่านี้เห็นจางซานเฟิงก็ราวกับเจอช่องโหว่ เอ่ยถึงเรื่องราชสีห์ขนทองเซี่ยซุนทันที ทั้งยังขอให้จางชุ่ยซานบอกที่อยู่ของเซี่ยซุนด้วย สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว
สำนักอู่ตังในฐานะที่เป็นที่เคารพของคนในยุทธภพ หลายครั้งยืนมองอยู่บนจุดสูงสุดของยุทธภพได้ บางครั้งเบี้ยตัวเดียวที่ดูเหมือนลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ทำให้ให้ควบคุมสถานการณ์ทั้งยุทธภพได้แล้ว
สำนักอู่ตังใน ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ โดยส่วนใหญ่แล้วยืนอยู่ในฐานะที่สูงระดับนี้
แต่ต่อให้เป็นสำนักแข็งแกร่งอย่างสำนักอู่ตังที่มีจางซานเฟิงอยู่! หลายครั้งสำนักอู่ตังก็ต้องเผชิญกับวิกฤตใหญ่เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่นครั้งนี้!
เนื่องจากครั้งนี้พวกเขาดันไปติดกับของบางสิ่งที่สร้างความยุ่งยากไม่จบไม่สิ้น มันคือดาบฆ่ามังกรที่ชาวยุทธ์ต่างใฝ่ฝันถึงนั้นเอง!
ราชันยุทธภพ ดาบล้ำค่าฆ่ามังกร
บัญชาใต้หล้า มิกล้าขัดขืน
อิงฟ้าไม่ปรากฏ ใครหาญต่อกร
ยี่สิบสี่คำนี้ หากใครได้เห็นหรือได้ยิน ต่างก็รู้ทั้งนั้นว่าเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล
ในยุทธภพที่ผู้อ่อนแอตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ไม่มีใครปัญญาอ่อนถึงขั้นฟังคำสั่งคนอื่นเพียงเพราะคำกลอนที่ท่องปากเปล่าหรอก สิ่งที่ทุกคนสนใจจริงๆ อาจเป็นความลับที่ซ่อนอยู่ในดาบล้ำค่า
หากมองจากมุมนี้ เช่นนั้นการกระทำของพรรคอินทรีฟ้าก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างเลอะเลือนแล้ว
มองแบบผิวเผิน พวกเขาเหมือนเตรียมจะนำดาบฆ่ามังกรมาออกคำสั่งกับใต้หล้าจริงๆ ราวกับว่าเมื่อมีดาบล้ำค่าเล่มนี้อยู่ในมือ ใต้หล้าก็เป็นของข้า
ที่จริงในการเคลื่อนไหวที่เกาะเขาหวังผาน หากจะบอกว่าพรรคอินทรีฟ้าอ้างชื่อดาบฆ่ามังกรเพื่อสร้างชื่อเสียงบารมีให้ตนเอง ไม่สู้บอกว่ากำลังอ้างชื่อดาบฆ่ามังกรเพื่อหลอกล่อสำนักเล็กๆ ให้มารวมตัวกันแล้วค่อยกำจัดให้หมดสิ้นทีเดียวดีกว่า!
ที่จริงแล้วในการเคลื่อนไหวครั้งนั้น พวกเขาไม่ได้เชิญบุคคลมีหน้ามีตาในยุทธภพมาเลยสักคน เพราะกังวลว่าจะอาศัยทักษะยุทธ์ของตนเองควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ 艾琳小說
บุคคลที่เหนือความคาดหมายมีอยู่สองคน คนหนึ่งคือจางชุ่ยซาน ส่วนอีกคนคือเซี่ยซุน
ปรากฏว่าเมื่อทั้งสองปรากฏตัว ก็ทำให้แผนการที่พรรคอินทรีฟ้าวางไว้วุ่นวายไปหมด
เพราะเหตุผลนี้เช่นกัน สำนักอู่ตังถึงได้แสดงท่าทีว่าไม่สนใจดาบฆ่ามังกรแม้แต่น้อย ถึงขั้นว่าอวี๋ไต้เหยียน นักดาบเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาเจ็ดจอมยุทธ์ก็ไม่คิดนำของสิ่งนี้มาเป็นของตัวเองเช่นกัน
เพราะสำนักอู่ตังไม่จำเป็นต้องใช้ดาบฆ่ามังกรเลย หากไปเกี่ยวข้องกับดาบเล่มนี้ย่อมมีผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน
สำนักอู่ตัง มีจางซานเฟิงคนเดียวก็พอแล้ว!
