ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 30 เชื้อเชิญก่อนเหรอ
ฉินเฟยตะลึงตาค้าง พักหนึ่งคิดว่าตัวเองตัวเองฟังผิดจนเกิดเป็นภาพหลอน แล้วถ้าตัวเองไม่ได้ฟังผิด? เจียงเยว่ถงปล่อยให้ตัวเองเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอเหรอ? ให้ตัวเองนอนกับเธออย่างนั้นเหรอ? นี่มันอะไรกัน?
เมื่อเห็นเจียงเยว่ถงกระทืบเท้าจากไปด้วยสีหน้าแดงเขินอาย สติของฉินเฟยก็กลับมา และรับพูดขึ้น “เต็มใจ เต็มใจ ผมเต็มใจแน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นของฉินเฟยแล้วนั้น ในใจของเจียงเยว่ถงก็เสียใจภายหลังเล็กน้อยขึ้นมาทันที แก้มยิ่งแดงจนร้อนรุ่ม และแอบด่าตัวเองว่า คืนนี้สมองมีปัญหาหรือไง? ตัวเองชิญฉินเฟยมานอนด้วยกันจริงเหรอ? เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่ออีกครั้ง ในใจก็ยิ่งเขินอายและสับสน
แต่ว่า ที่บ้านนอกจากฉินเฟยก็ไม่มีคนอื่นแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉินเฟยช่วยมาหลายครั้ง และเนื่องจากสามปีที่ผ่านมาฉินเฟยไม่เคยคิดผิดกับเธอเลย เธอมักจะรู้สึกว่ามีฉินเฟยอยู่ข้าง เธอก็สบายใจ
“ฉันแค่กลัวนิดหน่อยเท่านั้น นายก็อย่าคิดมากนัก” เสียงเยว่ถงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองสงบลง ใบหน้าสวยงาเปลี่ยนมาเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันที “และอีกอย่างหนึ่ง ฉันขอเตือนนายก่อนว่า นายจะมาถูกเนื้อต้องตัวฉันไม่ได้เด็ดขาด!”
ถึงแม้ว่าสีหน้าจะจริงจัง แต่ท่าทางบุ้ยปากนั้น ก็มีความนีรักอีกแบบหนึ่ง
“ไม่หรอก ที่รักกลัวนี่ ผมก็ต้องอยู่ข้างกายที่รักแน่นอนอยู่แล้ว” ฉินเฟยพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่ในใจกลับแอบสุขสม เดิมคิดว่าภรรยาของตัวเองเป็นแบบพิษร้ายไม่อาจกล้ำกลายได้ แต่ถึงไม่ถึว่ายังคงเป้นผู้หญิงบอบบาง! ซึ่งท่าทางของผู้บอบบางนี้ ทำให้ฉินเฟยยิ่งชอบเข้าไปใหญ่
เรียก ‘ภรรยา’ เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้เจียงเยว่ถงยากที่จะทำให้หน้เย็นลงได้ เมื่อก่อนเธอเกลียดคำเรียกที่ฉินเฟยใช้เรียกตนเองนี้มาก แต่เวลานี้เธอก็ขึ้นเกียจที่จะไปคิดเล็กคิดน้อยแล้ว และพรุ่งนี้ตัวเองยังต้องไปทำงานอีก คืนนี้เธอจะไม่นอนก็ไม่ได้ โดยลังเลสักพักและพูดขึ้น “นายไปอาบน้ำก่อน ฉันรอนายอยู่ที่ห้อง”
เจียงเยว่ถงรักความสะอาดมาตลอด และคืนนี้ฉินเฟยก็ยังไม่ได้อาบน้ำ เมื่อเสียงพูดจบลง แก้มของเจียงเยว่ถงแดงก่ำขึ้นอีกครั้ง เมื่อครู่ตัวเองพึ่งพูอะไรไปเนี่ย พูดเหมือนกับว่า…… “โอเค โอเค”
ไม่รู้ว่าฉินเฟยไม่ยินชัดหรือไม่ เขาเพียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และมุดหายวับไปกับตาในห้องน้ำ โดยไม่ได้ล้อเลียนเธอ แต่ก็ทำให้เจียงเยว่ถงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตระกูลเจียง!
ในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเจยีง เจียงเฟิ่งหยุนและเจียงเฟิ่งหยู่ได้กลับไปแล้ว ส่วนอาหญิง้ล็กเจียงเฟิ่งซวงก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน มีแต่เจียงเย่เฉิงที่ยังไม่ได้กลับไป
ในขณะนี้ในห้องน้ำชาเล็กบนชั้นสอง เจียงเฉิงเย่มองคุณย่าเจียงที่ขมวดคิ้วจนแน่น ในใจร้อนร้นเป็นอย่างมาก การล่วงเกินฮั่วจงเหยียน ต้องไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเจียงแน่ และผลจากการปรึกษาหารือของคุณพ่อพวกเขาทั้งสามคนคือ เรื่องนี้ตระกูลเจียงต้องร่วมแรงร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และรับผิดชอบด้วยกัน! ซึ่งยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ สิ่งสำคัญคือ ต้องหาวิธีร่วมกับว่านเซียง มูวี!
“คุณย่าครับ ผมเห็นว่าแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังพอมีอสังหาริมทรัพย์อยู่บ้าง แต่มีหลายบริษัทก็ไม่ทำเงินเลย จนกระทั่งยังขาดทุนอยู่ด้วยซ้ำ” เจียงเฉิงเยว่กลอกลูกตาเล็กน้อยและพูดเสนอความคิด
“อืม เธอพูดต่อสิ” คุณย่าเจียงพยักหน้า เธอรู้ว่าหลานชายคนนี้เป็นคนมีความคิดมาโดยตลอด
“คุณย่าเองก็น่าจะคิดได้เช่นกัน ในเมื่อความร่วมมือกับว่านเซียง มูวี จะทำเงินได้แน่นอน และต้องทำเงินได้มหาศาลแน่ เช่นนั้นทำไมเราไม่เอาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลจียงมาขายสมบัติพัสถานออกไปบางส่วน เพื่อแลกเป็นเงินมาลงทุนกัลโครงการนี้เหล่ะครับ?” เจียงเฉิงเยว่พูดอย่างลำพองใจ เมื่อเห็นคุณย่าเจียงพยักหน้าหน่อย ก็รีบพูดต่อว่า “อย่างเช่นบริษัทฉีแยของเจียงเยว่ถง และเรื่องนี้คุณย่าต้องรู้แล้วแน่นอนว่า ก่อนน้านั้นเธอขาดทุน แต่ว่าไม่รู้ว่าไปยืมเงินสามล้านมาจากใครเพื่อนำมาหมุนเวียน อย่างเช่นบริษัทแบบนี้ เก็บไว้ไม่เพียงไม่ทำกำไร กลับมาขาดทุนอีก สู้ขายทิ้งเลยดีกว่า!”
“ฮึ ทำให้ฮั่วจงเหยียนขุ่นเคือง เรื่องความหายนะนี้ล้วนเป็นเจียงเยว่ถงและของไร้ค่าอย่างฉินเฟยเป็รคนก่อขึ้น มิหนำซ้ำบริษัทเธอก็ได้กำไรอีก!”
“อืม……” คุณย่าเจียงพยักหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเธอกลับไปสรุปว่า มีบริษัทไหนบ้างที่ไม่ได้ทำไร หรือว่าไม่มีศักยภาพใดๆ ในอนาคต สิ่งเหล่านี้ควรขายให้หมด หากไม่ขายมีแต่จะลากตระกูลเจียงให้ตกต่ำ นอกจากนี้ เขาหลีเสวี่ยที่เรารับเหมาก่อนหน้านี้ ก็ขึ้นราคาไม่น้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างงั้นก็ไม่ต้องซื้อแล้วเหมือนกัน เธอช่วยหาผู้ซื้ออีกเจ้าให้ด้วย”
“เขาหลีเสวี่ย? ที่นั่น……คุณย่าไม่เสียดายหรือครับ?” เจียงเฉิงเย่ลังเลอยู่พักหนึ่ง
“เสียดายแล้วจะทำอะไรได้? อย่างไรเสียตระกูลเจียงของเราก็ไม่เงินมีมากขนาดนั้นที่จะพัฒนาที่นั่น สู้ขายเพื่อเอาเงินมาใช้ในการลงทุนจะดีกว่า” คุณย่าเจียงกล่าว
“ได้ครับ อย่างงั้นผมจะกลับไปหาผู้ซื้อ หลังจากนั้นสรุปทรัพย์สินสังหาริมศัพย์ของตระกูลเจียงเราที่จะนำมาขาย สรุปก็คือจะเก็บบริษัทฉีแยของเจียงเยว่ถงไว้ไม่ได้!” เจียงเฉิงเย่พูดพึมพำขึ้น
“ได้ อย่างนั้นเธอไปทำธุระก่อนเถอะ” คุณย่าเจียงโบกมือด้วยความอ่อนล้าเล็กน้อย
……
ซิงล้างมือ ณ หมู่บ้านเทียนหลัน!
