ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 617 คำสั่งรับคนอักษร 'ผี'
ตอนที่ 617 คำสั่งรับคนอักษร ‘ผี’
เมื่อตัวกระดาษขาวสามแผ่นที่เขียนตัวอักษร ‘ผี’ ตกลงในมือผู้เล่นทั้งหมดของสำนักมือปราบเทพ ข้างหูลูกศิษย์ทั้งหมดก็มีเสียงแจ้งเตือนระบบดังพร้อมกัน
[ติ๊ง! คุณพบภารกิจสำนัก ‘ศิษย์เอก’]
[ศิษย์เอก]
ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากหวงโส่วจุนให้สำเร็จ จะได้รับรางวัลจากสำนัก หากระดับความสำเร็จในการทำภารกิจของคุณสูงสุดในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมด คุณจะได้รับฐานะ ‘ศิษย์เอก’
เนื้อหาภารกิจ: นำคำสั่งรับคนตัวอักษร ‘ผี’ ที่อยู่ในมือคุณไปรับลูกศิษย์คนที่สี่ของสำนักมือปราบเทพ ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นกำลังสำคัญคนสุดท้ายของสำนักมือปราบเทพ
รางวัลภารกิจ: ตัดสินตามระดับความสำเร็จของภารกิจ รางวัลสูงสุดคือฐานะศิษย์เอก
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ไม่มี
ระยะเวลาภารกิจ: 1 เดือน
หมายเหตุ: ศิษย์เอกมีสิทธิ์ได้รับภารกิจสุดยอดวิชาของสำนัก และได้รับป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์
……
ภายใต้เสียงแจ้งเตือนของระบบ หวงโส่วจุนมองดูปฏิกิริยาของทั้งสามด้วยท่าทางเยือกเย็น จากนั้นกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเจ้ารู้ข้อมูลของภารกิจโดยละเอียดแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้ามีคำถามเกี่ยวกับภารกิจครั้งนี้หรือไม่”
ศิษย์ทั้งสามได้ยินแล้วไม่มีใครตอบอะไร ต่างคนต่างครุ่นคิด
หลังจากนั้นพักหนึ่ง เฟยอวี๋ก็เอ่ยถามคนแรก “ไม่ทราบว่าทักษะตัวอักษรผีของสำนักมือปราบเทพมีลักษณะประมาณไหน ถึงอย่างไรหากท่านต้องการให้พวกเรารับคนเก่งเข้ามาสำนักมือปราบเทพ พวกเราก็ต้องบรรยายภาพอนาคตอันงดงามให้อีกฝ่ายรู้ไม่ใช่หรอกหรือขอรับ”
หวงโส่วจุนได้ยินแล้วยิ้มบางๆ ถามกลับว่า “เจ้าถามคำถามนี้ได้ดีมาก เช่นนั้นลองคิดอีกแง่หนึ่ง พวกเจ้าสามคนยินดีจะแบ่งปันข้อมูลทักษะของตนเองให้สหายรู้หรือไม่”
เฟยอวี๋ได้ยินแล้วชะงัก จากนั้นยักไหล่ “ข้าไม่เป็นไรอยู่แล้ว ถึงอย่างไรคนอื่นก็เดาออกไปแล้วแปดเก้าส่วน”
ซานเย่ว์ก็ไม่ถือสาเช่นกัน “ทักษะของข้าไม่เคยเป็นความลับอะไรอยู่แล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงเงียบไปสองวินาที จากนั้นกล่าวอย่างมีเหตุผลรองรับ “ข้าว่าระหว่างสหายในสำนักควรรักษากฎการอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองอย่างเช่นการเคารพ ช่วยเหลือและรักใคร่สามัคคีต่อกันเอาไว้ การรักษาเรื่องส่วนตัวของตนเองและผู้อื่นคือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ก็แสดงออกอย่างเยือกเย็น ถึงขั้นพยักหน้าเห็นด้วยกับความถูกต้องทางการเมืองของเยี่ยเว่ยหมิง
ในช่องแชททีม…
เฟยอวี๋ [ขากถุย!]