แต่ปัญหาก็คือตอนนี้จางชุ่ยซานสาบานเป็นพี่น้องกับเซี่ยซุนแล้ว เพราะคำว่าคุณธรรมน้ำมิตร จึงไม่อาจเปิดเผยที่อยู่ของเซี่ยซุนต่อภายนอกได้
นี่ไม่ใช่เรื่องของดาบฆ่ามังกรเล่มเดียวแล้ว
แต่สำนักอู่ตังเน้นคุณธรรมน้ำมิตรไว้อันดับหนึ่ง ทว่าคนอื่นกลับไม่คิดเช่นนี้
ตอนนี้เบาะแสเดียวเกี่ยวกับดาบฆ่ามังกรตกอยู่ในมือสำนักอู่ตัง สำหรับสำนักส่วนใหญ่ในยุทธภพ นี่คือเรื่องที่ไม่มีทางรับได้แล้ว
สิ่งที่พวกเขากังวลหลักๆ มีสามข้อ
ข้อหนึ่ง หากสำนักอู่ตังเผยความลับที่อยู่ในดาบฆ่ามังกร ทำให้อำนาจของสำนักอู่ตังยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ถึงขั้นกลายเป็นสำนักใหญ่เพียงสำนักเดียว นี่คือสิ่งที่ทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมไม่อยากเห็น
ข้อสอง แต่ไหนแต่ไรมา กระบี่อิงฟ้าคือสมบัติของเอ๋อเหมย เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่สำนักใหญ่แต่ละแห่งในยุทธภพรับรู้ร่วมกัน ต่อให้กระบี่ตกอยู่ในมือคนนอก แต่ในบรรดาชาวยุทธก็ไม่มีใครแย่งชิงได้อยู่ดี
แต่ดาบฆ่ามังกรยังเป็นสมบัติที่ไม่มีเจ้าของ ตอนนี้ทุกคนล้วนมีอำนาจที่จะครอบครองมัน
แต่ดาบนี้หากตกอยู่ในมือสำนักอู่ตัง มีจางซานเฟิงคอยคุมสำนักอู่ตังอยู่ การจะรักษาดาบฆ่ามังกรเล่มนี้ไว้ก็ไม่ใช่ปัญหาใดๆ เลย
หลังจากจางซานเฟิงอายุครบร้อยปีแล้ว ยังมีเจ็ดจอมยุทธ์อู่ตัง แล้วก็มี…
เกรงว่าเรื่องที่ดาบฆ่ามังกรเป็นสมบัติของสำนักอู่ตัง ก็จะกลายเป็นสิ่งที่คนในยุทธภพรับรู้ร่วมกัน ก็เหมือนกับที่กระบี่อิงฟ้าเป็นของสำนักเอ๋อเหมย
ข้อสาม คือสิ่งที่คนเหล่านี้กังวลที่สุด
หลังจากพรรคอินทรีฟ้าได้ดาบฆ่ามังกรมาแล้ว ก็อ้างดาบนี้เพื่อฮุบสำนักเล็กๆ อย่างสำนักหมัดเทวะ พรรคทะเลทรายและพรรคปลาวาฬ หากสำนักอู่ตังเอาเยี่ยงอย่างขึ้นมา จะมีสักกี่สำนักเชียวที่เอาชนะจางซานเฟิงและเจ็ดจอมยุทธ์อู่ตังได้
ไม่ต้องบอกว่าสำนักอู่ตังไม่มีทางทำอย่างนั้น
เพราะถ้าพูดออกไปก็ต้องมีคนเชื่อด้วยถึงจะได้ผล!
อย่างไรเสีย ชาวยุทธ์ที่ดาบเปื้อนเลือดเหล่านี้ไม่มีทางนำความเจริญและความเสื่อมถอยของสำนักตัวเองไปขึ้นอยู่กับนิสัยคนอื่นอยู่แล้ว
ต่อให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งอย่างจางซานเฟิงก็ไม่ได้อยู่ดี!
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ การที่สำนักใหญ่ในยุทธภพมารวมตัวกัน เหตุการณ์ก็คล้ายกับตอนที่หกสำนักใหญ่บุกล้อมโจมตีดอยเจิดจรัสในอนาคตแล้ว
ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาว่าจะสู้ชนะหรือไม่ชนะแล้ว
เพราะหากจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี สำนักอู่ตังก็อาจจะกลายเป็นศัตรูของยุทธภพเพราะเรื่องนี้!
เมื่อเห็นว่ากลิ่นอายสงครามยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ กลับได้ยินเสียงสตรีดังขึ้นจากด้านหลังของวิหารเจินอู่ ภายใต้การเสริมพลังจากกำลังภายใน ทำให้เสียงดังก้องทั่วทั้งลานกว้าง
“หากทุกท่านจะบีบคั้นเอาคำตอบจากพี่ห้าของข้าว่าราชสีห์ขนทองอยู่ที่ไหน ไม่สู้บอกว่ามาเพื่อดาบฆ่ามังกรดีกว่า”
ทุกคนมองไปตามเสียง กลับเห็นอินซู่ซู่เดินเคียงคู่กับเยี่ยเว่ยหมิงออกมาจากด้านหลังของวิหารเจินอู่แล้ว นางเยื้องย่างพลางเอ่ยว่า “แต่น่าเสียดายมาก ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ข้างราชสีห์ขนทองเซี่ยซุน หรือดาบฆ่ามังกร ข้าบอกคนอีกคนไว้แล้ว ทั้งยังรับปากคนผู้นั้นไว้แล้วด้วย ว่าจะไม่บอกใครอีก…
…คนเราต้องรักษาคำพูด ถูกไหม”
ระหว่างที่พูด ทั้งสองเดินก้าวยาวมาถึงตรงกลางของลานกว้าง มายืนอยู่ด้านข้างกลุ่มคนของสำนักอู่ตัง
เมื่อได้ยินคำพูดของอินซู่ซู่ เมี่ยเจวี๋ยซือไท่ที่เจ้าอารมณ์ที่สุดในบรรดาหกสำนักใหญ่กลับก้าวขึ้นมาถามทันที “เจ้าบอกที่อยู่ของเซี่ยซุนกับใครไป”