หลังจากที่ฉินเฟยอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนที่ปิดมิดชิดมากกว่าของเจียงเยว่ถง! ซึ่งนี่เป็นความเคยชินที่ปลูกฝังมาในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา โดยเขาไม่สามารถใส่กางเกงบ็อกเซอร์อยู่ในบ้านได้ ยิ่งคืนนี้ที่ต้องนอนกับเจียงเยว่ถง จะให้มาโดนภรรยาตำหนิตัวเองว่าแอบคิดไม่ซื่อจนถูกไล่ออกมา เพียงเพราะพวกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่ได้! นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว เขายังแปรงฟันแล้วด้วย ถึงแม้จะรู้ดีว่าตัวเองกับเจียงเยว่ถงไม่ทางเกิดเรื่องอย่างว่าขึ้นแน่นอน แต่ในปากก็ต้องมีลมหายใจที่สะอาดสดชื่น จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับของภรรยา!
“ผมเข้าไปแล้วนะ……” จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟยกลั้นความตื่นเต้นในใจไว้ พยายามให้น้ำเสียงของตัวเองเป็นธรรมชาติขึ้น และยืนทักทายอยู่หน้าประตู
ในห้องนอน เจียงเยว่ถงพิงอยู่ที่หัวเตียง โดยชุดนอนกระโปรงสีดำทั้งตัว ทำให้คนรู้สึกอยากจะสำรวจความลึกลับนั้น และเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ คืนนี้ถึงอยากใส่สวยขึ้นมา แต่เสียงของฉินเฟยที่อยู่หน้าประตู ก็ทำให้เจียงเยว่ถงหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง อะไรคือเข้ามาแล้วนะ!
เมื่อเจียงเยว่ถงไม่ตอบอะไร ฉินเฟยก็ไม่กล้าเข้าไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว จนเขารู้สึกหงุดหงิดในใจ และบ่นอยู่ในใจว่าหรือเป็นเพราะตัวเองระงับความตื่นเต้นในใจไม่อยู่ จึงทำให้เจียงเยว่ถงตกใจกลัวหรือเปล่า? ที่จริงแล้วในมุมมองของเจียงเยว่ถง การที่เธอไม่พูดก็คือตกลงโดยปริยาย แต่ว่าภายใต้ความประหม่าของเธอ เมื่อรอแล้วรอเล่า ฉินเฟยก็ยังไม่เข้ามาอีก! กระทั่งเจียงเยว่ถงโมโหหนัก
ทันใดนั้นเสียงหลุด ‘ก๊าก’ หัวเราะออกมา จนเธอยิ้มด้วยความโมโหอีกครั้ง นายคนนี้ให้เกียรติตัวเองมากเกินไปแล้วหรือเปล่า เหมือนกับว่า……ตนเองเป็นเทพธิดาที่ล่วงละเมิดไม่ได้ในสายตาของเขา
เจียงเยว่ถงเม้นปากบางของเธอและพูดอย่างเคืองๆ ว่า” รีบเข้ามาสิ!”
“อ้อ อ้อ”
ฉินเฟยพึ่งเดินเข้าไปในห้องนอน ไม่ทันไรโคมไฟตั้งโต๊ะก็ปิดลง จนมืดไปหมด เห็นได้ชัดว่าเจียงเยว่ถงไม่อยากให้เขาเห็น สิ่งที่ไม่ควรเห็น ฉนเฟยถอนหายใจขึ้นหนึ่งลมหายใจ และเขาก็รู้ดีว่าเจยีงเยว่ถงไม่ใช่หญิงสาวที่จะซาบซึ้งกับอะไรได้ง่ายๆ เจียงเยว่ถงอาจจะซาบซึ้งใจ แต่จะไม่มีทางอุทิศตนและทำเรื่องโง่ๆ เพียงเพราะความซาบซึ้งใจ อย่างไรก็ตามคืนนี้ได้นอนกับเจียงเยว่ถงในห้องนอนเดียวกัน เขาก็มีความสุขแล้ว
“ผมจะเอาไปเอาผ้าห่ม คืนนี้ผมจะปูพื้นนอนอยู่นี่ที่” ฉินเฟยพูดขึ้นเมื่อปรับตัวกับความตรงหน้าได้แล้ว
เจียงเยว่ถงที่นอนอยู่ในผ้าห่มชะงักขึ้น และพูดในใจว่าเขาสองคนใจก็ตรงกันเหลือเกิน เธอเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน! แต่ความแบบนี้ก็แค่ความคิดชั่ววูบเท่านั้น และเธอก็ปฏิเสธขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกคนอื่นมาและกลับให้เขานอนที่พื้นงั้นเหรอ? เรื่องแบบนี้เจียงเยว่ถงทำไม่ลงจริงๆ!
