ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 26 หย่าหรือ
ห้องโถงใหญ่ทั้งคฤหาสน์ไม่มีเสียงพูดคุยแม้แต่คนเดียว ได้ยินเพียงเสียงเหล็กทองคำกระทบกันส่งมาเป็นทอดๆ เท่านั้น ซึ่งดังก้องอยู่ในหู และสภาพการณ์อันตรายที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ส่งผลให้หัวใจของผู้ที่อยู่ตรงนั้นกระวนกระวายขึ้นมาทันที!
“โครม!!”
เสียงเหล็กทองคำอันหนักหน่วงดังสลับไปมาส่งเสียงดังอย่างหาที่เปรียบมิได้ ฮั่วจงเหยียนร้องครวญครางด้วยความทรมาน คาดไม่ถึงว่ากระบองเงินในมือกลับจับไว้ไม่ได้ จนตกลงไปบนพื้น
“ตุ้ม!!!”
ภาพเหตุการณ์เดิมเกิดซ้ำอีกครั้ง ฉินเฟยทำลายกรอบป้องกันกระบองเงินของเขาภายในดาบเดียว จากนั้นก็เตะฮั่วจงเหยียนกระเด็นออกด้วยฝ่าเท้าเดียวอีกครั้ง
ถ้ากล่าวว่าก่อนหน้านั้นฉินเฟยสำเร็จได้ด้วยการซุ่มโจมตี เช่นนั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นการต่อยที่ได้ชื่อว่า ดวลแชมล์เปียนให้ล้มลงอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม
อะไรนะ?
ฉินเฟย……ฉินเฟยชนะอย่างนั้นเหรอ?
บัดซบ อั๊วฝันไปหรือเปล่า?
ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องโถงในคฤหาสน์ใหญ่ก็เงียบกริบ!
ารออกแรงฝ่าเท้าของฉินเฟยรุนแรงอย่างยิ่ง หลังจากฮั่วจงเหยียนถูกเตะจนปลิว ก็ยังกลิ้งอยู่บนพื้นอยู่หลายตลบ จนกระทั่งกระแทกชนเข้ากับด้านหนึ่งของบรรไดเวียนจึงได้หยุดลง แต่ทว่าหลังของเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนแทบหายใจไม่ออก สีหน้าก็แดงระรื่ออย่างหาที่เปรียบไม่ได้
โดยง่ามระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ห้อยลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดแดงฉานก็ไหลออกมา และเนื่องจากการปะทะกันอย่างรุนแรง ง่ามระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ของเขาถูกฉีกขาดอย่างโหดเหี้ยมจนมีเลือดไหลออกมา!
“ฉันแพ้แล้ว วันนี้ฉันอยู่สภาพไม่พร้อม ไม่สู้แล้ว ไม่สู้แล้ว……” ซึ่งการประลองพละกำลังจะต้องกลั้นหายใจ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าของฮั่วเหยียนจงหน้าแดงก่ำขึ้นมา ในเวลานี้สีหน้าของเขาห่อเหี่ยวไม่มีแรง แต่กลับกลัวที่จะเสียหน้าจึงอ้างเหตุผลนี้ขึ้นมาบัดซบเอ้ย! นี่มันเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไง? ทำไมแรงเยอะขนาดนี้?
“ทำไม? เมื่อกี้ตอนที่ถูกเนื้อต้องตัวเมียฉัน ทำไมนายไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้บ้าง? ตอนนี้นายจะมาบอกว่าไม่สู้ ก็ไม่สู้เหรอ? นายคิดว่านี่เป็นการต่อสู้บนสังเวียงมวยอย่างนั้นเหรอ หา? ฉินเฟยตอบกลับอย่างเย็นชา และเดินไปตรงหน้าฮั่วจงเหยียนทีละก้าวๆ
ในเวลานี้ สีหน้าของฉินเฟยช่างเย็นชายิ่งนัก
ดวงตาของฉินเฟยหรี่ขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเตะฝ่าเท้าลงบนท้องของฮั่วจงเหยียนอย่างเต็มแรง ทันใดนั้นเขาที่ต้องเจ็บอีกครั้งร้อง‘โอ้ย’ในลำคอ และร่างก็ห่อเป็นเกลียวจนกลายเป็นรูปกุ้ง
ไม่รอให้ฮั่วจงเหยียนได้ขยับเขยื้อน มือของเขาก็พลางถูกฉินเฟยเหยียบไว้อย่างแรง
ฉินเฟยเห็นชัดเจนว่า เป็นมือข้างนี้ที่โอบอยู่บนเอวของเจียงเยว่ถง!
