ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 10 เจียงเยว่ถงที่ตื่นตะลึง
“เจียงเฉิงเย่?” ฉินเฟยมองขึ้นอย่างประหลาดใจ สายตาแฝงความแปลกประหลาดอยู่บ้าง
“ให้เขาไสหัวไป!”
“ค่ะ” เหอฉิงพยักหน้า เธอเดินไปที่โต๊ะและวางเอกสารลง “นี่คือเอกสารทั้งหมดที่คุณต้องการของว่านเซียง มูวี”
“อืม สั่งการลงไป ห้ามไม่ให้ใครในบริษัทส่งต่อข้อมูลและรูปถ่ายของฉัน เรื่องนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับอย่างเข้มงวด มิฉะนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในบริษัทอีกต่อไป”
เขาไม่อยากให้เจียงเยว่ถงรู้จักตัวตนของเขาในตอนนี้ อีกทั้งตอนที่เขามาก็พบว่ามีพนักงานบางคนในล็อบบี้ชั้นล่างกำลังแอบถ่ายรูปตัวเองด้วย
“ค่ะ ฉันจะรีบดำเนินการ”
……
ไม่กี่วันมานี้เจียงเยว่ถงล้วนอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
เงินบริษัทที่ขาดแคลนไปสามล้านหยวนยังไม่ได้รับการชดเชย อีกทั้งยังขาดทุนอยู่ตลอด หากเป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อถึงสิ้นเดือนก็จะจ่ายเงินเดือนไม่พอแล้ว อีกทั้งตอนนี้ที่บ้าน เสิ่นหัวแม่ของเธอก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอหย่ากับฉินเฟย
เรื่องการหย่าร้าง เจียงเยว่ถงคิดเกี่ยวกับมันมานานแล้ว เธอไม่ต้องการแต่งงานกับผู้ชายขี้แพ้ไปตลอดชีวิต
แต่คนเรานั้นมีความรู้สึก ฉินเฟยทำงานหนักอยู่ในจตระกูลเจียงมาสามปีแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่เรื่องในบ้านเขาก็ไม่เคยทำให้เธอกังวลเลยและไม่เคยปริปากบ่น
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟยคือคนที่เอาเข้ามาเพื่อแก้ชงให้พ่อของเธอ
สามปีผ่านไปแล้วตนก็เตะส่งเขางั้นหรือ? เรื่องแบบนี้เจียงเยว่ถงไม่สามารถทำได้
เจียงเยว่ถงรู้สึกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนติดขัดไปเสียหมด เธอจึงเลิกคิดถึงมัน หลังเลิกงานเธอก็โทรหาเพื่อนสนิทสองคนของเธอคือโจวลู่และซุนเสี่ยวเจี๋ย ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันอยู่ที่บ้าน
แน่นอนว่าหลังจากที่เพื่อนของเธอมาและได้พูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อแบบผู้หญิงๆ เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก
“พี่ถง ขยะในบ้านคุณไปอยู่ที่ไหนแล้ว?” โจวลู่นั่งบนโซฟาและจิบไวน์แดงหนึ่งคำ
ขยะที่เธอเอ่ยถึง เจียงเยว่ถงย่อมรู้ดีว่าหมายถึงอะไร เธอเอ่ยหัวเราะ “หลังทานอาหารเช้าเสร็จก็รีบร้อนออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปทำอะไรข้างนอก”
“จะไปทำอะไรได้อีก? ก็คงเอาเงินหนึ่งร้อยหยวนที่คุณให้มา ไปเอ้อระเหยอยู่ข้างนอกน่ะสิ” ซุนเสี่ยวเจี๋ยพูดขึ้นมา
ผู้หญิงสามคนมองหน้ากันและหัวเราะทันที
“พี่ถง ฉันนับถือคุณจริงๆ สำหรับความอดทนของคุณ” โจวลู่ฝืนหัวเราะออกมา
“ฉินเฟยนั่นขี้แพ้ขนาดนั้น ผู้หญิงที่ไหนก็คงทนไม่ไหว ตอนนี้บริษัทของคุณขาดแคลนเงินทุน ถ้าคุณมีสามีที่มีความสามารถ อย่างน้อยถึงจะหาเงินสามล้านไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็น่าจะหาเงินได้หนึ่งหรือสองล้านหยวนแน่ แต่ฉินเฟยนั่น แม้กระทั่งร้อยหยวนเกรงว่าก็คงควักออกมาให้ไม่ได้”
ส่วนฉินเฟยที่โดนเอ่ยถึง ตอนนี้ก็กำลังฟังอยู่ที่ประตู
ฉินเฟยยุ่งอยู่กับบริษัทจนดึกดื่น หลังจากอยู่ว่างมาสามปี เขาก็รู้สึกว่าความคิดหลายอย่างของตนไม่สามารถตามทันกาลเวลาได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามทุ่มเทอย่างหนัก
เมื่อถึงค่ำ เขาก็ไปถอนเงินที่ธนาคาร
หลังจากขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้ากลับมาที่ชุมชน ฉินเฟยก็กลัวว่าจะมีใครตามเขามา ดังนั้นเขาจึงแทบจะวิ่งเหยาะๆ กลับบ้านพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่หลายชั้นบนหลังของเขา เหนื่อยแทบตาย!
