ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 85 ภารกิจย่อย
ตอนที่ 85 ภารกิจย่อย
“เหอะๆ…”
เมื่อได้ฟังเยี่ยเว่ยหมิงแก้ตัว โหยวจิ้นก็แสยะยิ้มอย่างดูถูก แล้วบอกว่า “หวงโส่วจุนคาดการณ์ได้ว่าศัตรูมีอำนาจมาก เลยส่งข้าให้มาคอยคุ้มครองอย่างลับๆ โดยเฉพาะ”
“ข้าแอบสังเกตการปฏิบัติงานของพวกเจ้าตลอดทาง ตอนที่พวกเจ้าร่วมมือกันโจมตีอวี๋ชางไห่ ข้าก็ซ่อนตัวอยู่ตรงจุดที่ห่างจากพวกเจ้าไม่ไกล เห็นทุกการกระทำของพวกเจ้าแจ่มแจ้ง ได้ยินทุกประโยคของพวกเจ้าชัดเจน”
“ตอนนี้เจ้ามาบอกข้าว่าทุกอย่างล้วนเป็นการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อะไรนั่น” โหยวจิ้นจ้องเยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าคิดว่าข้าหูหนวกตาบอดหรืออย่างไร”
ที่แท้ตั้งแต่ต้นจนจบของภารกิจนี้ โหยวจิ้นก็แอบสังเกตการณ์เงียบๆ อยู่ตลอดหรอกหรือ
พอฟังถึงตรงนี้ เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ก็อดก้มหน้าพร้อมกันไม่ได้ พวกเขาถูกพลังอำนาจของโหยวจิ้นทำให้ตกใจกลัว เริ่มกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย
มีเพียงเยี่ยเว่ยหมิงที่หลังจากอึ้งไปครู่เดียว ก็กล่าวอย่างเดือดดาลทันที “ในเมื่อหัวหน้าโหยวแอบสังเกตการณ์ทุกอย่าง แต่ปล่อยให้อวี๋ชางไห่โจมตีสังหารซานเย่ว์โดยไม่สนใจไยดี แล้วมากล่าวโทษพวกเราหลังจากจบเรื่องอย่างนั้นหรือ”
“นั่นคือภารกิจของพวกเจ้า”
เยี่ยเว่ยหมิงอยู่ในจุดยืนตรงกันข้าม “ทว่าความจริงนั้นชนะข้อโต้แย้งอันทรงพลัง พวกเราทำภารกิจสำเร็จ สืบหาผู้ร้ายคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสำนักคุ้มภัยฝูเวย ทั้งยังลงโทษทุกคนตามกฎหมายด้วย หลินผิงจือที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ตอนนี้ก็ถูกคุมขังอยู่ในคุกใหญ่ของสำนักมือปราบ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก ในระหว่างนั้นหัวหน้าโหยวไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย…
…ตอนนี้หัวหน้าโหยวตัดสินโดยอิงความรู้สึกส่วนตัว แล้วก็กล่าวโทษพวกเรา เช่นนี้ทำให้คนรู้สึกท้อใจจริงๆ!”
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถลึงตาพูดจาซี้ซั้วอยู่ตรงหน้าตัวเอง โหยวจิ้นก็แอบโค้งมุมปากยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่ปากยังกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ที่จริง ตอนนี้รางวัลภารกิจของพวกเราอยู่ในมือข้า ดังนั้นพวกเจ้าจะคิดอย่างไรก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือข้าจะมองเรื่องนี้อย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วสีหน้าค้างไปชั่วขณะ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้ม “หัวหน้าโหยว ข้าได้ยินว่าดอกบัวมรกตของร้านยาเฉิงซีดีต่อคอมาก ข้าเตรียมจะไปซื้อมาแสดงความกตัญญูกับท่านสักหน่อย…”
โหยวจิ้นถลึงตาทันที “ด่าประจานขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ข้ามีอำนาจในการหักรางวัลภารกิจของพวกเจ้านะ!”