เอวของเมียตัวเอง เขายังไม่เคยได้โอบกอดเลยด้วยซ้ำ!
“ได้ยินว่านายจะกำจัดฉันอย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าของฉินเฟยเคร่งขรึมจนน่ากลัว และในเวลานี้เขาไม่มีจิตความสงสารมากขนาดนั้น และไม่ได้รู้สึกว่าวิธีที่ตนทำมากเกินกว่าเหตุ
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้คนที่ชนะคือเขา แล้วหากผู้ชนะคือฮั่วจงเหยียน เช่นนั้นคนที่ถูกเหยียบย่ำอยู่ก็คือตัวเขาเอง
“ฉินเฟย……ไม่เอานะ!” เจียงเยว่ถงร้องเรียกอย่างรีบร้อน ถ้าหากฉินเฟยทำลายมือของฮั่วเหยีนยจง อย่างนั้นต้องติดคุกแน่ๆ
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเข้าไปที่สถานีตำรวจ ผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอำนาจของตระกูล และหากตระกูลฮั่วออกโรงเอง ฉินเฟยก็จะตกที่นั่งลำบาก!
“ฉินเฟย อย่าทำแบบนี้” คุณย่าเจียงที่ไม่ได้พูดมาตลอดเวลาก็อดไม่ได้ที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยการร้องขอ
ตอนนี้เรียกได้ว่าตระกูลเจียงได้ล่วงเกินฮั่วเหยียนจงไปแล้ว แล้วถ้าฉินเฟยกำจัดฮั่วจงเหยียนที่นี่จริง เช่นนั้นจะเป็นการล่วงเกินของจริง และเป็นแบบไม่มีพื้นที่ให้ได้กลับตัวกลับใจอย่างไรอย่างนั้น
เธอไม่มีความสุขที่ฉินเฟยต่อสู้กับฮั่วจงเหยียนจนชนะแม้แต่น้อย แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และในใจของเธอวางแผนไว้แล้วว่า จะให้ฉินเฟยหย่ากับเจียงเยว่ถงโดยเร็วที่สุด จากนั้นไล่ฉินเฟยออกไป ด้วยวิธีนี้อาจสามารถลดความโกรธอย่างรุนแรงของฮั่วจงเหยียนหรือตระกูลฮั่วได้ส่วนหนึ่ง
“ฉินเฟย ไอ้คนไร้ค่า นี่นายคิดจะกบฏแล้วหรือไง? นายอยากตายก็อย่าลากพวกเราไปด้วย นายชนะแล้ว ก็รีบปล่อยพี่ฮั่วเดี๋ยวนี้!” เมื่อเจียงเฉิงเย่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฉินเฟย ท่าทางดูเหมือนว่าจะกำจัดเขาจริงๆ ตกใจเป็นอย่างมาก จึงกล่าวขึ้นด้วยความรีบร้อน
เขาเป็นคนเชิญฮั่วจงเหยียนมาเอง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นตระกูลเจียงจริง ไม่ต้องบอกว่าตระกูลเจียงจะมีปัญหาใหญ่ ตัวเอาเองก็อย่าหวังว่าจะรอด
ฉินเฟยไม่ได้สนใจคำพูดของคุณย่าเจียง และสำหรับคำพูดของเจียงเฉิงเย่เขายิ่งไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เพราะเพียง‘พี่ฮั่ว’คำเดียว ทำให้เขาต้องรีบหันไปมองเจียงเฉิงเย่อย่างแรง