เจียงเยว่ถงเงยหน้าขึ้นและเห็นฉินเฟยเปิดประตูเข้ามา ด้านหลังของเขาสะพายกระเป๋าสีดำใบใหญ่ ซึ่งดูใหญ่และหนักมาก ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในนั้น
“ทำไมนายเพิ่งกลับมาตอนนี้? ในกระเป๋าพังๆ นั่นมีอะไรกัน? โยนมันทิ้งไปซะ!” เจียงเยว่ถงที่อยู่บนโซฟาเหลือบมองฉินเฟย และขมวดคิ้ว
เธอชอบความสะอาด กระเป๋านั้นทั้งพังทั้งสกปรก แต่ไอ้เวรนี่กลับวางมันลงบนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าเธอโดยตรง
“ได้ยินมาว่านายออกไปทั้งวันไม่กลับมา คงไม่ได้ไปเก็บขยะหรอกนะ? ไปเอาขยะของใครมา?” โจวลู่เอ่ยเสียดสีอย่างปากร้าย
เมื่อได้ยินแบบนั้น ซุนเสี่ยวเจี๋ยที่อยู่อีกด้านก็ฝืนยิ้ม
ใบหน้าของเจียงเยว่ถงเปลี่ยนไปทันที เมื่อมองใกล้ๆ มันคือถุงขยะสีดำใบใหญ่จริงๆ ใบหน้าสวยๆ ของเธอเย็นชาขึ้นในทันใด “ฉินเฟย ตอนนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเละเทะขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ เข้าบ้านไม่ต้องถอดรองเท้าหรือไง? สกปรกมาก!”
ฉินเฟยวางถุงลงแล้วยืดตัวขึ้นก่อนจะถอนหายใจยาว เป็นความจริงที่ร่างกายของเขาไม่สะอาดเท่าไหร่ อีกทั้งถุงของเขาก็ไม่สะอาดด้วย แต่ว่าหลายปีมานี้งานบ้านทั้งหมดก็เป็นตนที่ทำความสะอาดไม่ใช่หรือไง?
ฉินเฟยไม่ได้โกรธอะไร เขาหยิบถ้วยบนโต๊ะมาแล้วดื่มไปสองสามคำ
ถ้วยนั้นเป็นของเจียงเยว่ถง
ดวงตางามของเจียงเยว่ถงแทบจะถลึงออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง!
หรือว่าฉินเฟยรู้แล้ว ว่าแม่ของตนต้องการให้หย่ากับเขา ดังนั้นก็เลยไม่สนใจอะไรอีกต่อไป?
ฉินเฟยวางถ้วยลงแล้วเดินไปที่เจียงเยว่ถง เขายิ้มและพูดว่า “ภรรยา บริษัทของคุณต้องการเงินสามล้านหยวนอย่างเร่งด่วนไม่ใช่เหรอ? ผม…”
“โอ๊ะ!” โจวลู่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเยาะเย้ยและขัดจังหวะฉินเฟย เธอมองเขาอย่างเย้ยหยัน “ขยะก็คือขยะ สิ่งเดียวที่มีก็คือหนังหน้าหนาๆ ตัวเองเป็นขยะก็ต้องยอมรับ พี่ถงขาดเงินสามล้านหยวน แต่นายช่วยอะไรไม่ได้สักนิด ยังมีหน้ามาพูดเรื่องนี้อีก?”