เยี่ยเว่ยหมิงกำลังคิดจะแก้ตัว แต่กลับได้ยินโหยวจิ้นพูดต่อไปว่า “ที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากหักรางวัลภารกิจของพวกเจ้าหรอก เพียงหวังว่าพวกเจ้าจะเรียนรู้บทเรียน นำความผิดพลาดมาเป็นเครื่องเตือนใจได้บ้าง”
“เดิมทีรางวัลของพวกเจ้าควรจะเหมือนกับผู้เล่นนอกสำนักสามคนนั้น แล้วเพิ่มอุปกรณ์คุณภาพทองคำให้อีกชิ้นตามพื้นฐานเดิม”
“แต่ติดที่พวกเจ้าแสดงออกไม่ดีในระหว่างปฏิบัติภารกิจ ข้าทำได้เพียงให้รางวัลเป็นค่าประสบการณ์กับค่าตบะจำนวนหนึ่งเท่านั้น”
“ถ้าอยากจะได้อุปกรณ์คุณภาพทองคำก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเจ้าต้องสร้างผลงานชดเชยความผิด”
พูดให้ชัดก็คือภารกิจย่อยละมั้ง!
หลังจากได้ยินคำขอของโหยวจิ้น เยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจโดยฉับพลัน
คงเป็นเพราะพวกเขาทำผิดพลาดในระหว่างปฏิบัติภารกิจแล้วถูกหักคะแนน ทำให้ไม่อาจเติมเต็มเงื่อนไขการรับรางวัลอุปกรณ์คุณภาพทองคำหนึ่งชิ้น นี่คือผลที่ได้จากการตัดสินของระบบ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความคิดส่วนตัวของโหยวจิ้นมากนัก
และโหยวจิ้นที่ดูเหมือนต่อว่าพวกเขา ที่จริงกลับเก็บรักษารางวัลที่เป็นอุปกรณ์คุณภาพทองคำชิ้นนี้ไว้ให้พวกเขาแล้ว จากนั้นก็มอบภารกิจให้พวกเขาแต่ละคนเพื่อชดเชยค่าผลงานสำนักของภารกิจลับ
หลังจากแบ่งความคิดของตัวเองให้เพื่อนอีกสองคนผ่านช่องทีม ทั้งสามก็แสดงท่าทีว่ายอมรับสิ่งนี้ที่หัวหน้าเตรียมการให้
ตอนนี้โหยวจิ้นถึงได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็นำตำราลับออกมาสามเล่ม แล้วโยนไปให้พวกเยี่ยเว่ยหมิง
[ติ๊ง! คุณทำภารกิจใหญ่ของสำนัก “สำนักคุ้มภัยฝูเวย” ได้ค่อนข้างดี ได้รับรางวัลภารกิจ:
ค่าประสบการณ์ 40000 แต้ม
ค่าตบะ 10000 แต้ม
เงิน100 เหรียญทอง
กำลังภายในระดับกลาง ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’]
[หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น: วิชาฝึกปราณดั้งเดิมของลัทธิเต๋า มีผลพัฒนาสติปัญญา ล้างไขกระดูก
เงื่อนไขการฝึก: พละกำลัง100, รากกระดูก100]
[ติ๊ง! คุณได้อัปเลเวลเป็นเลเวล 19 แล้ว]
ระบบแจ้งเตือนเป็นชุด ทั้งสามเห็นแล้วผ่อนคลายสบายใจ
ค่าประสบการณ์และค่าตบะเพิ่มขึ้นสองเท่า!