ฮั๋วจงเหยียนมาปรากฏตัวที่นี่อย่างกระทันหัน ซึ่งหนีไม่พ้นเจียงเฉิงเย่อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคนสารเลวอย่างเจียงเฉิงเย่ก็ไม่ชอบตนอยู่แล้ว และเมื่อวานก็พึ่งถูกตนตบไปหนึ่งฝ่ามือ ด้วยความแค้นที่ติดอยู่ในใจ จึงต้องการแนะนำเมียของตนให้กับฮั่วจงเหยียน ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของฉินเฟย เจียงเฉิงเย่ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และหุบปากไม่กล้าพูดอีก
ตอนนี่ทุกคนในตระกูลเจียงพึ่งได้สติขึ้นมา พวกเขาพลางนึกฐานะของฮั่วจงเหยียนขึ้นมา ทันใดนั้นมองไปที่ฉินเฟยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มองดูเท้าที่เหยียบอยู่บนมือของฮั่วจงเหยียน กลัวว่าถ้าเขาออกแรง ฮั่วจงเหยียนก็จะถูกกำจัดเสียอย่างนั้น
ถ้ามือถูกทำลาย ฮั่วจงเหยียนก็หมดสิ้นอนาคต และก็จะเกิดเรื่องใหญ่กับตระกูลเจียง!
แต่พวกเขาก็กลัวว่าจะไปยั่วโทสะฉินเฟย ในเวลานี้ก็ไม่กล้าพูดแม้แต่น้อย เพียงมองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกกลัว
ฉินเฟยไม่ได้รู้จักฮั่วจงเหยียนด้วยซ้ำ และวางแผนที่กำจัดเขาจริงๆ แต่พอเขาได้ยินคำพูดของเจียงเยว่ถง
เขาเหงนหน้าขึ้นมองยังเจียงเยว่ถง ซึ่งเจียงเยว่ถงในเวลานี้ มีใบหน้าที่งดงามบริสุทธิ์เปียกชุ่มด้วยน้ำฝน เธอร่ำไห้และใส่ศีรษะวิ่งพุ่งมาที่ตัวเอง ไม่ให้เขาทำแบบนี้
“หนุ่มน้อย ถ้าหากนายกล้ากำจัดฉัน? ตระกูลเจียงของพวกนายจบเห่แน่?” เมื่อเห็นฉินเฟยลังเล ฮั่วจงเหยียนก็ลำพองใจขึ้นมาอีกครั้ง: “นายไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใคร? ถ้ารู้จักก็รีบปล่อยฉันได้แล้ว และคุกเข่าลงขอโทษฉัน จากนั้นก็มอบเมียนายมา!”
“นาย!พูดว่า!อะไร!นะ?!” คิ้วของฉินเฟยกระตุกขึ้นทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต
“ไม่ อย่านะ!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมาหนึ่งเสียง
สีหน้าของเจียงเฉิงเย่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แทบอยากจะพุ่งเข้าไปตบกระบานสมองฝ่อของฮั่วจงเหยียนให้หลุดเสียเดี๋ยวนั้น เวลาแบบนี้แล้วจะยังไปยุแย่ฉินเฟยอีก นี่มันไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกเหรอ? ช่างโง่เขลาจริงๆ!
“คลิก คลิก……” เวลานี้ฉินเฟยเกิดโทสะขึ้นแล้วจริงๆ นิ้วหัวแม่มือที่จับดาบเสวี่ยอิ่นอยู่ กระตุกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
มองดูดาบที่ทำท่าจะออกจากฝัก!