“ไม่ไปต้องแล้ว นายก็นอนบนเตียงนี่เหล่ะ” เจียงเยว่ถงพูดขึ้น ถือว่าเป็นการให้รางวัลเขาแล้วกัน!
“คุณแน่ใจนะ?” ฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น พูดจบก็ยากตบหน้าตัวเองสักที ทำไมเขาโง่แบบนี้?
“แต่ขอบอกก่อน นายจะรังแกฉันไม่ได้รู้ไหม? ได้ยินหนือยัง?” เจียงเยว่ถงเตือนด้วยเสียงแข็ง
“ผมก็อยากนะ สิ่งสำคัญตอนนี้คือต่อให้ผมจะมีใจ แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง” ฉินเฟยยิ้มอย่างขมขื่น ซึ่งหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาพึ่งรู้สึกถึงความอ่อนล้าที่ค่อยๆ พุ่งเข้ามา เมื่อฝ่ามือที่ได้รับบาดเจ็บโดนน้ำ กลับมีอาการเจ็บแปลบขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าตอนนี้มีใครก็ตามที่เข้ามา ล้วนไม่ใช่ตู่ต่อสู้ของเขา แต่จะไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่คิดจะทำอะไรเจียงเยว่ถงอยู่แล้ว
เจียงเยว่ถงไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ในใจของเขา ก็เหมือนกับเทพธิดาที่ไม่อาจล่วงละเมิดได้อย่างไรอย่างนั้น และเจียงเยว่ถงมีนิสัยที่แกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรี เรื่องที่เธอไม่อนุญาตให้ทำ ตัวเองไม่มีทางบังคับให้เธอทำ สามปีที่อยู่ด้วยกัน เขารู้จักเจียงเยว่ถงเป็นอย่างดี
“อะไรคือมีใจแต่ไม่มีแรง ดีที่สุดคือแม้แต่จะคิดก็ไม่ได้!”
“ผมรู้แล้ว”
……กลางดึก! ในห้องนอนเงียบกริบ ฉินเฟยแข็งทื่อเหมือนศพ ที่นอนอยู่ข้างกายเจียงเยว่ถง โดยไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย แม้แต่การหายใจก็ยังพยายามรักษาความสมดุลไว้
เจียงเยว่ถงโตมาขนาดนี้นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้นอนเตียงเดียวกันกับผู้ชาย แม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายของเธอ แต่ในใจของเธอก็ยังไม่มั่นใจมากนัก และช่วงนี้ฉินเฟก็ปลี่ยนไปเยอะเช่นเดียวกัน แม้ว่าในความคิดของเธอ ยังเป็นฉินเฟยคนที่คุ้นเคย เชื่อฟังตัวเองเสมอ และยังคงกลัวอยู่เช่นเดิม แต่กลับรู้สึกว่ายังบางส่วนที่ยังไม่คุ้นเคย……อย่างไรก็ตามท่าทางของฉินเฟยทำให้เจียงเยว่ถงตลกขบขันขึ้นมาในใจอีกครั้ง ราวกับว่าตัวเองเป็นผ็ชาย และฉินเฟยเป็นผู้หญิงขี้อาย ที่นอนอยู่ตรงนั้นโดยไม่กล้าขยับไปไหน
ความตลกที่เกิดขึ้นในใจ ก็ทำให้ความรู้สึกแปลกหน้าที่มีต่อฉินเฟยจางหายไปเช่นกัน และในที่สุดใจของเธอก็สงบลง แต่ไม่ว่าอย่างไร นี่เป็นครั้งแรกที่ได้นอนกับผู้ชาย เจียงเยว่ถงมีความกังวลอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรฉินเฟยก็คือสามีของตัวเอง และเธอรู้ดีว่าตัวเองสวยแค่ไหนแล้วถ้าอยู่ๆ สันดานสัตว์ของนายนี่กำเริบแล้วรังแกตัวเองขึ้นมาจะทำอย่างไร? ไม่หรอกมั้ง? มันแน่นอยู่แล้ว! เธอพึ่งจะปลอบตัวเองให้หลับตาลง ทันใดนั้นเสียง ‘สวบสาบ’ ดังมาจากข้างๆ หู
