ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 32 ตัวตนของฉินเฟยถูกเปิดเผยอย่างนั้นหรือ
เจียงเยว่ถงไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตนเองเดินออกจากวิลล่าตระกูลเจียงได้อย่างไร เหมือนวิญญาณล่องลอยไร้สติ
ฝันของเธอสลายไปหมดแล้ว!
แต่ว่า บริษัทฉีแยเป็นของปู่เธอที่มอบให้กับพ่อของเธอ ต่อมาเธอกลับจากต่างประเทศ พ่อก็มอบบริษัทให้เธอดูแล
เจียงเยว่ถงรู้สึกว่าตัวเองแย่ไปหมด ไม่ค่อยมีสติ สายตาเหม่อลอย ไม่รู้ว่าตนเองควรจะไปที่ไหน
โดยเฉพาะตอนนี้ เนื่องจากว่าได้ร่วมลงทุนกับว่านเซียง มูวี พนักงานทุกคนในบริษัทฉีแยก็กำลังกระตือรือร้นกับงานที่ได้ ตอนนี้ตนเองกลับจะไปประกาศว่าจะขายบริษัททิ้ง……
เจียงเยว่ถงหายใจเข้าลึก แล้วก็เดินโซเซเข้ารถไป
……
หลังจากประชุมระดับสูงไปหนึ่งหนึ่งชั่วโมง ฉินเฟยก็เหนื่อยมาก พอออกจากว่านเซียง มูวีก็ขี่รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้ามุ่งหน้ากลับไปยังตลาดของโบราณ
เขาเพิ่งได้ข่าวมา ว่าเซียววี่ซ่อมแจกันหิมะเสร็จแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันเกิดของคุณย่าเจียงพอดี ได้เวลาเหมาะเจาะพอดี
พอขี่รถมาถึงกู่ยิ่นถัง จางผิงหัวโล้นก็กำลังชี้นิ้วสั่งให้พนักงานมาเช็ดกระจกร้าน พอเห็นว่าฉินเฟยเข้ามา ก็ยิ้มพูดว่า “อ้าว น้องฉิน”
หลายวันนี้ฉินเฟยมาบ่อยมาก จางผิงก็สังเกตเห็นแล้ว ฟังจากน้ำเสียงของคุณผู้หญิงที่พูดจากับฉินเฟยอย่างเคารพ เขาก็เลยต้อนรับเป็นอย่างดี
“ครับ พี่จาง” ฉินเฟยตอบรับ
“คุณผู้หญิงรออยู่ที่ด้านหลังแล้วครับ แต่ว่าระวังหน่อย ผมรู้สึกว่าคุณผู้หญิงจะอารมณ์ไม่ดี”
ฉินเฟยอึ้ง อารมณ์ไม่ค่อยดีอย่างนั้นหรือ?
ประจำเดือนมาหรือไง?
ฉินเฟยเดินเข้าไปด้านหลังอย่างสงสัย เซียววี่ก็กำลังนั่งรออยู่ตรงนั้น
วันนี้เธอสวมกระโปรงยาว ลายต้นไผ่ เรียบง่ายสวยหรู ดูเป็นผู้ดี แถมยังยืนตัวตรงสง่างาม ทำให้คนต้องมองหลายๆ ครั้ง
และที่ข้างมือของเธอ ก็คือแจกันหิมะ
“คุณเซียว รอนานไหมครับ?” ฉินเฟยเดินไปพูดไป
“โชคดีที่สำเร็จลุล่วงไม่ทำให้คุณผิดหวัง” เซียววี่เห็นฉินเฟยเดินเข้ามา ก็ยิ้มเบาๆ มือน้อยๆ ของเธอก็หยิบแจกันหิมะขึ้นออกมาอย่างระวัง
“ให้ผมดูหน่อย” ฉินเฟยยืนมือไปอย่างดีใจ เซียววี่ก็ยืนให้อย่างเสียดาย
ฉินเฟยก็ตรวจดูตรงรอยซ่อมแซม แล้วก็พยักหน้า พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้เซียววี่ “สุดยอดมาก!”