“ทำ……ทำไม?” นายคิดจะฆ่าฉันเหรอ?” ฮั่วจงเหยียนก็ตกใจเหมือนกัน ในใจเกิดรู้สึกเสียใจที่ไม่ควรไปกระตุ้นความโทสะของเขา แต่ก็ไม่อยากเสียหน้าเพื่อกล่าวคำขอโทษออกมา
แต่เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนว่าขี้ขลาดแล้ว
“โครม!” นิ้วหัวแม่มือที่สั่นเทาของฉินเฟยในที่สุดก็ปาดขึ้นอย่างแรง จนดาบเสวี่ยอิ่นออกจากฝักทันที
“หา!” ไม่ว่าใครเสียงใครที่อยู่บริเวณนั้นอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
ฮั่วจงเหยียนเองร้องเสียงแหลมด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน มองเห็นเพียงเงาดำที่กระพริบตรงหน้าชั่ววูบเท่านั้น ตกใจจนเขาหลับตาลง
แต่แล้วนั้นฮั่วจงเหยียนกลับไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนฝ่ามือของตัวเอง พอลืมตาดู ตกใจจนเกือบฉี่ราดรดกางเกง และดาบดาบเสวี่ยอิ่นฟันลงลงบนพื้นข้างๆตนขอของเขา
ดูเหมือนว่าเพียงออกแรงเล็กน้อย ศีรษะและร่างของเขาก็จะถูกแยกออกจากกัน!
“ฉันบอกว่า นายพูดอีกครั้ง?” ฉินเฟยกล่าวทีละคำ โดยเส้นเลือดในดวงตาสลับไปมา รัศมีการสังหารที่ระเบิดออกมาเต็มไปทั้งร่างของเขา
“ฉินเฟย!” ในเวลานี้ เซียววี่ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องโถงของคฤหาสน์หรูและไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอดพลางส่งเสียงร้องออกมา และพูดด้วยความกังวล: “นายใจเย็นก่อน”
เซียววี่ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับคนอื่น เธอรู้และเข้าใจมากกว่า การที่มีรัสมีสังการระเบิดออกมาจากร่างของฉินเฟยอย่างกะทันหันเช่นนี้ เธอคิดว่าต้องเป็นปัญหาของดาบดาบเสวี่ยอิ่นที่อยู่ในมือเขา ดาบเล่มอยู่ในมือของอาป้ามันสังหารคนไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ และเดิมทีมันก็คือดาบสังหารคนอยู่แล้ว
ดาบทรราชมีวิญญาณ ในสนามรบมันช่วยเพิ่มจิตสังหารของเจ้านายให้มีมากขึ้น และเพิ่มกำลังการต่อสู้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงครามสมัยโบราณ ถ้าฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ฉินเฟยชะงักเล็กน้อย และเหลือบมองไปที่เซียววี่ จากนั้นก็ส่งสายตามองไปยังเจียงเยว่ถงภรรยาของตน
ตอนนี้ใบหน้าของเจียงเยว่ถงเต็มไปด้วยน้ำตา และส่ายศีรษะอย่างแรงพุ่งมาที่ตน น้ำตาก็ไลหรินลงมา!
เมื่อได้เห็นภาพนี้ทำให้หัวใจของฉินเฟยยิ่งเต็มไปด้วยจิตของการสังหาร ในขณะเดียวกันเขาเองก็รู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนมีบางอย่างผิดปกติไป จนต้องหลับตาด้วยความรีบร้อน
แต่ในเวลานี้ ดาบในมือเขายังคงจ่ออยู่บนคอของฮั่วจงเหยียน คนของตระกูลเจียงที่อยู่ที่นั่นไม่กล้าเอ่ยปากพูดแม้แต่คนเดียว ด้วยเกรงว่ามือของฉินเฟยจะสั่น และฆ่าฮั่วจงเหยียนเสียตรงนั้น!