ดูท่าแล้ว หัวหน้าโหยวคนนี้แม้จะทำหน้านิ่งตำหนิคนอื่น แต่ที่จริงแล้วก็รู้จักดูแลคนของตัวเองดีมาก
หลังจากโหยวจิ้นแจกรางวัลภารกิจเสร็จแล้ว สายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวซานเย่ว์ “ซานเย่ว์ ความผิดของเจ้าก็คือตายระหว่างต่อสู้ เดิมทีข้าไม่ควรตำหนิเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าอยู่ในฐานะหัวหน้าทีมชั่วคราว เมื่อทีมทำผิดพลาด เจ้าก็ย่อมต้องรับผิดชอบไปด้วย”
“ภารกิจที่มอบให้เจ้านั้นง่ายสุดๆ หลินผิงจือที่พวกเจ้านำตัวกลับมาจากสำนักคุ้มภัยฝูเวยครั้งนี้ เจ้ารับหน้าที่สอบสวนแล้วกัน เจ้าต้องรู้ความจริงทั้งหมดจากเขาให้ได้ภายในสิบวัน”
เมื่อได้ฟังภารกิจที่โหยวจิ้นแบ่งให้ ซานเย่ว์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะภารกิจนี้มีขึ้นเพื่อวัดตัวทำอุปกรณ์ให้นางแท้ๆ เลย
เมื่อเผชิญหน้ากับ ‘สังเกตสีหน้าท่าทาง’ ของนาง ต่อให้หลินผิงจืออยากจะโกหกแต่ก็ทำไม่ได้!
ตอนนี้สายตาของโหยวจิ้นย้ายไปบนตัวเฟยอวี๋ “ที่จริงคนที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับสำนักชิงเฉิงครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงอวี๋ชางไห่กับตัวละครเล็กๆ อย่างสี่ปัญญาชนอะไรนั่น เจ้ารับหน้าที่ไปสืบเรื่องนี้ต่อที่สำนักชิงเฉิง ข้าต้องการคนเป็นที่รู้เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ”
ภารกิจนี้แม้จะไม่ง่ายเข้าภารกิจของซานเย่ว์ แต่ก็สอดคล้องกับทักษะของเฟยอวี๋เช่นกัน
หลังจากแบ่งภารกิจให้ทั้งสองเรียบร้อยแล้ว โหยวจิ้นกลับไม่ได้แบ่งภารกิจให้เยี่ยเว่ยหมิงต่อ แต่บอกกับเฟยอวี๋กับซานเย่ว์เลยว่า “เวลากระชั้นชิด ภารกิจสำคัญ พวกเจ้ารีบไปจัดการเรื่องนี้เถอะ”
ประโยคเดียวของโหยวจิ้นได้ไล่เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ที่อยากรู้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะได้รับภารกิจอะไรออกไปแล้ว หลังจากทั้งสองเดินออกจากห้อง สายตาโหยวจิ้นถึงได้มาอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเคร่งขรึม “ในฐานะมือปราบคนหนึ่งของสำนักมือปราบ เจ้าดูสิ เจ้าแต่งตัวอะไรของเจ้า”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วมองบนชุดเต๋าปากว้าของตัวเองโดยจิตใต้สำนึก อธิบายทันทีว่า “ท่านต้องการให้ข้าทำภารกิจ ข้าก็ต้องพยายามเพิ่มความสามารถของตัวเองให้ได้มากที่สุดสิ ความสามารถของอุปกรณ์ก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน ทั้งยังเป็นส่วนที่สำคัญมากด้วย แล้วค่าสเตตัสของชุดนักพรตเต๋าชุดนี้ ก็สูงกว่าชุดเฟยอวี๋ที่สำนักมือปราบแจกให้ ดังนั้น…”
โหยวจิ้นโบกมือ บอกใบ้ให้เยี่ยเว่ยหมิงหยุดพูด แล้วบอกว่า “ตอนปฏิบัติงานราชการ มีเพียงการใส่เครื่องแบบมาตรฐานของสำนักมือปราบเท่านั้น ถึงจะแสดงถึงความน่าเกรงขามของสำนักมือปราบได้ ข้าจะพูดให้ตรงไปตรงมาอีกหน่อยนะ เจ้าสวมชุดเฟยอวี๋ ยอดฝีมือมากมายที่มีชื่อเสียงบารมีในยุทธภพล้วนไม่กล้าแตะต้องเจ้าได้ง่ายๆ แต่หากเจ้าสวมชุดนักพรตเต๋า ก็จะไม่มีผลลัพธ์เช่นนี้แล้ว”
ชุดเฟยอวี๋ของสำนักมือปราบมีผลลัพธ์เช่นนี้ด้วย?