“คุณคงจะใช้เวลาและแรงไปไม่น้อย ราคาคุณว่ามาเลย” ฉินเฟยมองซ้ายมองขวาก็พอใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าอย่างไรเสียก็เคยถูกซ่อมแซมมาแล้ว มองดูดีๆ ก็เห็นได้
แต่สามารถซ่อมได้ขนาดนี้ ช่างซ่อมเครื่องปั้นดินเผาในเมืองซงไห่ยังทำไม่ได้ขนาดนี้
การซ่อมเครื่องปั้นดินเผาเป็นงานฝีมือเฉพาะ ไม่ใช่เอากาวร้อนมาติดง่ายๆ แล้วเสร็จ มันต้องคิดค่าแรง และแพงมากด้วย
“เรื่องราคาช่างเถอะ ตอนนั้นฉันจะช่วยเอง และฉันก็ชอบแจกันหิมะนี้มากด้วย ฉันไม่คิดเงินก็แล้วกัน” เซียววี่พูดเบาๆ
ฉินเฟยก็อึ้ง แล้วมองเซียววี่ด้วยสายตาแปลกๆ “คุณเหมือนจะพูดเป็นนัย…”
“หมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยววี่เงยหน้าขึ้น ใบหน้ารูปไข่ของเธอมีความแปลกใจ
ฉินเฟยยิ้มยิงฟัน สายตาก็มองดูเซียววี่ “คุณเซียวจิตใจงดงาม เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่พูดจาอ้อมค้อมเหมือนจะไม่ใช่นิสัยของคุณ”
ฉินเฟยพูดเยินยอได้น่าฟัง แต่กลับทำให้เซียววี่หน้าแดงทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะสายตาที่เฉินเฟยมองดูเธอ เหมือนกับถูกมองทุกซอกทุกมุมไปแล้ว ทนกับสายตาของเขาไม่ไหว เลยพูดไปว่า “แจกันหิมะนี้ คุณจะเอาไปให้คุณย่าเจียงใช่ไหม?”
“ผมคิดไว้อย่างนั้น”
“ครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าเจียง แต่ว่าแจกันหิมะมีรอยร้าว มันไม่ค่อยเป็นมงคล คุณว่าไหมล่ะ?” เซียววี่กล่าว
ฉินเฟยก็นิ่ง แล้วก็เข้าใจความหมายของเซียววี่ขึ้นมาทันที จากนั้นก็พยายามยิ้มพูดไปว่า “ผมรู้สึกว่าคุณน่าจะอยากได้แจกันหิมะนี้นะ”
“ห้ะ?” เซียววี่ส่งเสียงตกใจออกมา เห็นใบหน้าที่พูดอมยิ้มของฉินเฟย ใบหน้ารูปไข่ของเธอก็แดงก่ำอีกครั้ง เธอรู้ว่าความคิดของตนเองถูกฉินเฟยมองออกหมดแล้ว
เซียววี่กัดปากพูดว่า “คุณพูดถูกต้อง แต่ว่าปัญญาชนไม่แย่งของชอบใคร ช่วงเวลาที่ฉันซ่อมมัน ก็ได้ชอบมันมาก คุณคิดว่าให้ฉันเอาสิ่งของที่มีราคาพอๆ กันแลกได้ไหม?”
พูดจบ เซียววี่ก็เงยหน้ามองฉินเฟย ดวงตาสวยๆ ทั้งสองข้างก็ไม่อยากจะละไปจากแจกันหิมะแม้แต่น้อย
“คุณเป็นปัญญาชนงั้นหรือ?”
“ห้ะ?” สายตาที่มีความหวังของเซียววี่ถูกฉันเฟยพูดใส่เสียจนมึนงงไปเลย ตั้งสติกลับมาไม่ทัน
“คุณเซียวพูดจาเป็นปรัชญามาก แจกันหิมะเป็นของชอบของคุณ คุณพูดเตือนผม ว่าถ้าผมเป็นปัญญาชน ก็จะไม่แย่งของชอบของคุณ ถ้าผมไม่แลกกับคุณ ผมก็เป็นคนเลว” ฉินเฟยพูดอย่างทำอะไรไม่ได้
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เซียววี่ส่ายหัวปฏิเสธ มุมปากก็อมยิ้ม ถามกลับไปว่า “แล้วคุณเป็นปัญญาชนหรือเปล่าล่ะ?”