หัวใจที่พึ่งผ่อนคลายลงของเจียงเยว่ถงก็เคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้งทันที สัญชาตญาณบอกเธอว่า เสียงเบาๆ นี้ออกมาจากฉินเฟยที่อยู่ข้างกาย หรือว่านายนี่ยังไม่นอน? เจียงเยว่ถงอยากลืมตาขึ้นมาดูแ แต่ในใจกลับลุลี้ลุกลุน ร่างกายก็ร้อนร่มขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ โดยก็ไม่กล้าลืมตาด้วยซ้ำ แต่กลับยิ่งปิดตาให้แน่นขึ้น ในใจก็อธิษฐานให้ฉินเฟยรับหลับอย่างต่อเนื่อง
ฉินเฟยเองก็อยากนอน แต่ศพแข็งทื่อที่ไม่ได้ขยับ อย่างไรก็นอนไม่หลับ จึงต้องหาท่าที่สบายๆ ค้างไว้สักพักก่อนถึงจะได้ เหตุผลที่ต้องแกล้งหลับ คือไม่อยากให้เจียงเยว่ถอึดอัดใจเกินไป เขารู้จักเจียงเยว่ถงดี มีแต่เขาหลับแล้ว ผู้หญิงคนนี้ถึงจะกล้านอนอย่างสบายใจ แต่มีผู้หญิงอรชรอ้อนแอ้นนอนอยู่ข้างกาย เขาจะนอนได้อย่างไร?
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ฉินเฟยที่หลับตาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเจียงเยว่ถงที่อยู่ข้าง ๆ กําลังจ้องมองตัวเองอยู่
ในผ้าห่ม เจียงเยว่ถงชะโงกศีรษะเล็ก ๆ ออกมา และมองซ้ายและขวาบนใบหน้าของฉินเฟยในความมืด แน่ใจว่าในที่สุดเขาก็หลับไปแล้ว ในใจจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉินเฟยนอนหลับด้วยท่าทางที่ดูสงบ จู่ๆ เจียงเยว่ถงก็พบว่า ดูเหมือนสามีของตัวเอง……ก็หล่อเหมือนหัน ความคิดล่องลอยไป จนเจียงเยว่ถงอดนึกถึง เมื่อตอนที่ยกมือขึ้นพร้อมกันกับฉินเฟยกล่าวคำมั่นสัญญาในวันที่จดทะเบียนสมรส ซื่อสัตย์ต่อความรักตลอดชีวิต ไม่อยู่หรือตาย…… ก็นึกขึ้นได้ว่า ความขยันหมั่นเพียรสามปีของผู้ชายคนนี้ ดูแลตัวเองอย่างพิถีพิถัน และเมื่อนึกถึงคืนนี้ เวลาที่เขาโอบกอดตัวเอง ความเจ็บปวดและความอ่อนโยนบนใบหน้านั่น และความโทสะ……
จําได้ว่า ตอนที่เขาเกิดโทสะ ที่ฮั่วจงเหยียนลวนลามตัวเอง ท่าทางที่สู้สุดชีวิต จนอยากจะฆ่าเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป! ผุ้ชายแบบนี้…… มุมปากของเจียงเยว่ถงกระตุกขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าอยู่กับผู้ชายคนนี้ทั้งชีวิต ก็ไม่เลวเหมือนกัน……เจียงเยว่ถงน่าจะหลับไปแล้ว ลมหายใจของเธอเปลี่ยนเป็นปกติ
กลิ่นหอมจางๆ แทรกซึมเข้ามาที่ปลายจมูก ผสมกับกลิ่นน้ําหอมและครีมอาบน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ของเจียงเยว่ถง ทําให้ฉินเฟยรู้
อย่างชัดเจนว่า เทพธิดาที่หยิ่งผยองและไม่ยิ้มออกมาง่ายๆ ในใจของเขา ในเวลานี้สวมชุดนอนผ้าไหมแท้นอนอยู่ข้างกายตัวเอง ภายใต้ชุดนอนกระโปรงไหมแท้ เป็นร่างกายที่ทําให้ตัวเองหลงใหล……
พอนึกถึงตรงนนี้ หัวใจของฉินเฟยเต้น ‘ตูบ ตูบ’ ไม่หยุดอย่างควบคุมไม่ได้ และค่อยๆ พลิกตัว มือข้างหนึ่งยื่นออกไปทางร่างกายออดอ้อนอรชรที่อยู่ข้างกายอย่างไม่สามารถควบคุมได้……