ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว
ตอนที่ 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว
สำหรับการเตรียมการของกงเหย่เฉียนที่เป็นเหมือนกับดักดวงซวย เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีแรงจะบ่นแล้ว
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาขี้คร้านจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขามากขนาดนั้น
ถึงอย่างไรก็แค่เข้าร่วมการประลองที่มีกติกาน่าอาเจียนสนามหนึ่งก็เท่านั้นเอง แพ้ไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย คิดเสียว่าเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาก็แล้วกัน
เขาเรียกซานเย่ว์ที่อยู่ข้างกาย แล้วทั้งสองก็ใช้งานท่าร่างทันที กระโดดขึ้นบนสังเวียนพร้อมกัน
ทว่าผ่านไปครู่เดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็ค้นพบอย่างจนใจว่า สิ่งที่เขารับรู้เกี่ยวกับค่าสเตตัสของกงเหย่เฉียนยังห่างไกลความจริงอยู่มาก ประเมินระดับของไอ้จอมหักหลังนี่ต่ำเกินไป
ไม่มีการหักหลังที่รุนแรงที่สุด มีแต่การหักหลังที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ!
เยี่ยเว่ยหมิงมองแม่นางซานเย่ว์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ตรงข้ามกับจ้างเย่ว์กลางสังเวียนแวบหนึ่ง แล้วก็มองเก้าอี้ใต้ก้นที่จองจำเขาไม่ให้เคลื่อนไหวอีก ตอนนี้เขารู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว
กติกาการประลองที่เป็นเหมือนกับดักก็ว่าแย่แล้ว อย่าบอกนะว่าแม้กระทั่งรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง ก็ยังเลือกไม่ได้อีก
ขณะที่ในใจกำลังฉุนเฉียว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบหันกลับมา ตะโกนบอกกงเหย่เฉียนที่อยู่ด้านล่างของสังเวียนว่า “นี่ พวกท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่! รูปแบบการต่อสู้ของกลุ่มเราไม่ได้เลือกอย่างนี้ ควรจะเป็นข้าที่ทำหน้าที่ขึ้นสังเวียนไปต่อสู้สิ! เป็นข้าที่ต่อสู้!”
ทว่าสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงตะโกนออกมา กลับเหมือนโคลนที่ไหลลงสู่ทะเล อีกฝ่ายกงเหย่เฉียนสนใจเพียงจ้องเหตุการณ์ในสนาม ราวกับว่าไม่ได้ยินคำประท้วงของเขาเลย
ยังดีที่ตอนนี้เสียงอันอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของสังเวียน ช่วยอธิบายสิ่งที่เขาสงสัยแทนกงเหย่เฉียน “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่จำเป็นต้องเอะอะโวยวายขนาดนั้นหรอก ตามกติกาการต่อสู้ ไม่ว่าเจ้าจะคัดค้านอย่างไร พี่รองกงเหย่ก็ไม่มีทางตอบกลับได้”
พอหันไปมองก็พบว่าคนที่นั่งตรงมุมเยื้องกับเขาคือแม่นางหวัง ผู้ที่ถูกจ้างเย่ว์เชิญมาด้วยความเคารพ แม้แต่กงเหย่เฉียนก็ยังแสดงท่าทีมีมารยาทต่อนาง
ในเมื่อมีคนตอบคำถาม เยี่ยเว่ยหมิงก็เจอเป้าหมายให้พูดประท้วงทันที “พวกเจ้ากำหนดกติกาการประลองได้พิลึกขนาดนี้ก็ช่างเถอะ ในเมื่อพวกเราขึ้นสังเวียนแล้ว ก็แสดงว่าพวกเรายอมรับกติกาการประลองนี้แล้ว แต่มาจัดเตรียมรูปแบบการต่อสู้ของพวกเราโดยไม่ได้รับความยินยอมก่อนนี่ ไม่รู้สึกว่าทำเกินไปหน่อยหรือ”
“ทำเกินไปหรือ” แม่นางหวังส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่รู้สึกอย่างนั้นนะ…นอกจากนี้ กติกาการประลองนี้ก็เคยเอ่ยขึ้นที่นี่แล้วด้วย ไม่ใช่หรอกหรือ””เคยเอ่ยขึ้นตอนไหน ทำไมข้าไม่รู้” เยี่ยเว่ยหมิงเดือดดาล
แม่นางหวังได้ยินแล้วถามกลับเหมือนแปลกใจมาก “อย่าบอกนะว่าพี่ใหญ่กงเหย่ไม่เคยบอกเจ้า ว่าสนามนี้เป็นการประลองที่มีการชี้แนะด้วย”
“บอกแล้วน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงถามอย่างเคลือบแคลงใจ “เช่นนั้นจะเกี่ยวอะไรกับการแบ่งการต่อสู้ในทีมของพวกเราล่ะ”
“แน่นอนว่าเกี่ยวข้อง” แม่นางหวังกล่าวอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า “มีเพียงการให้ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ประสบการณ์สูงกว่าคอยประเมินคนที่ด้อยกว่าตัวเอง นั่นถึงจะเรียกว่าชี้แนะ ไม่อย่างนั้นก็จะตรงกันข้าม จะเรียกว่าพูดเหลวไหลไปเรื่อย ใครจะอยากถูกคนประเภทนี้ชี้แนะล่ะ”
แม่นางผู้นี้พูดจามีเหตุผลมาก ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะเถียงกลับไม่ออกสักคำ
ในตอนนี้ จู่ๆ ทั้งสองก็ได้ยินกงเหย่เฉียนประกาศว่าการประลองเริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างการประลองทุกขั้นตอน นี่อาจจะเป็นเสียงเดียวของเจ้าจอมหักหลังที่ดังเข้ามาในสนามได้
เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ซานเย่ว์กับจ้างเย่ว์ก็เริ่มลงมือแล้ว ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็มองแม่นางหวังที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอย่างกังวลปราดหนึ่ง ทำให้เขาค้นพบสิ่งที่สุดยอด
[หวังอวี่เยียน]
คุณหนูใหญ่หมู่บ้านภูเขาม่านถัว มีความรู้เรื่องวิทยายุทธ์ในใต้หล้าเป็นอย่างดี
เลเวล: 86
พลังชีวิต: 100/100
กำลังภายใน: 0/0
……
BOSS ใหญ่เลเวล 86 พลังชีวิตมีเพียง 100 แต้ม กำลังภายในยังเป็น 0 ด้วย?