“ผมไม่ใช่ปัญญาชน แต่ว่าผมสามารถแกล้งเป็นปัญญาชนสักครั้งได้” ฉินเฟยมีสีหน้ายอมจำนน นั่งพูดอยู่บนเก้าอี้ไม้ว่า “คุณจะเอาอะไรมาแลกกับสมบัติของผม?”
ดวงตาใสๆ ของเซียววี่ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที หันตัวไปทางตู้ไม้ข้างๆ แล้วนั่งลงค้นหา กระโปรงเปิดออกจนเผยให้เห็นขาขาวๆ ครึ่งขา น่ามองอย่างมาก
เห็นๆ อยู่ว่าเซียววี่เตรียมการไว้แล้ว ไม่นานก็หาจนเจอ พร้อมกับลุกขึ้น ในมือก็ถือกล่องไม้ลวดลายหงส์ กล่องดูเก่ามาก แล้วก็ยื่นให้กับฉินเฟยอย่างเสียดายเหมือนกัน
ฉินเฟยรับมาอย่างระวัง ค่อยๆ เปิดกล่องออก ด้านในเป็นแหวนหยกนิ้วหัวแม่มือสีเหลืองอ่อน อยู่ในถุงทำจากเส้นด้ายทองคำ
“นี่คือ?” ฉินเฟยมองดูอย่างละเอียด
“ไหนลองว่าราคาของแหวนหยกนิ้วหัวแม่มือนี้มาซิ” เซียววี่ก็อารมณ์ไม่ดีราวกับประจำเดือนมา กวาดมองโดยรอบ แล้วก็เม้มปากมองดูฝีมือการตีราคาของฉินเฟย
“แหวนหยกหัวแม่มืออันนี้จะมีอายุเก่ากว่าแจกันหิมะหน่อย” ฉินเฟยพูดออกมา
“ด้านในของแหวนมีตัวอักษร ง่อ ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นยุคสามก๊ก ง่อก๊กเจียงตง”
“คุณมองเห็นถึงที่มาของมันไหม?” เซียววี่พยักหน้าเบาๆ เชื่อว่าจุดนี้ ถ้าคนมีความรู้หน่อยก็น่าจะเดาออกได้
“ในเมื่อคุณคิดว่าแหวนหัวแม่มือวงนี้สมราคากับแจกันหิมะ อย่างนั้นก็เดาได้ง่ายหน่อย” ฉินเฟยยิ้มเบาๆ “องค์หญิงเหวินเฉิงถูกคนรุ่นหลังสรรเสริญมาตลอด และง่อก๊กในสมัยสามก๊ก ก็มีหญิงเก่งกล้าสามารถอยู่คนหนึ่ง ไม่ใช่ไต้เกี้ยวเสี่ยวเกี้ยวที่ชายหมายปอง แต่เป็นอู๋กั๋วไท่”
“รอบนอกของแหวนมีรอยเสียดสีจนยุบลงไป คิดว่าน่าจะเกิดจากการที่อู๋กั๋วไท่จับไม้เท้าหลายปี แถมมันยังมีความหมายที่ดีอีกด้วย อู๋กั๋วไท่อายุมากแล้วก็ยังทำงานเพื่อชาวง่อก๊ก และคุณย่าเจียงก็เหมือนกัน เหนื่อยกายเหนื่อยใจเพื่อตระกูลเจียง” ฉินเฟยยิ้มพูดไป แต่ว่าน้ำเสียงดูเจื่อนๆ
คุณย่าเจียงยอมทำทุกวิถีทาง เพื่อส่วนรวมของตระกูลเจียง เมื่อวานก็เกือบจะขายภรรยาของไปเสียแล้ว!
