ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 1 ฉันช่วยคุณได้
“ฉินเฟย แขวนเสื้อผ้าของพวกเราซะ”
บนโซฟามีผู้หญิงสามคนกำลังนั่งอยู่และกำลังพูดคุยกันหลังจากแช่เท้า สาวงามทั้งสามล้วนเซ็กซี่และมีจุดเด่นในตัวเอง ผู้หญิงสามคนนี้เป็นภรรยาของฉินเฟยและเพื่อนสนิทสองคนของเธอ
เมื่อได้ยินคำสั่งของภรรยาของเขา ฉินเฟยที่เพิ่งเทน้ำล้างเท้าทิ้งก็รีบไปแขวนเสื้อผ้าอีกครั้งอย่างไม่ได้หยุดพัก นั่นเป็นเพราะเขาเป็นลูกเขยแต่งเข้า
เขาแต่งงานกับเจียงเยว่ถงมาสามปีแล้ว แต่เป็นแค่สามีภรรยาแต่ในนามเท่านั้น ฉินเฟยไม่แม้แต่จะให้เขาแตะต้องนิ้วของเธอด้วยซ้ำ! ทุกวันเขานอนบนพื้นห้องเก็บของ แม้กระทั่งโซฟาก็ไม่ได้นอน
นั่นเพราะเจียงเยว่ถงเกลียดเขา!
งานล้าง ทำอาหาร และถูพื้นล้วนเป็นงานของฉินเฟย ครั้งหนึ่งตอนที่เขากำลังถูพื้น เขาเคยบังเอิญไปชนกระถางต้นไม้ ผลคือเขาถูกภรรยาด่าสั่งสอนเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
มีอยู่คืนหนึ่ง ฉินเฟยดูทีวีและหลับไปบนโซฟา ผลคือแค่เพราะเท้าของเขาอยู่ที่บนโซฟาและถูกเจียงเยว่ถงเห็นเข้า เธอก็ตบหน้าเขาทันที
นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉินเฟยถูกทุบตี ตั้งแต่เด็กจนโตแม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ยังตัดใจทุบตีเขาไม่ลง อย่างไรก็ตามฉินเฟยถึงจะโกรธก็ไม่กล้าพูดอะไรและได้แต่เอ่ยขอโทษไปไม่หยุด คืนนั้นเขาถูกลงโทษให้คุกเข่าทั้งคืนโดยไม่ได้นอน
สามปีเต็มๆแล้ว ฉินเฟยคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดก็คือหลังจากอยู่ด้วยทั้งวันและคืนกันมาถึงสามปี เขากลับดันตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้โดยไม่คาดคิด แม้ว่าเจียงเยว่ถงจะดูถูกตนและด่าเขาว่าขยะ!
ฉินเฟยเป็นหลานชายคนโตของตระกูลฉิน ตระกูลฉินเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในรุ่นแรกของเจียงหนาน อย่างไรก็ตามตระกูลนั้นได้ตกต่ำลงและถูกไล่ถอดถอนชื่อออกจากเมืองซงไห่เมื่อสี่ปีก่อน
หนึ่งปีหลังจากการล่มสลายของตระกูลฉิน เขาก็กลายเป็นลูกเขยแต่งเข้า
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ฉินเฟยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นและความเย็นชาของมนุษย์ ทั้งพี่น้องและเพื่อนของเขาต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะอยู่ห่างจากเขา เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ เขาต้องเลือกที่จะเป็นลูกเขยแต่งเข้า เรื่องนี้ ตนไม่เคยพูดถึงมันกับใคร แม้แต่เจียงเยว่ถงผู้เป็นภรรยาก็ไม่รู้
“ฉินเฟย นี่นายไปขุดหลุมสุนัขอยู่ที่ไหนอีก รีบออกมาหั่นผลไม้ให้พวกเรา เร็วเข้า!” เจียงเยว่ถงที่เห็นฉินเฟยเข้าไปในห้องนอนก็เอ่ยด้วยความไม่พอใจทันที
“อ่ออ่อ” ฉินเฟยตอบรับ เขาไม่กล้าที่จะชักช้าและรีบออกไป
“พี่ถง คุณสอนสามีได้ไม่เลวเลยนี่” ซุนเสี่ยวเจี๋ยหัวเราะเยาะ
เจียงเยว่ถงถลึงตาใส่ฉินเฟยและพูดอย่างเย็นชาว่า “แค่เห็นเขาฉันก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว คนอื่นเขาแต่งเข้าบ้านเศรษฐีกัน แต่ฉันนี่สิกลับต้องมาแต่งกับขยะชิ้นหนึ่ง วันๆ ไม่ทำงาน แถมยังไม่มีความทะเยอทะยานเลยสักนิด พรุ่งนี้เป็นวันประชุมตระกูลเจียงของเรา พาเขาไปด้วยฉันล่ะอายจริงๆ”
ซุนเสี่ยวเจี๋ยเห็นฉินเฟยเข้าไปในครัว อันที่จริงเขาแต่งตัวเหมือนคนขายของริมถนนและดูซอมซ่อ เธอหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็อย่าพูดถึงเขาเลย พี่ถง ฉันได้ยินมาว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับบริษัทของคุณเมื่อเร็วๆ นี้?”