“อาศัยขยะที่นายเก็บมา ทั้งชีวิตนี้ก็คงไม่มีทางได้เงินถึงสามล้าน!” พูดไป โจวลู่ก็เหลือบมองไปที่ถุงขยะที่อยู่ข้างหน้าเธอ
เมื่อเห็นว่าโจวลู่ด่าจนไม่น่าฟัง เจียงเยว่ถงก็กระซิบว่า “ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดแล้วะ”
ในการประชุมกลางปีเมื่อคืนที่แล้ว เจียงเฉิงเย่เย้ยหยันเธอ ก็มีฉินเฟยที่ออกหน้าและช่วยตัวเองเอาไว้ แถมยังโดนแม่ของเธอตบเข้า นี่ทำให้เธอรู้สึกผิดอยู่ในใจอยู่บ้าง
“พี่ถง ฉันไม่ได้ว่าพี่นะ แต่พี่ใจอ่อนเกินไป” โจวลู่เอ่ยอย่างโมโหและโกรธแทนเจียงเย่ถง “เขาเป็นผู้ชาย แต่เขากลับช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด แม้กระทั่งการงานก็ไม่มีทำ ต้องพึ่งพาคุณมาเลี้ยงดู คุณจะเก็บขยะแบบนี้ไปทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น พวกคุณก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันคงหย่ากับขยะนี่ไปนานแล้ว”
“โจวลู่!” ในเวลานี้เอง ในที่สุดฉินเฟยก็ทนไม่ไหว เขาเดินไปข้างหน้าและจ้องเธอแน่นิ่ง
“ภรรยาผมขาดเงินสามล้านหยวน คุณรู้ได้ยังไงว่าผมช่วยอะไรไม่ได้” ฉินเฟยมองเธอด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณพูดว่าถ้าผมสามารถหาเงินสามล้านหยวนมาได้ คุณจะมาเป็นผู้หญิงของผม?”
“ใช่ ฉันบอก!” โจวลู่มองขึ้นไปที่ฉินเฟยและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ถ้าอย่างนั้นนายก็เอาเงินออกมาสิ ถ้านายไม่สามารถหามันมาได้ อย่างนั้นก็มากราบฉันเป็นแม่ซะ!”
“ขอโทษที แต่ในถุงนี่มันไม่ใช่ขยะ!” ฉินเฟยยิ้มร่า เขาหมุนกลับมาและคว้าถุงขยะขนาดใหญ่บนโต๊ะน้ำชา จากนั้นก็ทิ้งของในนั้นทั้งหมดลงบนโต๊ะ
กองตั๋วเงินใบสีแดง ไหลลงมาราวกับเกี๊ยวและกองอยู่บนโต๊ะน้ำชาทันที อีกทั้งยังมีหลายๆ ใบก็ตกลงไปที่พื้น
ทันใดนั้น ทั้งห้องก็เงียบลงจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกลง!
“นาย…นายไปเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน…”
เจียงเยว่ถงมองไปที่ฉากตรงหน้าอย่างแปลกใจ เธอตะลึงจนพูดจาไม่เป็นประโยคสมบูรณ์!
ในเวลานี้ โจวลู่รู้สึกว่าขาของเธออ่อนยวบ ถึงปกติจะเห็นว่าเธอทำตัววางท่า แต่เงินเดือนของเธอก็แค่เจ็ดแปดพันเท่านั้น เงินจำนวนมากขนาดนี้มาอยู่ตรงหน้าเธอ การโจมตีทางสายตานี้ทำเอาเธอหายใจไม่ออกเล็กน้อย
“นี่…นี่น่าจะเกินสามล้านหยวนใช่ไหม?” ซุนเสี่ยวเจี๋ยเองก็มีสีหน้าประหลาดใจ เธอทำงานในธนาคาร และมักจะเห็นเงินจำนวนมากจึงไม่ตกตะลึงเท่าโจวลู่ และเธอสามารถบอกจำนวนเงินได้อย่างรวดเร็วหลังจากมองดู
“อืม นี่เงินห้าล้าน” ฉินเฟยพยักหน้าและมองไปที่ภรรยาของเขา “ใช้เงินสามล้านหยวนเพื่อเติมเต็มเงินทุนที่ขาดอยู่ ส่วนอีกสองล้านใช้เป็นเงินหมุนเวียน น่าจะพอใช่ไหม?”
เจียงเยว่ถงไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายังคงตกใจ
“หึหึ เรื่องมาเป็นผู้หญิงของฉันก็คงไม่ต้องหรอก ฉันเป็นคนแต่งงานแล้ว” ฉินเฟยมองไปที่โจวลู่และเอ่ยยิ้ม
ในเวลานี้ ในที่สุดโจวลู่ก็หายจากอาการช็อก เธอมองไปที่ฉินเฟยและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉินเฟย นายที่เป็นคนมาจากชนบท ปกติก็ไม่มีงานทำ จะไปหาเงินจำนวนมากมาได้ยังไง? เงินนี่คงไม่ใช่เงินสกปรกใช่ไหม?”