เอ่อ…นี่มันเล่นบ้าอะไรกันแน่!
ขยะกากๆ ที่อาศัยแค่คลื่นหลงเหลือจากการโจมตีก็ทำให้ตายได้แล้ว ทำไมถูกระบบกำหนดให้อยู่ในเลเวลแปดสิบหกเลยล่ะ
อีกทั้ง BOSS ใหญ่เลเวลแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจ้างเย่ว์จะทำให้ค่าความรู้สึกดีของนางสูงถึงขั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ มองออกเลยว่าเจ้าหมอนี่ใช้ความพยายามไปไม่น้อย
แต่ปัญหาก็คือ การชี้แนะของ ‘BOSS ใหญ่’ ประเภทนี้ อย่าบอกนะว่าควบคุมสถานการณ์บนสนามต่อสู้ได้จริง
ความสงสัยนี้ไม่ได้อยู่ในใจเยี่ยเว่ยหมิงนานนัก เนื่องจากหวังอวี่เยียนแสดงจุดที่องอาจห้าวหาญของ BOSS เลเวลแปดสิบหกของนางออกมาแล้ว
ขณะมองจันทร์[1]สองดวงส่องสว่างอยู่กลางสนาม หวังอวี่เยียนก็เอ่ยอย่างสบายอารมณ์ว่า “แม่นางผู้นี้ใช้ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ วิทยายุทธ์นี้พบเห็นได้บ่อยในยุทธภพ กระบวนท่าที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือหัตถ์สายฟ้าของเหวินไท่ไหล เจ้าบ้านสี่แห่งพรรคดอกไม้แดง และดูจากระดับความรู้ของแม่นาง ก็เห็นได้ชัดว่าเรียนรู้วิชาฝ่ามือนี้ได้ค่อนข้างดี ต่อจากนี้นางจะโจมตีซี่โครงซ้าย หัวไหล่ ท้องน้อยของเจ้า…”
ตามเสียงชี้แนะของหวังอวี่เยียน จ้างเย่ว์ราวกับมีความสามารถในการรับรู้ล่วงหน้า ลักษณะการโจมตีเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนซานเย่ว์เมื่อได้ยินคำพูดของหวังอวี่เยียน ในใจก็ตกตะลึงไม่หยุดเช่นกัน เนื่องจากทุกประโยคที่หวังอวี่เยียนพูด ล้วนเป็นกระบวนท่าถัดไปที่นางจะเปลี่ยนใช้ ทั้งยังทายได้แม่นมาก แม่นแบบไม้เว้นสักท่า!
แล้วแบบนี้จะสู้กันอย่างไรได้อีก?
และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้กระบวนท่าของตัวเองแล้วโจมตีกลับ ซานเย่ว์ก็ทำได้เพียงเปลี่ยนกระบวนท่ากลางคัน ทว่าตอนที่นางเพิ่งเปลี่ยนกระบวนท่า ทางฝั่งหวังอวี่เยียนก็พูดถึงกระบวนท่าที่นางจะใช้ออกมาก่อนแล้ว
นี่มันเป็นการเล่นแบบใช้โปรแกรมโกงชัดๆ!
เยี่ยเว่ยหมิงเองก็อยากใช้เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนของตัวเองเพื่อเป็นโปรแกรมโกงให้ซานเย่ว์เช่นกัน พอทดลองไปครู่เดียว ไม่น่าเชื่อว่าไท้ซัวเป็นไฉนจะใช้งานได้จริงๆ!
แต่ปัญหาก็คือ ถ้าอยากใช้งานไท้ซัวเป็นไฉนก็ต้องใช้เวลา!
ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อเจอโปรแกรมโกงอย่างหวังอวี่เยียน นางหนูนี่จะยืนหยัดได้จนเขาคำนวณเสร็จหรือไม่
ภายใต้การชี้แนะของหวังอวี่เยียน สองคนที่อยู่บนสนามต่อสู้ คนหนึ่งยิ่งเปลี่ยนเป็นโหดขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอีกคนก็ยิ่งกลัวหัวหดขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ที่เดิมทีสองฝ่ายสูสีกัน ตอนนี้กลายเป็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งบดขยี้อีกฝ่ายหนึ่ง
ผ่านไปเพียงเจ็ดกระบวนท่า ซี่โครงขวาของซานเย่ว์ก็ถูกกรงเล็บเหล็กจ้างเย่ว์ขยุ้มไปแล้วนิดหน่อย ทำให้นางถูกพรากพลังชีวิตไปแล้วห้าร้อยห้าสิบห้าแต้ม!
เจ็บจัง!
โชคดีที่ซานเย่ว์เคยชินกับการไม่ได้เปิดใช้โหมดความรู้สึกเจ็บ ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดที่เกิดจากดาเมจครั้งนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางเสียพลังต่อสู้ไปได้ชั่วขณะหนึ่งเลย
เมื่อโดนโจมตีอย่างแรงไปหนึ่งครั้ง ซานเย่ว์ก็เริ่มโหดแล้วเช่นกัน นางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมใช้สองฝ่ามือโจมตีอย่างต่อเนื่องทันที ทุกฝ่ามือที่โจมตีมาพร้อมเสียงระเบิดดังแสบหู ถล่มไปยังจุดสำคัญรอบตัวจ้างเย่ว์ไม่หยุด
“นี่คือท่าไม้ตายของ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ชื่อว่า ‘แสงทองอัสนีบาต’ ดูเหมือนโหด แต่ความจริงกลับเป็นท่าที่ใช้งานไม่ได้จริง ที่เจ้าต้องป้องกันก็คือ ‘เนตรอัสนีบาต’ ของนาง”
เมื่อเห็นซานเย่ว์ใช้ท่าไม้ตาย หวังอวี่เยียนก็รีบอธิบายอยู่ข้างๆ ว่า “‘เนตรอัสนีบาต’ เป็นท่าไม้ตายที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ถ้าอยากจะต้านให้ไหวนั้นไม่ง่าย แต่เจ้าโจมตีกลับได้ ท่านี้มีช่องโหว่ที่อันตรายถึงชีวิต อยู่ตรง…”
“เฮอะ เฮอะ!”
ในระหว่างการต่อสู้ ซานเย่ว์ไม่รอให้หวังอวี่เยียนพูดจบ นางก็ตะโกนออกมาพร้อมถล่มฟาดฝ่ามือไปยังจ้างเย่ว์อย่างต่อเนื่องแล้ว อีกฝ่ายยังตั้งใจฟังคำชี้แนะของหวังอวี่เยียนอย่างจริงจังอยู่เลย จู่ๆ ก็ตกใจเสียงตะโกนของซานเย่ว์ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ซานเย่ว์อยู่ใกล้เขามากกว่า เสียงดังกว่า คำที่สำคัญที่สุดในประโยคนั้นของหวังอวี่เยียนถูกเสียงของซานเย่ว์กลบหมด เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
จากนั้น จ้างเย่ว์ที่พึ่งพาหวังอวี่เยียนจนสูญเสียความสามารถในการพิจารณาสถานการณ์ต่อสู้ของตัวเอง ก็ถูกฝ่ามือของซานเย่ว์โจมตีตรงหน้าผากแล้ว
โดนคริติคอลดาเมจหนึ่งครั้ง ขณะที่ถูกพรากค่าพลังชีวิตไปหกร้อยกว่าแต้ม จ้างเย่ว์ก็สะเทือนจนถอยหลังต่อเนื่องไปหลายก้าวแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะสร้างความได้เปรียบขึ้นมาได้ แต่โดนฝ่ามือของซานเย่ว์โจมตีทีเดียวก็พังทลายหมดแล้ว!
เพียงแต่ในใจจ้างเย่ว์กลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด เพราะมีโปรแกรมโกงอย่างหวังอวี่เยียนอยู่ด้วย เขาเชื่อว่าชัยชนะต้องเป็นของตัวเองแน่นอน!
ส่วนหวังอวี่เยียนก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง หลังจากทั้งสองเริ่มลงมือต่อสู้อีกครั้ง นางก็ชี้แนะต่อไปเรื่อยๆ “ท่านี้ของนางใช้ข้อศอกโจมตีเจ้า…”
“ดูขา!”
“นางเปลี่ยนท่าแล้ว ท่านี้…”
“เฮอะเฮอะ! โฮ่ โฮ่! เฮอะเฮอะ! โฮ่โฮ่!…”
“การโจมตีครั้งนี้ของนาง…”
“เก้าชั้นฟ้าสิบชั้นดิน พระโพธิสัตว์กลัวแสงทองอัสนีบาต ฝ่ามือสายฟ้า!”
“นาง…”
“แบร่ๆๆๆๆๆๆ…”
[1] เย่ว์ 月ในชื่อตัวละครทั้งสอง แปลว่า พระจันทร์