“ตกลงแลกกันนะ?” เซียววี่พูดอย่างมีความหวัง สายตาก็รอคอย
ดูเหมือนว่า ฉินเฟยจะพูดถึงที่มาของแหวนวงนี้ถูกต้อง มันเป็นของอู่กั๋วไท่
“ถ้าไม่ยอมแลก คิดว่าคงจะเดินออกไปไม่พ้นประตูของกู่ยิ่นถัง” ฉินเฟยพูดติดตลก
เซียววี่ก็เม้มปากยิ้ม แล้วพูดตลกว่า “คุณรู้ก็ดี!”
ฉินเฟยเดินออกไปจากกู่ยิ่นถัง เซียววี่ก็ออกมาส่ง และเซียววี่ก็จะไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าเจียงเหมือนกัน ไม่นานทั้งสองคนก็จะได้เจอกันอีก
ฉินเฟยขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า แล้วก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง!
นั่นก็คือ ครั้งก่อนที่ได้เจอตาแก่แปลกๆ ข้างทาง ที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้อาวุโสของสำนักเอ๋อเหมย เดิมทีเขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ว่าตอนนี้เชื่อสนิทใจเลย เมื่อวานเขาเอาชนะฮั่วจงเหยียน ฟนึ่งในนั้นมีปัจจัยสำคัญที่มาจากยาเชื่อมสวรรค์
ตอนแรกตาแก่พูดว่า พอกินไปแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ดูดซึมพลัง ก็ยังมีประโยชน์มากมาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมทักษะต่างๆ ของมนุษย์ เช่น พละกำลัง การตอบสนอง และความรวดเร็ว อย่างนั้น… ถ้าหากว่าดูดซึมพลังของยาเชื่อมสวรรค์ไปล่ะก็ มันจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
ไม่มีใครไม่อยากแข็งแกร่ง โดยเฉพาะฉินเฟย เพราะต่อจากนี้ เขายังมีเรื่องอะไรให้ทำอีกมากมาย
พอคิดถึงจุดนนี้ ฉินเฟยก็รีบขี่รถไปยังโรงแรมปั้นเยี่ยที่ถนนหยานซี ตอนนั้นตาแก่ประหลาดคนนั้นให้ตนเองไปหาเขาที่นั่น…
……
ในบริษัทฉีแย
เจียงเยว่ถงอยู่ในห้องทำงาน มองทะลุประจกออกมามองพนักงานที่กำลังยุ่งวุ่นวาย ดวงตาสวยๆ เป็นประกายของเธอเผยความปวดใจออกมา เธอมาบริษัท3ชั่วโมงแล้ว แต่เธอยังไม่รู้ว่าจะประกาศเรื่องนั้นอย่างไรเลย
หายใจเข้าลึกๆ แล้วเจียงเยว่ถงก็เดินออกจากห้องทำงานไป เดินมายังกึ่งกลางของสำนักงาน แล้วปรบมือเบาๆ
“ประธานเจียง ยังมีเรื่องอะไรจะสั่งการอีกหรือเปล่าคะ” สาวแว่นคนหนึ่งยิ้มถาม
“ประธานเจียงคงจะเห็นพวกเราขยันทำงานดี ความสำเร็จอยู่ตรงหน้า เลยอยากจะจัดงานเลี้ยงให้พวกเราล่ะมั้ง” พนักงานสาวอีกคนยิ้มพูดขึ้นมา
พอเห็นว่าทุกคนทองมาทางตนเอง แล้วต่างพากันพูดเล่น ล้วนมีความหวังว่าจะได้เห็นความสำเร็จของบริษัทฉีแย หัวใจของเธอก็เหมือนถูกเข็มทิ่มแทง
พยายามแสยะยิ้มออกมา เจียงเยว่ถงเม้มปากยิ้มพูดว่า “ทุกคนวางงานในมือลงก่อน พวกเราไปกินข้าวกันที่หอเฟิงหวงฝั่งตรงข้าม ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว พนักงานทุกคนต้องมา และฉันมีเรื่องสำคัญจะประกาศด้วย”
“ยอดไปเลย!”
“ดีจังเลย ฮ่าๆ ฉันว่าแล้วต้องมีเรื่องดี ประธานเจียงมีความมั่นใจมาก เลยเลี้ยงข้าวฉลองให้พวกเราก่อนเลย!”
