ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 614 ผู้หญิงสวยเชื่อไม่ได้
ตอนที่ 614 ผู้หญิงสวยเชื่อไม่ได้
เนื่องจากขั้นตอนการต่อสู้โดยละเอียดโหดร้ายเกินไป จึงไม่บรรยายรายละเอียด
กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ความเป็นธรรมจากสวรรค์โดยเยี่ยเว่ยหมิงมาถึงภายในก้าวเดียว หลังจากอาคันตุกะไม้เท้ากวางนั่งบนพื้นแล้ว ก็สูญเสียความสามารถในการขัดขืนโดยสิ้นเชิง
จากนั้นพวกเพื่อนร่วมทีมก็กรูกันเข้ามา ล้อมโจมตีสองภูตเร้นลับจนตาย
จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เข้าใจว่าทำไมภารกิจนี้จึงชื่อว่า ‘เรื่องเศร้าสลดในงานเลี้ยงวันเกิดอายุร้อยปี’
งานเลี้ยงวันเกิดร้อยปีหมายถึงจางซานเฟิง
แต่เรื่องเศร้าสลดหมายถึงอาคันตุกะไม้เท้ากวาง
สมบูรณ์แบบ!
[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหาร อาคันตุกะไม้เท้ากวาง BOSS เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าสำเร็จ ได้รับรางวัล: ค่าประสบการณ์ 3500000 แต้ม ค่าตบะ 800000แต้ม!]
[ติ๊ง! ภายใต้โหมดการแบ่งไอเทมตามผลงาน ไอเทมดรอปของ BOSS ถูกแบ่งเข้ากระเป๋าสมาชิกทีมโดยอัตโนมัติแล้ว กรุณาตรวจสอบด้วยตนเอง]
[ประกาศระบบ: …]
……
วันนี้สังหารอาคันตุกะไม้เท้ากวางตายได้ นับเป็นผลงานร่วมกันของเพื่อนในทีมจริงๆ ครั้งนี้ไม่ได้โอ้อวดจนน่าอาย เพราะในระหว่างการต่อสู้ แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว
ดังนั้น การแบ่งของรางวัลก็จะต้องแบ่งตามค่าเฉลี่ยภาพรวมเช่นกัน เยี่ยเว่ยหมิงเองก็ไม่ได้หวังอะไรมากเกินไป
แต่ใครจะไปรู้ พอเขาตรวจดูไอเทม ในดวงตาก็ฉายแววตื่นเต้นอัศจรรย์ใจ
[ถุงมือพิษเกาหลี (อาวุธล้ำค่า)] ว่ากันว่าเป็นถุงมือที่องค์หญิงท่านหนึ่งของเกาหลีทำให้ตัวเองในยุคจ้านกว๋อ ละเอียดอ่อนนุ่ม มีผลเพิ่มค่าสเตตัสที่ไม่ธรรมดา
โจมตีธาตุเย็น +50 × (เลเวลเคล็ดวิชาธาตุเย็น) โจมตีธาตุพิษ +50× (เลเวลเคล็ดวิชาธาตุพิษ + เลเวลวิชาพิษ)!
สรุปก็คือถุงมือที่มีค่าสเตตัสยอดเยี่ยมคู่นี้ หากตกอยู่ในมือผู้ที่เหมาะสม ก็จะแสดงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งออกมาได้แน่นอน
อย่าไปมองว่ามันเป็นอาวุธชิ้นหนึ่งที่ไม่มีโบนัสพลังโจมตีพื้นฐาน เพราะแค่ค่าสเตตัสธาตุพิษกับธาตุเย็นก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น หากมีผู้เล่นคนหนึ่งฝึก ‘ฝ่ามือภูตเร้นลับ’ แล้วฝึกจนถึงเลเวลสิบ เช่นนั้นหลังจากสวมถุงมือคู่นี้ โบนัสโจมตีธาตุเย็นที่จะได้รับก็คือ 500 แต้ม หากฝึกควบคู่กับวิชากำลังภายในที่มีธาตุเย็น และฝึกจนถึงเลเวลสิบเหมือนกัน เช่นนั้นการโจมตีธาตุเย็นที่มากับถุงมือคู่นี้ก็จะเป็น 1000 แต้ม!