เมื่อพูดจบ ร่างกายที่บอบบางของเจียงเยว่ถงก็สั่นสะท้าน เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและคว้าแขนของฉินเฟยดึงเขาเข้าไปในห้องนอนของเธอ
นี่เป็นครั้งที่สามของ ฉินเฟยเข้ามาในห้องนอนของเจียงเยว่ถง!
เขาเคยเข้ามาในวันที่แต่งงาน และก่อนหน้านี้ก็ที่นำเสื้อผ้ามาให้เธอเมื่อไม่กี่วันก่อน
นี่ถือเป็นครั้งที่สาม
เนื่องจากเจียงเยว่ถงไม่อนุญาตให้ฉินเฟยเข้าไปในห้องนอนของเธอ ดังนั้นเธอจึงมักจะทำความสะอาดห้องด้วยตัวเอง
เจียงเยว่ถงกลับไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวลานี้ เธอปิดประตูและกระซิบด้วยน้ำเสียงกังวล “ฉินเฟย นายไปได้เงินมาจากไหน มันเป็นเงินสกปรกรึเปล่า?”
“สะอาด ไม่ต้องห่วง ผมยืมมาจากเพื่อนคนหนึ่ง” ฉินเฟยมองไปที่ใบหน้าอันบอบบางของภรรยาของเขา ในเวลานี้เธอกำลังขมวดคิ้วด้วยความกังวล
ฉินเฟยรู้สึกอบอุ่น
นั่นเพราะตั้งแต่แรกที่เขาหยิบเงินออกมา การแสดงออกของเจียงเยว่ถงนอกจากความตื่นตะลึงแล้วก็ไม่ได้มีความดีใจอะไร แต่กลับแฝงความกังวล
แม้ว่าเจียงเยว่ถงจะเย่อหยิ่งอยู่ตลอด แต่เธอก็มีน้ำใจกับตนอยู่บ้าง อันที่จริงเธอไม่ได้ใจร้าย
เขารู้จักเจียงเยว่ถง
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นประธานของว่านเซียง มูวี แต่เขาก็ไม่อยากจะเปิดเผยตัวไปอย่างโจ่งแจ้ง
เพราะเขารู้จักเจียงเยว่ถงดี เธอไม่ใช่ผู้หญิงบูชาเงิน ไม่อย่างนั้นอาศัยความสวยและภูมิหลังของเธอ ก็คงหาลูกเศรษฐีได้ไม่ยาก
หลังจากแต่งงานมาสามปี เนื่องจากฉินเฟยมีสถานะเป็นสามีที่ไร้ค่า ดังนั้นจึงยังมีคนหนุ่มมีพรสวรรค์จำนวนมากไล่ตามจีบเธอ แต่เจียงเยว่ถงกลับไม่ตอบรับ
ในความเห็นของเจียงเยว่ถง ลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยและมีอำนาจนั้นยังไม่เท่ากับผู้ชายที่สร้างทุกอย่างจากตัวเอง มีเงินที่ตนหาอย่างยากลำบากและมีทรัพย์สินเพียงไม่กี่ล้านหยวน
หากตอนนี้ฉินเฟยเปิดเผยตัวตนของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าสำหรับเจียงเยว่ถงก็แค่เป็นเพียงเรื่องโชคดีเท่านั้น ในใจของเธอก็ยังคงดูถูกตัวเองอยู่
“เพื่อน เพื่อนคนไหน?” เจียงเยว่ถง กระทืบเท้าอย่างกังวล “แต่งงานมาตั้งหลายปี ทำไมฉันไม่รู้ว่า นายมีเพื่อนอยู่ด้วย?”
ฉินเฟยรู้สึกเจ็บปวดในใจ อันที่จริงตั้งแต่ตระกูลฉินล่มสลาย บรรดาเพื่อนๆ รอบตัวต่างก็หลบซ่อนห่างไกลออกไป
ฉินเฟยไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาหันหลังออกจากห้องแล้วพูดว่า “เป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นของผม ความสัมพันธ์ดีมาก ตอนเรียนผมมักจะดูแลเขาตลอด ตอนนี้เขาเริ่มธุรกิจและหาเงินได้แล้ว ก็เลยให้ผมยืมเงิน”
ฉินเฟยเปิดประตูและเดินออกไป
ในห้องนั่งเล่น โจวลู่และซุนเสี่ยวเจี๋ยได้กลับไปนานแล้ว