[อาหมิงวาทศิลป์ดีจริงๆ เจ้าเจ๋งที่สุดจริงๆ ด้วย!] ซานเย่ว์กล่าว
เมื่อได้เห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ทึ่งในใจไม่หยุด อยู่ใกล้หมึกย่อมติดสีดำจริงๆ ด้วย แม้แต่เด็กดีอย่างซานเย่ว์ เมื่ออยู่ข้างกายตนนานๆ ก็เรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีไปแล้ว รู้จักเหน็บแนมคนทางอ้อมแล้ว
หวงโส่วจุนเห็นทั้งสามเริ่มคุยกันเองอย่างแนบเนียน ก็อดขมวดคิ้วถามไม่ได้ “กล่าวเช่นนี้ แสดงว่าพวกเจ้าไม่มีคำถามเกี่ยวกับภารกิจอีกแล้วใช่หรือไม่…
…แต่ข้ายังมีเรื่องจะบอกอีก” หวงโส่วจุนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “หลังจากพวกเจ้าเจอตัวเลือกที่เหมาะสมและยืนยันแล้วว่าอีกฝ่ายเต็มใจเข้าสำนักมือปราบเทพ ก็มอบคำสั่งรับคนตัวอักษร ‘ผี’ ในมือพวกเจ้าให้อีกฝ่ายได้ ให้อีกฝ่ายนำคำสั่งรับคนมารับบททดสอบจากข้าที่นี่ หากพวกเขาผ่านแบบทดสอบ ก็นับว่าภารกิจของพวกเจ้าเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์…
…หรือพูดได้อีกอย่างว่า ภารกิจนี้ พวกเจ้าสามคนอาจไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติเลยก็ได้!”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงง “หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วเรื่องป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์จะจัดการอย่างไรขอรับ”
“ก็โยนทิ้งไป” หวงโส่วจุนตอบตามอำเภอใจมาก
ก็ได้ ภัยคุกคามของเกาะจอมยุทธ์ สำหรับหลายๆ สำนักอาจเป็นเหมือนดาบแห่งแดโมคลีสที่ห้อยอยู่บนศีรษะ แต่สำหรับ BOSS เลเวลสองร้อยอย่างหวงซาง จางซานเฟิง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ถึงอย่างไรขีดจำกัดของการฝึกครั้งนี้ก็อยู่เลเวลสองร้อยเท่านั้น
ต้าหมัวเลเวลสองร้อย หวงซางก็เลเวลสองร้อยเช่นกัน ดาบแห่งแดโมคลีสนั่นไม่รู้ว่าเลเวลเท่าไร แต่ก็ไม่มีทางเกินกว่านี้ได้
ดังนั้นหวงซางจึงไม่กลัวดาบแห่งแดโมคลีสเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกาะจอมยุทธ์แล้ว
ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์จะมอบให้ลูกศิษย์ไปฝึกก็ได้ หรือจะโยนทิ้งถังขยะก็ได้เช่นกัน อย่างไรเสียขอเพียงคนของเกาะจอมยุทธ์ไม่ได้โง่ ก็ไม่กล้ามามีเรื่องกับ BOSS ใหญ่เลเวลสองร้อยแน่นอน
หลังจากแอบกดไลก์ให้ความแข็งแกร่งของลูกพี่ตัวเองเงียบๆ แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยว่า “หรือพูดได้อีกอย่างว่า หากพวกเราอยากทำภารกิจให้สำเร็จ ก็จะหาคนมาเติมให้ครบจำนวนแบบส่งเดชไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายต้องผ่านการทดสอบเท่านั้น พวกเราถึงจะได้รางวัลภารกิจ แต่หากคนผ่านบททดสอบมีเยอะ ท่านก็จะเลือกคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดมาหนึ่งคน แล้วมอบฉายาศิษย์เอกให้กับคนที่พาเข้ามา ใช่หรือไม่ขอรับ”
“หมายความตามนี้” หวงซางพยักหน้า
เยี่ยเว่ยหมิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามต่อ “เกี่ยวกับผู้ได้รับคัดเลือก มีข้อจำกัดอะไรไหมขอรับ ยกตัวอย่างเช่น ต้องเป็นคนที่ไม่มีสำนักอยู่ อะไรทำนองนั้น”
“แน่นอน! นั่นคือคุณสมบัติพื้นฐาน”
หวงซางพยักหน้า “หากตัดคุณสมบัติว่าเป็นคนไม่มีสำนักออก ข้าก็ต้องเพิ่มคุณสมบัติอีกข้อหนึ่งด้วย…
…นั่นก็คือผู้ได้รับคัดเลือกที่พวกเจ้าแนะนำมาจะต้องรักษาความลับ เพราะหากฐานะของอีกฝ่ายถูกเปิดโปง ข้าก็จะมองว่าเขาละเมิดกฎอย่างร้ายแรง แม้จะไม่ตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมทดสอบของเขา แต่ก็จะหักคะแนนทดสอบประมาณครึ่งหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่ขาดไม่ได้”
เช่นนั้นตัดสิทธิ์การร่วมแข่งขันไปเลยก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ
แต่รางวัลภารกิจเกี่ยวข้องกับตน ทั้งสามต่างก็รู้ว่าเรื่องนี้จะทำเล่นๆ ไม่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็ทำได้เพียงไม่สื่อสารกันระหว่างที่ทำภารกิจนี้ เพื่อรับประกันว่าจะรักษาความลับให้ได้มากที่สุด
ต่างคนต่างทำภารกิจ ไม่ถามไถ่กัน นี่ต่างหากที่เป็นการให้เกียรติกันอย่างสูงสุด!