นึกถึงเมื่อก่อนตอนทำภารกิจ ‘สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน’ คงซิ่งแห่งเส้าหลินไม่กล้าลงมือกับตนเลย เยี่ยเว่ยหมิงจึงรู้ว่าการปกป้องแบบนี้สำคัญมาก
อย่าบอกนะ ว่าต่อไป ตัวเองจะต้องเตรียมชุดสองชุดไว้เปลี่ยนกลับไปกลับมาตามสถานการณ์
แบบนี้มันน่าปวดไข่นิดหน่อย
ต้องทราบไว้ว่าเมื่ออยู่ในสถานะต่อสู้ นอกจากการเปลี่ยนอาวุธแล้ว อุปกรณ์อย่างอื่นก็ต้องใช้เวลารีบอ่านสามวินาที!
ตอนเงยหน้ามองโหยวจิ้นที่สวมหน้ากากเหล็กอีกครั้ง กลับพบว่าเจ้าหมอนี่กำลังยกถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาแล้ว ตอนนี้กำลังเป่าไอร้อนเบาๆ ท่าทางเหมือนผ่อนคลายสบายอารมณ์
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วตาเป็นประกายทันที แล้วถามอย่างอึ้งๆ ว่า “หัวหน้าโหยวกล่าวเช่นนี้ แสดงว่าปัญหานี้ยังมีวิธีการที่เพียบพร้อมทั้งสองด้านใช่หรือไม่”
โหยวจิ้นได้ยินแล้วพยักหน้าเบาๆ วางถ้วยน้ำชาที่กำลังจะดื่มลงบนโต๊ะอีกครั้ง
เมื่อมองร่องเล็กตรงปากของหน้ากากเหล็กสีดำแวบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะดื่มน้ำชาได้อย่างไร
เขาถึงขั้นรู้สึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ที่โหยวจิ้นยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา ก็เพียงเพื่อจะทำตัวเท่เท่านั้น
โหยวจิ้นย่อมไม่รู้ว่าในหัวเยี่ยเว่ยหมิงกำลังคิดอะไรกันแน่ หลังจากวางถ้วยน้ำชาลง ก็กล่าวทันทีว่า “มือปราบตั้งแต่ยศขั้นหกขึ้นไปของสำนักมือปราบ จะยื่นขอชุดคลุมเจ้าหน้าที่ทางการได้”
“ชุดเจ้าหน้าที่ทางการประเภทนี้ไม่มีค่าสเตตัส แต่กลับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้สอดคล้องตามยศขุนนางของเจ้าโดยอัตโนมัติได้ ทั้งยังยึดพื้นที่แถบอุปกรณ์ ช่วยอำพรางอุปกรณ์อย่างอื่นที่ไม่ใช่อาวุธบนตัวเจ้าได้ด้วย”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตาเป็นประกายอีกครั้ง “รางวัลภารกิจของข้า ก็คือชุดเจ้าหน้าที่ทางการชนิดพิเศษนี่น่ะหรือ”
คงจะเป็นชุดแฟชั่นที่เห็นบ่อยๆ ในเกมออนไลน์ละมั้ง!
สำหรับของสวยงามที่ใช้งานจริงไม่ได้แบบนี้ เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงไม่ชายตาแล เพียงแต่เมื่อเทียบกับสถานการณ์ของตัวเอง ชุดเจ้าหน้าที่ทางการชุดนี้ถือเป็นรางวัลที่ไม่เลวสำหรับเขาเลย
ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ “หัวหน้าโหยว ท่านคงไม่ได้จะบอกข้าใช่ไหม ว่ารางวัลอุปกรณ์คุณภาพทองคำของภารกิจถัดไปของข้า จะถูกแทนที่ด้วยชุดเจ้าหน้าที่ทางการชุดนี้”
โหยวจิ้นได้ยินแล้วยกน้ำชาขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เก๊กหล่อเป่าไอร้อนของน้ำชา ก็พูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “มีโอกาสถูกแทนที่ และมีโอกาสแจกอุปกรณ์สองชิ้นพร้อมกันด้วย ส่วนรายละเอียดว่าจะได้รางวัลแบบไหน นั่นก็ต้องดูการแสดงความสามารถของเจ้าในภารกิจครั้งนี้แล้ว”