ฉินเฟยหลับตาลง เห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังควบคุมจิตการสังหารในใจตัวเองอยู่ แต่มือของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เป็นบางครั้ง
“ฉันไม่กล้าแล้ว ฉันผิดไปล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ต่อไปฉันจะไม่เหยียบเข้ามาที่ประตูบ้านตระกูลเจียงอีก และยิ่งไม่มาหาเรื่องพวกคุณอีก ฉันสัญญา นายปล่อยฉันไปเถอะ และรีบเอาดาบของนายออกเถอะ ฉันขอร้องแหล่ะนะ?!” ไม่มีใครที่ไม่กลัวตาย ยิ่งเป็นคนร่ำรวยก็ยิ่งกลัว ก็เหมือนกับจักรพรรดิสมัยโบราณที่ขอให้อายุยืนยาวก็ไม่ผิด
ยิ่งร่ำรวย ชีวิตยิ่งดี ก็ยิ่งกระหายกับอายุที่ยืนยาวมากขึ้นเท่านั้น
ดาบเล่มนี้ตัดลงบนหินอ่อน มันเหมือนกับหั่นเต้าหู้ก็ไม่ปาน และตอนนี้มันกำลังจ่ออยู่บนคอของตัวเอง จนทำให้เขาสั่นไม่หยุด!
ฮั่วจงเหยียนกลัวจนฉี่ราดแล้ว!
เสียงร้องขอชีวิตของฮั่วจงเหยียนดังขึ้น ฉินเฟยจึงลืมตาขึ้นช้าๆ เส้นเลือดของจิตสังหารในดวงตาก็ค่อยๆสลายไปมากด้วยเช่นกัน
เขาเอื้อมมือไปหยิบดาบเสวี่ยอิ่นออก โน้มตัวลงมองดูใบหน้าที่สะพรึงกลัวของฮั่วจงเหยียน แล้วตบลงไปทีละฝ่ามืออย่างเต็มแรง!
เพียะ!เพียะ!เพียะ!
เสียงตบดังสนั่น และทุกเสียงตบ ทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ชักกระตุกขึ้นอย่างไม่อาจหยุดได้
ในคฤหาสน์ใหญ่โต สายตาที่พวกเขามองฉินเฟย ราวกับมองปีศาจร้ายก็ไม่ปาน!
ไม่มีใครกล้าพูดสักคำ!
นี่……เขา……เขายังใช่ลูกเขยไร้ค่าอยู่หรือไม่?
ฉินเฟยไม่กลัวการล่วงเกินคนอื่น แม้กระทั่งไม่ลังเลที่จะฆ่าคน นั่นเป็นเพราะว่าฮั่วจงเหยียนลวนลามภรรยาของเขา!
เจียงเยว่ถงกัดริมฝีปากแน่น ซึ่งหัวใจเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก
สามปีแล้ว!
ฉินเฟย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดูเป็นลูกผู้ชายขนาดนี้!
……
ฮั่วจงเหยียนจากไปอย่างสะบักสะบอม แม้แต่อาวุธก็ไม่ได้หยิบไป ยังดีที่บอดี้การ์ดฝากถือไปด้วย และด้วยความหวาดกลัว จึงไม่กล้าพูดอะไรรุนแรงก่อนจากไป
ฮั่วจงเหยียนไม่อยากอยู่ที่นี่แม้เพียงวินาทีเดียว!
และจุดที่เขาลุกขึ้น ยังมีคราบแอ่งน้ำหลงเหลืออยู่ ส่งกลิ่นเหม็นโอบอวนออกมา นายนี่กลัวจนฉี่ราดจริงด้วย!
โดยหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึง และแน่นอนว่าคุณย่าเจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีไมตรีจิตว่า แค่เข้าใจผิดเล็กและถกเทียงกันเล็กน้อย ซึ่งพวกเขาก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว
แล้วได้รับการแก้ไขแล้วหรือ? เปล่าเลย
แต่ดันเป็นการก่อเรื่องใหญ่ขึ้น
อย่ามองว่าก่อนที่ฮั่วจงเหยียนจากไป กลัวจนไม่กล้าพูดสิ่งใด แต่คนมากมายที่อยู่ที่นั่นต่างเป็นคนที่มีประสบการณ์และความรู้กว้าง รวมถึงคนรู้จักนับไม่ถ้วน ซึ่งฮั่วจงเหยียนคนนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนต่ำทรามที่มีแค้นแล้วต้องช้ำระ และครั้งนี้เสียหน้าอยู่ที่นี่ขนาดนี้ จะต้องกลับมาหาเรื่องอีกแน่นอน!
ฉินเฟยเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบการโจมสีครั้งนี้อยู่แล้ว แต่ตระกูลเจียงก็ยากที่จะหนีพ้นได้!
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำตรวจกลับไป ก็มีเสียงซุบซิบนินทากันในคฤหาสน์ตระกูลเจียง และถึงแม้การที่ฉินเฟยลงโทษฮั่วจงเหยียนไปนั้น จะทำให้คนจำนวนไม่น้อยสุขสมใจ แต่เมื่อทุกคนสงบลง ก็พึ่งจะนึกขึ้นได้ถึงปัญหาใหญ่ที่จะตามมา!
สีหน้าของคุณย่าเจียงดูเคร่งขรึม มองไปยังเสิ่นหัว และขยิบตาให้เธอ
“ทั้งหมดนี้เกิดจากฉินเฟยที่ก่อเรื่องขึ้นเอง เยว่ถงพรุ่งนี้เธอก็รีบอย่ากับฉินเฟยซะ พวกเราดูแลชีวิตการกินอยู่ของเขามาสามปี แม้ว่าครั้งนี้เขาจะช่วยเธอไว้ แต่กลับสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับเราทุกคน ตัวเองเป็นขยะไร้ค่าไม่พอ ยังจะเป็นตัวก่อปัญหาอีก ดังนั้นต้องรีบอย่าทันที ซึ่งฉันได้ตัดสินใจแล้ว!” เสิ่นหัวเข้าใจความหมายของคุณย่าเจียงทันที จึงรีบกล่าวขึ้น
เธอต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับฉินเฟยอย่างเด็ดขาด แบบนี้ตระกูลเจียงก็อาจจะยังไม่ตกเป็นเป้าของฮั่วจงเหยียน มิฉะนั้นไม่เพียงแต่ฉินเฟยเท่านั้น แม้แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ต้องเจอกับปัญหาใหญ่ด้วยเช่นกัน!
คนในกระกูลเจียงไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา จนกระทั่งคนหนุ่มสาวหลายคนก็แสดงสีหน้าเดือดดาล เสิ่นหัวนี่มันเนรคุณชัดๆ!
ที่ฉินเฟยล่วงเกินฮั่วจงเหยียน นั่นเป็นเพราะช่วยกู้หน้าให้ลูกสาวของเขา แต่ผลที่ได้คือเสิ่นหัวจะไล่ออกจากตระกูลเจียงในไม่กี่วินาทีต่อมา และให้เขาไปตามมีตามเกิดอย่างนั้นหรือ?
แม้ว่าพฤติกรรมของเสิ่นหัวจะน่ารังเกียจ แต่คนที่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรกลับรู้สึกว่าเขาทำถูกแล้ว และนี่เป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด!
“เธอหุบปากได้แล้ว!” เจียงเฟิ่งหยุนตะคอกใส่ภรรยาด้วยความโทสะ
“ใครคือเจ้านายของบ้านหลังนี้?”
เจียงเฟิ่งหยุนมีสีหน้าเดือดดาล และพูดด้วยความโมโห “หย่าอะไรกัน? ฉันเจียงเฟิ่งหยุนไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ เว้นแต่ฉันตายไปแล้ว!”
“เขยฉินเฟยคนนี้ ฉันรับไว้แล้ว!”
“จะหย่าหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของหนูเอง” เจียงเยว่ถงพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
ทุกคนส่งสายตามองไปที่เธออย่างแรง ด้วยสีหน้างุนงง ถึงขนาดมีอาการตื่นเต้นเล็กน้อย
เจียงเยว่เม้มปากและพูด: “หนูเองก็ไม่เห็นด้วยกับการหย่า”