“ไม่ๆๆ นี่เป็นแค่งานเลี้ยงฉลองครั้งแรกเท่านั้น ฉันคิดว่า ถ้าเสร็จงานจริงๆ จะต้องมีงานเลี้ยงที่ใหญ่กว่านี้แน่นอน!”
“ฮ่าๆ พวกเธอลองเดากันดูซิว่าโบนัสเดือนหน้าใครจะได้เยอะสุด?”
“ไม่ต้องเดาหรอก คนได้เยอะก็ต้องเลี้ยงข้าวเพื่อนอยู่ดี!”
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ทุกคนก็เลยคุยกันอย่างสนุกสนาน
เวลาบ่ายโมงครึ่ง เจียงหยว่ถงกัดปากแน่น ขับรถมุ่งหน้าไปยังว่านเซียง มูวี ในหัวก็ปรากฏสีหน้าของพนักงานที่กำลังกินข้าวในหอเฟิงหวงที่รู้ว่าบริษัทฉีแยจะต้องเปลี่ยนเจ้าของ
ตอนแรกพวกเขายังคิดว่าตนเองพูดล้อเล่น แต่พอตนเองพูดย้ำไปเป็นครั้งที่3นั้น…
เจียงเยว่ถงสะบัดหน้าหนี ภาพนั้น มันทำให้เธอปวดใจมาก
แต่เธอจำเป็นต้องทำแบบนี้ และที่เธอมาครั้งนี้ ก็เพื่อขอโทษรองประธานเสิ่นรวมทั้งว่านเซียง มูวี ที่บริษัทฉีแยเปลี่ยนเจ้าของ การร่วมลงทุนเสื้อผ้าในครั้งก่อนเธอก็ถามด้วยว่าจะต่อสัญญาหรือไม่
ไม่ว่าอย่างไร ถือว่าเป็นการผิดสัญญาของเธอ!
พอมาถึงอาคารว่านเซียง มูวี อันหรูหรา เจียงเยว่ถงก็พบว่า ตนเองมาที่นี่หลายครั้ง มาร่วมลงทุนหลายครั้ง ก็ยังไม่ได้พบกับประธานบริษัทผู้ลึกลับนั่นเลย
ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสพบหรือเปล่า?
มาถึงหน้าห้องทำงานของเสิ่นเจียเหวิน หลิ่มเมิ่งที่เป็นเลขาหน้าห้องเห็นเข้าก็รู้ว่าคือเจียงเยว่ถง เพราะสาวสวยอย่างเธอ ต่อให้เป็นผู้หญิงอย่างหลิ่มเมิ่งก็ยากที่จะลืมเธอได้
“สวัดีค่ะประธานเจียง มาหาคุณเจียเหวินหรือคะ?”
“ใช่ค่ะ คุณเจียเหวินอยู่หรือเปล่า?”
หลิ่มเมิ่งเปิดประตูเชิญเจียงเยว่ถงเข้าไปในห้อง แล้วส่ายหัวเบาๆ พูดว่า “คุณเจียเหวินไปจัดการเรื่องงาน ดูแล้วน่าจะใกล้กลับมาถึงแล้ว ถ้าคุณไม่รีบ ก็เชิญดื่มชารอสักครู่ค่ะ”
พูดจบ หลิ่มเมิ่งก็รินชาร้อนให้เจียงเยว่ถง
“ขอบคุณค่ะ” เจียงเยว่ถงพยักหน้ายิ้มเบาๆ
เจียงเยว่ถงเอามือน้อยๆ จับถ้วยชามองดู ก็นึกถึงฉินเฟยขึ้นมา ที่บริษัทฉีแยสามารถร่วมมือกับว่านเซียง มูวีได้ ฉินเฟยก็ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือไม่น้อย เจียงเยว่ถงก็ยิ่งรู้สึกผิด
เธอเงยหน้ามองหลิ่มเมิ่ง แล้วถามว่า “ผู้ช่วยฉินไปกับคุณเจียเหวินใช่ไหม?”
หลิ่มเมิ่งก็อึ้ง พูดสีหน้าแปลกๆ ว่า “ผู้ช่วยฉินงั้นหรือคะ?ใครคือผู้ช่วยฉิน?”