เจียงเยว่ถงพยักหน้า “เมื่อเดือนที่แล้วธุรกิจเสื้อผ้าของเราต้องสูญเสียเงินไปหลายล้านหยวน แบรนด์นี้ขายไม่ได้และไม่มีใครซื้อสินค้า ตอนนี้บริษัทขาดเงินทุน และต้องการเงินอย่างน้อยๆ สามล้านหยวนจึงจะพลิกกลับได้ ไม่กี่วันนี้ เราต้องหานักลงทุนมาสนับสนุนบริษัท”
โจวลู่ตอบว่า “แต่พี่ถง บริษัทของคุณยังไงก็ถือเป็นบริษัทท้ายแถมที่สุด ไม่อยู่ในสายตาอะไร แบบนี้คงยากที่จะให้ตระกูลเจียง สนับสนุนคุณด้วยเงินสามล้านหยวน”
เจียงเยว่ถงพยักหน้าและไม่พูดอะไร
ฉินเฟยได้ยินทุกอย่างในครัว แต่ในฐานะสามีของเธอ ตนกลับช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด
“กริ้งกริ้ง” ในขณะนี้เอง โทรศัพท์มือถือของฉินเฟยก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกโทรมา
“ฮัลโหล?” ฉินเฟยรับโทรศัพท์ด้วยความสงสัย
“นายน้อย?” เสียงของอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคน ด้วยน้ำเสียงดูลังเลไม่แน่ใจและตื่นเต้นเล็กน้อย
“ฉันชื่อฉินเฟย คุณล่ะ?” ฉินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เคยได้ยินชื่อเรียกนี้มาหลายปีแล้ว
“นายน้อย เป็นคุณจริงๆ ด้วย!” อีกฝ่ายตื่นเต้นมากจนพูดว่า “ผมจางจงเยว่ไงครับ”
“จางจงเยว่?” ฉินเฟยขมวดคิ้ว
จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้!
จางจงเยว่ พ่อมดวงการธุรกิจ เมื่อ 13 ปีที่แล้วเขาล้มละลายเพราะถูกเพื่อนหักหลังจนต้องแยกจากภรรยาและลูก เขาไม่เพียงแต่ไม่เหลืออะไร แต่ยังมีหนี้นอกระบบกว่าสองแสน ขณะที่เขากำลังจะฆ่าตัวตายในแม่น้ำก็ถูกฉินเฟยพบเข้าและหยุดเขาเอาไว้
ฉินเฟยคิดว่ามันน่าเสียดายที่คนมีความสามารถแบบนี้จะต้องตายไป อีกทั้งในเวลานั้นตระกูลฉินเองก็กำลังรุ่งเรืองที่สุด ฉินเฟยที่มีเงินอยู่ในมือก็ได้ช่วยเขาชำระหนี้นอกระบบและให้เงินเขาอีกสามแสรเพื่อตั้งตัวอีกครั้ง
จางจงเยว่รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล เขาบอกว่าเขาจะตอบแทนน้ำใจนี้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้น จางจงเยว่ก็ทำตามคำแนะนำของฉินเฟย เขาไปที่เซี่ยงไฮ้เพื่อตั้งตัวใหม่ หนึ่งปีต่อมา เขาได้ก่อตั้งว่านเซียง กรุ๊ปขึ้นด้วยความสามารถทางธุรกิจของเขา
อันที่จริงแล้วเมื่อหลายปีก่อน ฉินเฟยเคยเห็นจางจงเยว่ทางทีวี ในเวลานั้นตระกูลฉินได้ล้มละลายลงแล้ว อีกทั้งจางจงเยว่ก็ได้กลายเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จและเป็นมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินเกือบหมื่นล้านหยวน
“ฉินเฟย หั่นผลไม้เสร็จแล้วยัง? เร็วเข้า!” ในเวลานี้ เสียงแสดงความไม่พอใจของโจวลู่ก็ดังขึ้น
“ได้แล้วๆ ได้แล้วๆ” ฉินเฟยตอบรับไป
เมื่อจางจงเย่ในสายได้ยินว่าฉินเฟยยุ่งอยู่ เขาก็วางสายไปและบอกว่าจะส่งข้อความมา
ไม่นาน ข้อความของจางจงเย่ก็มาถึง
“นายน้อย หลายปีมานี้ผมตามหาคุณอย่างยากลำบากมาก โชคดีที่สวรรค์เมตตา ในที่สุดผมก็สามารถตอบแทนบุญคุณคุณได้แล้ว”
“ตอบแทนบุญคุณอะไร?” ฉินเฟยตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
คืนเงินหรือ? ห้าแสนหรือแถมดอกเบี้ยด้วยเล็กน้อย?