หลังจากกล่าวอำลาหวงโส่วจุน ทั้งสามก็ออกจากสำนักมือปราบเทพพร้อมกัน เฟยอวี๋สลายทีม จากนั้นทั้งสามก็ต่างคนต่างอำลากัน
ขณะเดินไปทางจุดพักม้าของเมืองหลวง เยี่ยเว่ยหมิงก็โบกมือหนึ่งครั้ง พิราบขาวตัวหนึ่งบินออกจากฝ่ามือเขาแล้วมุ่งตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อนจะหายไป
[น้องดาบ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าหลังจากฝึกวิทยายุทธ์สำนักจนเลเวลเต็มแล้ว เตรียมจะออกจากสำนักดาบโลหิตใช่หรือไม่ เช่นนั้นหลังจากออกจากสำนักดาบโลหิต เจ้าสนใจจะมาเติบโตที่สำนักมือปราบเทพบ้างหรือเปล่า]…เยี่ยเว่ยหมิง
ในเมื่อต้องการหาคนอื่นมารับการทดสอบแทนตน เช่นนั้นก็ต้องหาคนที่เก่งที่สุด
เช่นนั้นก็เป็นปัญหาแล้ว
ในบรรดาผู้เล่นที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยติดต่อด้วยจนถึงปัจจุบัน คนที่เก่งที่สุดคือใครล่ะ
ก็ต้องเป็นตัวเขาเองอยู่แล้ว!
นอกจากเขาแล้ว ก็มีแค่น้องดาบ
หลังจากผ่านไปหลายวินาที พิราบขาวก็บินกลับมา
[เดิมทีข้าไม่ได้สนใจหรอก แต่หากเจ้าช่วยข้าได้สักครั้ง…]…หนึ่งดาบสามเฉือน
เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับทันที
[เช่นนั้นก็ช่างเถอะ]…เยี่ยเว่ยหมิง
จากนั้นก็แนบข้อความเสริมไปอีก
[เดิมทีข้าคิดจะบอกว่าหวงโส่วจุนหัวหน้าของสำนักมือปราบเทพ ชื่อเต็มๆ ของเขาก็คือหวงซาง (อึ้งเซียะ)…
…แต่ในเมื่อเจ้าไม่สนใจ เช่นนั้นผู้ที่มีจิตใจงดงามไร้ความเห็นแก่ตัวอย่างข้า ก็ย่อมไม่บังคับใจใครอยู่แล้ว เจ้าว่าไหมล่ะ]…เยี่ยเว่ยหมิง
น้องดาบมี ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ เป็นหนึ่งในทักษะโจมตีหลัก แต่ตอนนี้ฝึกเพียงฉบับไม่สมบูรณ์เท่านั้น เยี่ยเว่ยหมิงไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่สะทกสะท้านเมื่อได้ยินชื่อหวงซาง
[นี่! เจ้ามือปราบหน้าเหม็น ทำไมเจ้าเป็นคนอย่างนี้…
…ถึงอย่างไรพวกเราก็ร่วมงานกันมาหลายครั้งแล้ว เจ้าช่วยข้าสักครั้งจะเป็นไรไป]…หนึ่งดาบสามเฉือน
[คนอย่างข้ามีจุดเด่นอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่ชอบโดนขู่]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ตอนนี้ข้าถูกขังอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ออกไปไม่ได้เลย]…หนึ่งดาบสามเฉือน
[สู้ๆ นะ เจ้าทำได้ เจ้าเก่งที่สุดแล้ว!]…เยี่ยเว่ยหมิง
[สะพานสวรรค์น้อยก็อยู่ด้วยเหมือนกัน นางกับข้าถูกขังอยู่ด้วยกัน!]…หนึ่งดาบสามเฉือน
[พวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน!]…เยี่ยเว่ยหมิง
[สระมังกรดำ]…หนึ่งดาบสามเฉือน