ผลลัพธ์ของการโจมตีธาตุพิษ ประกอบด้วยวิชากำลังภายในธาตุพิษ กระบวนท่าและวิชาพิษซึ่งเป็นค่าสเตตัสสามรายการที่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น ดังนั้นขีดจำกัดสูงสุดของโบนัสธาตุพิษก็คือ 1500 แต้ม!
เมื่อรวมค่าสเตตัสสองรายการนี้ ก็จะเป็นพลังโจมตีธาตุพื้นฐาน 2500 แต้ม!
ดูเหมือนยอดเยี่ยมใช่ไหม
แต่ถ้าอยากจะใช้โบนัสค่าสเตตัสให้เต็มที่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
อย่างไรเสีย ไม่ว่าจะเป็นวิชากำลังภายในหรือกระบวนท่าที่โจมตีติดธาตุก็หายากทั้งนั้น อีกทั้งความเข้ากันได้ก็ไม่สูง ผู้เล่นทั่วไปจะมีสักธาตุก็ว่ายากแล้ว นับประสาอะไรกับคนที่มีทั้งธาตุพิษและธาตุเย็น
ของสิ่งนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่นำมาใช้งานเองแน่นอน อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่พบว่ามีผู้เล่นคนไหนที่เข้ากับอุปกรณ์ชิ้นนี้เลย แม้แต่ในบรรดา NPC คนที่คุณสมบัติเหมาะสมที่จะใช้งานมันก็มีน้อยมาก
สรุปก็คืออุปกรณ์ชิ้นนี้ว่ากันตามทฤษฎีแล้วมีขีดจำกัดสูงมาก แต่เมื่อนำมาใช้งานจริงไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่เห็น
เหมาะจะเก็บไว้ก่อน
เก็บสายตากลับมาจากถุงมือคู่นั้น เยี่ยเว่ยหมิงเรียกโลงไม้หนานมู่ลวดทองที่เพิ่งได้รับสินค้าเมื่อไม่นานมานี้ออกมา จากนั้นโยนร่างของอาคันตุกะไม้เท้ากวางเข้าไปแล้วปิดฝาโลง
[ติ๊ง! ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ ×1!]
[ติ๊ง! ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดมวย’ ×1!]
เก็บโลงไม้หนานมู่ที่บรรจุศพเสร็จแล้วเข้ากระเป๋า วางแผนว่าจะหาสถานที่ลับตาคนแล้วค่อยโปรดวิญญาณอีกที
เมื่อหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ อีก กลับพบว่าบนใบหน้าของทุกคนเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
แต่ทุกคนก็เลือกที่จะเห็นคุณค่าในของที่ตัวเองได้รับ ไม่ได้บอกให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองได้รับอะไร ย่อมไม่มีใครถามเช่นกันว่าคนอื่นได้อะไร
อย่างไรเสียตอนนี้ทุกคนก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเพื่อนกัน รับประกันได้ยากว่าในภายหลังจะไม่เกิดความขัดแย้งกัน รักษาความลับต่อกันไว้บ้างถือเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน เป็นเรื่องดีสำหรับเยี่ยเว่ยหมิงด้วย
เพราะหากเทียบกับคนอื่น เขายังต้องได้รับค่าประสบการณ์ ค่าวีรบุรุษและค่าบุญกุศลอีกจำนวนหนึ่ง…
หลังจากจัดระเบียบไอเทมทั้งหมดที่ได้รับแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกลับพบว่าพวกยอดฝีมือจากห้าสำนักใหญ่ยังคงจ้องเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่วันนี้ไม่ได้ข้อมูลเรื่องเซี่ยซุนกับดาบฆ่ามังกร
เพียงแต่ติดที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้แล้ว จึงไม่สะดวกจะพูดอะไรอีก
ทว่าในเมื่อมีความคับข้องใจเช่นนี้อยู่ เดิมทีก็เป็นอันตรายแฝงเร้นอยู่แล้ว
สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่สำหรับจางชุ่ยซานกับภรรยา โดบเฉพาะจางอู๋จี้ที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ การรู้ที่อยู่ของเซี่ยซุนและดาบฆ่ามังกรนั้นทำให้เขามีความผิดติดตัวได้ง่ายมาก
ดังนั้นเรื่องในวันนี้มองเผินๆ เหมือนจบแล้ว แต่ความจริงถือว่ายังไม่จบ
หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ บนพื้นฐานของภารกิจปัจจุบัน ยังมีช่องว่างให้ทำงานอยู่ ทำให้มันดีกว่านี้ได้!