“นายน้อย คุณลืมไปแล้วหรือ? คุณมีหุ้น 60% ในว่านเซียง กรุ๊ป ผมจ่ายเงินปันผลให้คุณทุกปี เมื่อกี้ผมก็เพิ่งโอนให้คุณ 100 ล้านหยวน”
อะไร?
แม่เจ้าเว้ย!!
ฉินเฟยตกใจมากจนแทบจะกระโดดจากพื้น!
เขาระงับความตื่นเต้นของตนและส่งผลไม้ที่หั่นแล้วไปให้ผู้หญิงทั้งสามคน
ฉินเฟยเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หาบัตรธนาคารแบล็กการ์ดระดับสูงสุดทันที การ์ดใบนี้ถูกละทิ้งมาสี่ปีแล้ว มันเป็นของขวัญในวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเขาเมื่อแปดปีที่แล้วจากปู่ของเขา
นี่เป็นบัตรที่แทนสัญลักษณ์บุคคล เพราะมันต้องมีเงินฝากอย่างน้อย 100 ล้านถึงจะมีคุณสมบัติในการสมัครบัตรแบล็กการ์ดระดับสูงสุดได้ อีกทั้งบัตรแต่ละใบล้วนมีมืออาชีพคอยให้บริการ
หลังตระกูลฉินล้มละลาย เงินในบัตรของเขาก็หมดลง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยใช้มันอีกเลย
ฉินเฟยรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์
“สวัสดีค่ะ คุณฉิน ไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับใช้คุณคะ?” เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเคารพ
“เร็วเข้า ตรวจสอบยอดเงินให้ฉันหน่อย”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” ผู้หญิงคนนั้นตอบรับทันที หลังจากนั้นไม่กี่สิบวินาที เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น “คุณฉิน คุณยังมียอดคงเหลือในบัตร 354.65 ล้าน”
เมื่อเสียงจบลง ฉินเฟยก็วางสายโทรศัพท์โดยตรง
สามร้อยกว่าล้าน? ฮ่าฮ่าฮ่า!
“พี่ถง ดูฉินเฟยสิ เขากำลังตรวจสอบยอดเงินของเขา” โจวลู่เพื่อนสนิทของเธอพูดขึ้นและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เจียงเยว่ถงเหลือบมองที่ฉินเฟยและพูดเยาะเย้ยว่า “พรุ่งนี้ในการประชุมตระกูล นายไปซื้อชุดดีๆ มาใส่หน่อย อย่าทำให้ฉันอับอายขายหน้า ฉันให้เงินนายหนึ่งร้อยหยวนทุกวัน สามปีมานี้คงเก็บได้ไม่น้อยสินะ?”
“พี่ถง ฉันไม่เข้าใจคุณจริงๆ นี่คุณยังต้องมาเสียเงินเปล่าๆ ไปด้วย ถ้าเป็นฉันคงหย่าไปนานแล้ว เขามีประโยชน์อะไรกัน?” โจวลู่พูดอย่างชั่วร้าย
“ใช่ ช่างไร้ประโยชน์เกินไปจริงๆ” ซุนเสี่ยวเจี๋ยเองก็เห็นด้วย
ฉินเฟยไม่สนใจพวกเธอ เขาเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้นและมองไปที่เจียงเยว่ถง ก่อนจะพูดว่า “บริษัทขาดเงิน 3 ล้านหยวน อย่างนั้น…ให้ผมช่วยคุณคิดหาวิธีไหม?”
“ฮ่าฮ่า…” โจวลู่มองดูฉินเฟยที่จริงจังด้วยสีหน้าแปลก ๆ จากนั้นก็อดหัวเราะลั่นขึ้นมาไม่ได้
“ฉินเฟย ฉันได้ยินมาว่านายมาจากชนบท นายรู้ไหมว่าสามล้านหยวนคืออะไร? นายจะคิดหาวิธี? นายจะมีวิธีอะไร? ถ้านายหาเงินสามล้านหยวนมาได้จริงๆ ให้ฉันไปเป็นเมียน้อยของนายก็ยังได้เลย!”
“จริงหรือ?” ฉินเฟยพูดด้วยรอยยิ้มที่คุกรุ่น “อย่างนั้นเธอก็อย่าลืมสิ่งที่พูดแล้วกัน”
เมื่อพูดถึงเงินสามล้านหยวน เจียงเยว่ถงก็อารมณ์เสียจนทนไม่ไหว ฉินเฟยคนนี้สมองมีปัญหาหรือไง? ไม่มีเงินก็ไม่มีเงิน แต่สมองยังกลวงไปด้วยหรือ?
“ไปอยู่ที่อื่นไป อย่ามาขวางหูขวางตาอยู่ตรงนี้”
“อ่อ” ฉินเฟยตอบรับและไม่ได้อธิบายอะไร