ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 657 ผู้ฝึกตนจากอเวจี
ตอนที่ 657 ผู้ฝึกตนจากอเวจี
หนึ่งดาบ?
หนึ่งดาบสามเฉือน?
น้องดาบ?
หวงโส่วจุนเรียกนางด้วยน้ำเสียงสนิทสนมเช่นนี้ อย่าบอกนะว่า…
ท่ามกลางสายตาที่เจือด้วยความตกใจของเยี่ยเว่ยหมิง เห็นเงาร่างสีแดงของน้องดาบเดินออกมาจากที่กั้นลมด้านหลังพอดี นางกุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิง “สวัสดีศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องคำนับ”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ตอนนี้น้องสาวคนนี้ออกจากตำแหน่งเจ้าสำนักรุ่นที่ห้าของสำนักดาบโลหิตแล้ว ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง นางทำภารกิจสุดโหดมากมายในระหว่างการทดสอบเข้าสำนักมือปราบเทพจนสำเร็จ ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันอันดุเดือด สุดท้ายได้รับเกียรติให้กลายเป็นศิษย์น้องเล็กของสำนักมือปราบเทพ!
ขอแสดงความยินดีด้วย!
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงทำความเข้าใจประเด็นสำคัญที่อยู่ในนั้นแล้ว ก็หันไปมองหวงโส่วจุนทันที “หวงโส่วจุน หมายความว่าตอนนี้ข้ากลายเป็นศิษย์เอกของสำนักมือปราบเทพแล้ว จะได้นำ ‘ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์’ ไปร่วมกินข้าวต้มเดือนสิบสองที่เกาะวีรบุรุษแล้วหรือขอรับ”
หวงโส่วจุนยิ้มบางๆ จากนั้นก็ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “ไม่ได้”
“เพราะอะไร” เยี่ยเว่ยหมิงงง
ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา!
หวงโส่วจุนเพียงยิ้มบางๆ โดยไม่ได้ตอบอะไร แต่ครู่ต่อมา ระบบก็ให้คำตอบส่วนหนึ่งแทนเขาแล้ว
[ติ๊ง! คุณทำภารกิจสำนัก ‘ศิษย์เอก’ สำเร็จแล้ว ได้รับฉายาพิเศษ ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’]
ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ: ฉายาพิเศษของศิษย์เอกของสำนักมือปราบเทพ
ค่าสเตตัสฉายา: กฎหมายดุจขุนเขา ใต้หล้าคือประชาชน
กฎหมายดุจขุนเขา: คุณมีฐานะเป็นศิษย์เอกสำนักมือปราบเทพแล้ว คุณเปลี่ยนไปแล้วในสายตา NPC ทุกคำพูดและการกระทำของคุณล้วนเป็นการแสดงจุดยืนของสำนักมือปราบเทพและราชสำนัก ไม่ว่าใครในยุทธภพก็ต้องให้ความเคารพสามส่วน! (ชื่อเสียงยุทธภพ +10000)
ใต้หล้าคือประชาชน: ในขอบเขตการดูแลของสำนักมือปราบเทพ (ทั้งภาคกลาง) โจมตีพื้นฐาน +5% ป้องกันพื้นฐาน +5%!
ฐานะศิษย์เอกสำนักมือปราบเทพถูกกำหนดแล้ว อีกทั้งค่าสเตตัสก็สุดยอดมากด้วย!
สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ค่าสเตตัสฉายาของ ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ เหนือกว่า ‘คนกระบี่’ ของเขาในทุกๆ ด้าน
สาเหตุที่เกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะฉายา ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ ยอดเยี่ยมหรือฉายา ‘คนกระบี่’ ไม่ได้เรื่อง แต่เป็นเพราะสาเหตุส่วนตัวของเขาเอง ฉายาผู้ช่ำชองแนวทางกระบี่ที่ดีๆ ถูกเขานำมาเล่นจนเสียหมดแล้ว
ฉายา ‘คนกระบี่’ เดิมทีมีค่าสเตตัสสองรายการ ได้แก่ ‘คนกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ ที่เพิ่มพลังโจมตีของอาวุธประเภทกระบี่ 20% และ ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ ที่อาศัยพลังจิตควบคุมกระบี่กลางอากาศได้
ทว่าหลังจากเขาเรียน ‘วิชาคุมกระเรียน’ แล้ว เขาก็เริ่มเล่นอะไรแผลงๆ รวม ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ กับ ‘วิชาคุมกระเรียน’ ให้กลายเป็น ‘วิชาควบคุมกระบี่’ จากนั้นก็อัปเกรดมันเป็น ‘ท่ากระบี่แยกจาก’ ที่อยู่ใน ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’
พอเป็นแบบนี้ แม้ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นมากก็จริง แต่ค่าสเตตัสของฉายาผู้ช่ำชองแนวทางกระบี่กลับลดลงเกินครึ่ง เทียบไม่ติดกับฉายา ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ ที่เพิ่งได้มา เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญสำหรับเยี่ยเว่ยหมิง
อย่างไรเสียหลังจากเปลี่ยนฉายาเป็น ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ ก็จะทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอีก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เพียงแต่ว่า…
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเริ่มติดตั้งฉายา ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ สลับใช้แทน ‘ดาวข่มโจรราคะ’ พี่เพิ่งได้มา เขาก็ถามหวงโส่วจุนว่า “หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ ถ้าข้าอยากได้ ‘ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์’ ก็ยังต้องทำภารกิจเพิ่มเติมใช่หรือไม่”