เยี่ยเว่ยหมิงเข้าใจจุดนี้อย่างชัดเจน จึงไม่คิดจะจบการแสดงของตัวเองเพียงเท่านี้
เขากวาดมองใบหน้าบรรดายอดฝีมือของห้าสำนักใหญ่ทีละคน แล้วจู่ๆ ก็เผยรอยยิ้มครุ่นคิด เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเองว่า “ก่อนหน้านี้จางฮูหยินบอกที่อยู่ของเซี่ยซุนกับดาบฆ่ามังกรให้ข้ารู้แล้ว ทั้งยังให้สัญญาแล้วว่าข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้กับคนอื่น”
ขณะที่พูด เขาก็มองจางชุ่ยซานปราดหนึ่ง “จอมยุทธ์ห้าจางกับจางฮูหยินเป็นสามีภรรยากัน เชื่อว่าคำสัญญาของจางฮูหยินก็ได้รับความเห็นชอบจากเขาแล้วเช่นกัน ข้าพูดถูกใช่ไหม จอมยุทธ์จาง”
จางชุ่ยซานแม้จะไม่รู้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงมีลับลมคมในอะไร แต่ก็ยังให้ความร่วมมือมาก “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยกล่าวไม่ผิดสักนิด”
ตอนนี้เอง จางอู๋จี้ที่อยู่ในอ้อมกอดอินซู่ซู่พลันถามเสียงต่ำว่า “ท่านแม่ ทำไมถึงบอกข่าวของท่านพ่อบุญธรรมให้คนอื่นรู้ไม่ได้ล่ะ”
“อู๋จี้อย่าเสียงดัง” อินซู่ซู่ลูบศีรษะจางอู๋จี้ พร้อมกดเสียงอธิบาย “ที่จริงแม่ไม่ได้บอกข่าวของพ่อบุญธรรมให้คนอื่นรู้ แม้แต่ท่านอาเยี่ย แม่ก็บอกข่าวเท็จไป”
“อู๋จี้ เจ้าเห็นไหมว่าแม่โกหกเก่งแค่ไหน” ขณะที่กอดจางอู๋จี้แน่น อินซู่ซู่ก็พร่ำสอนว่า “หากเจ้าเติบโตแล้ว ต้องจำไว้เรื่องหนึ่งนะ อย่าเชื่อคำพูดของผู้หญิงเด็ดขาด เพราะผู้หญิงยิ่งสวยก็ยิ่งโกหกเก่ง”
อินซู่ซู่กระซิบข้างหูจางอู๋จี้ นอกจากจางอู๋จี้ก็ไม่มีใครได้ยินแล้ว เพราะทุกคนล้วนกำลังสนใจเยี่ยเว่ยหมิง
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิง กระทั่งตอนนี้ถึงได้เอ่ยถึงจางอู๋จี้ “ส่วนจอมยุทธ์ห้าจาง เชื่อมั่นในท่าทีของเขาเถอะ ทุกคนก็เห็นแล้ว ดังนั้น หากพวกท่านอยากรู้ที่อยู่ของเซี่ยซุน หนทางเดียวที่เป็นไปได้ก็คือมาหาข้า หากข้าไม่เป็นฝ่ายบอกข้อมูลนี้เอง แต่มีคนวางแผนจะใช้วิธีการอื่นบีบข้า เช่นนั้นก็แสดงว่ามีเจตนาก่อกบฏ…”
“ดังนั้น…” รอยยิ้มบนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ “พวกท่านเดาสิ ว่าข้าจะเป็นฝ่ายบอกข้อมูลนี้เองหรือเปล่า”
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงยิ้มอย่างกำเริบเสิบสาน กลุ่มยอดฝีมือบู๊ลิ้มที่อยู่ตรงนั้นก็อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าเขาให้ตายจริงๆ
กลัวก็แต่ความแข็งแกร่งของจางซานเฟิงกับความโหดร้ายของเยี่ยเว่ยหมิง จึงไม่มีใครกล้าบุ่มบ่าม
แต่ประโยคต่อมาของเยี่ยเว่ยหมิง กลับทำให้ทุกคนตรงนั้นผิดคาด “ข้าจะบอก!”