หวงโส่วจุนได้ยินแล้วส่ายหน้าเบาๆ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแล้ว ว่า ‘ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์’ เป็นรางวัลสำหรับศิษย์เอกของสำนัก ข้าย่อมไม่กลืนคำพูดตนเอง แต่สาเหตุที่ตอนนี้ยังให้เจ้าไม่ได้ ก็เพราะยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงงทันที “เช่นนั้นเมื่อไรจะถึงเวลา”
“ก็ต้องดูระดับความสำเร็จของภารกิจเนื้อเรื่อง อาจจะเป็นอีกหนึ่งวินาทีต่อมา หรืออาจจะเป็นอีกสิบปีแปดปีก็ได้” หวงโส่วจุนมองเยี่ยเว่ยหมิงปราดหนึ่งด้วยความสงสัย “ตะลุยยุทธภพมานานขนาดนี้ หลักการง่ายๆ เช่นนี้ เจ้าคงไม่ถึงขั้นไม่รู้หรอกกระมัง”
หลักการนี้เยี่ยเว่ยหมิงย่อมรู้อยู่แล้ว เมื่อครู่ก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง
เมื่อเห็นว่าประเด็นสนทนาเริ่มทำให้บรรยากาศอึดอัด เยี่ยเว่ยหมิงจึงเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที เขาหัวเราะแห้งแล้วบอกว่า “ที่จริงหากเทียบกับเรื่องนี้ ข้าน้อยสนใจภารกิจต่อไปที่หวงโส่วจุนเตรียมไว้ให้มากกว่า”
หวงโส่วจุนหัวเราะเบาๆ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีภารกิจ”
เยี่ยเว่ยหมิงแบมือ “หากต้องการแค่แจกรางวัลภารกิจให้ศิษย์เอก ท่านคงไม่ต้องไล่เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ออกไปก่อน แล้วค่อยเรียกน้องดาบออกมาหรอกขอรับ…
…หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าภารกิจต่อไปจะต้องเกี่ยวข้องกับน้องดาบแน่นอน”
หวงโส่วจุนพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าเดาได้ดีมาก” จากนั้นก็ถามกลับ “ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยถามพวกเจ้าสามคนเกี่ยวกับศิษย์เอก เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนนั้นที่พวกเจ้าถามว่าการเป็นศิษย์เอกของสำนักจะได้อะไรบ้าง”
“ฉายาศิษย์เอก ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์ รวมทั้ง…” เยี่ยเว่ยหมิงตอบตามความจริง
พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตาเป็นประกายทันที “หวงโส่วจุนเตรียมจะแจกภารกิจสุดยอดวิชาของสำนักให้ข้าหรือ”
“เจ้าฉลาด!” หวงโส่วจุนพยักหน้า จากนั้นก็มองน้องดาบอีก แล้วกล่าวเนิบๆ “เดิมที สำหรับทักษะสำนักของผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ สำนักมีหน้าที่เก็บรักษาความลับให้ แต่ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้ติดต่อของหนึ่งดาบ ภารกิจที่กำลังจะได้รับเกี่ยวข้องกับทักษะของนางโดยตรง ต้องทำความเข้าใจเรื่องเรื่องทักษะสำนักของนางด้วย…
…ส่วนเนื้อหาโดยละเอียด ให้หนึ่งดาบพูดกับเจ้าเองแล้วกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วหันไปมองน้องดาบ นางยิ้มโดยไม่ตอบ แต่ส่งคำเชิญเข้ากลุ่มให้เขาแทน
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงยอมรับแล้ว นางก็จับภาพทักษะของนางส่งเข้าไปในช่องแชททีม
[ผู้ฝึกตนจากอเวจี: อเวจีอันไร้ที่สิ้นสุดตั้งอยู่ระหว่างสีดำและสีขาว ทรยศหักหลังและต่อสู้กันเพราะอำนาจ ความอยู่รอดและเงินตรา]
[โฉมหน้าอเวจี: วิชาแปลงโฉมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโฉมหน้าเท่านั้น หากอาศัยภูมิหลังของเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ถึงขั้นสร้างตัวตนปลอมขึ้นมาใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นชีวประวัติหรือชาติกำเนิด ทำทุกอย่างให้กลายเป็นคนอีกคนได้ ทั้งยังสลับตัวตนได้เองอย่างอิสระ เดินอยู่ระหว่างเส้นทางสีขาวและดำได้อย่างไร้ช่องโหว่!]
[สำเนียงอเวจี: สามารถเลียนแบบเสียงสัตว์ได้มากมาย ทั้งยังเลียนแบบเสียงคนได้ไม่ว่าใครก็ตาม อาศัยแค่ฝีปาก ก็จะเลียนแบบทุกเสียงในโลกนี้ได้แล้ว เปลี่ยนแปลงได้ไร้ที่สิ้นสุด!]
เมื่ออ่านทักษะตัวอักษรผีของน้องดาบจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็แทบจะหมดคำพูด
แค่ดูจากค่าสเตตัสของทักษะนี้อย่างเดียว ยังต้องเดาอีกหรือว่าภารกิจต่อไปของเขากับน้องดาบคืออะไร
ในทักษะนี้เขียนเอาไว้ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอกหรือ
ผู้ฝึกตนจากอเวจี เส้นทางอเวจีไร้ที่สิ้นสุด!
แต่การให้หญิงสาวคนหนึ่งไปเดินเส้นทางอเวจี เป็นสิ่งที่โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า