ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 49 จับเขาไว้ (2)
ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่ 49 จับเขาไว้ (2)
“จับเขาไว้! ลากออกไปตีให้ตาย!”
โจวฉ่ายเวยออกคำสั่งโดยไม่ลังเล ไม่แม้แต่จะให้โอกาสฉินเฟยได้พูด
เธอไม่รู้ว่าไอ้เด็กเวรนี่เดาเอาหรือได้ยินเรื่องเล่าจากที่ไหนมาหรือเปล่า แต่ข้อมูลนี้แม่นยำมาก โจวฉ่ายเวยก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉินเฟยยังรู้อะไรอีกนอกจากข้อมูลนี้
แต่เธอขี้เกียจจะไปสนใจแล้ว คำพูดที่ว่า ‘ลากออกไปฆ่าทิ้งซะ’ นั้นพูดให้ผู้คนในร้านอาหารได้ยิน ขอเพียงจับฉินเฟยได้ เธอจะทำให้ฉินเฟยหุบปากตลอดไป
ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจว่าฉินเฟยจะรู้ความลับอะไรไปมากกว่านี้หรือไม่ ฉินเฟยเป็นเพียงลูกเขยขี้แพ้ของตระกูลเจียง แม้ว่าจะค่อนข้างยุ่งยากในการจัดการกับเขา แต่เธอเชื่อว่าสามีของเธอซุนเย่าเหวินจะแก้ปัญหาให้เธอได้ แย่ที่สุดเธอก็แค่ถูกสามีตำหนิไม่กี่คำหลังเรื่องราวจบลง
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดทั้งสี่รายล้อมเข้ามา สีหน้าของฉินเฟยก็เปลี่ยนไป เขาคว้าจานอาหารที่อยู่บนโต๊ะ
“หยุดนะ!”
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเคลื่อนไหว เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้น
คนที่พูดคือหลิวฉองซาน ผู้ช่วยพิเศษของซุนเย่าเหวิน!
“แยเวย เกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนหันไปมองต้นเสียง ที่บันไดชั้นสองของร้านอาหารมีชายวัยกลางคนอายุ 50 กว่าๆ รูปร่างกำยำ สวมชุดสูทตะโกนขึ้นมา
ซุนเย่าเหวินมาแล้ว!
ที่ตามหลังเขาอยู่ครึ่งก้าว คือหลิวฉองซานที่เพิ่งตะโกนพูดไปเมื่อครู่
ซุนเย่าเหวินในฐานะผู้นำของตระกูลซุนและประธานของลู่เจี้ยน กรุ๊ป งานยุ่งไม่ค่อยได้มาที่โรงแรมหมู่บ้านเทียนฝูบ่อยนัก
แต่วันนี้เขามาที่นี่เพื่อชวนเธอไปกินข้าว เขาหมายมั่นปั้นมือที่จะคว้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเหอตงของซงไห่มาให้ได้!
เหอตงในซงไห่มีภูเขามากมาย นับตั้งแต่มีการปฏิรูปและเปิดเมือง เมืองซงไห่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ขยายตัวออกไปหลายสิบกิโลเมตร แต่มีเพียงเหอตงเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา
โครงการที่ซุนเย่าเหวินต้องการคือสะพานข้ามแม่น้ำเหอตงที่มีพรมแดนติดกับเมือง สะพานข้ามแม่น้ำยาวกว่า 1,300 เมตร เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั่วประเทศ การออกแบบสะพานและเทคโนโลยีล้วนเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยการพัฒนาการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีผู้เชี่ยวชาญมากมายในสาขานี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลู่เจี้ยน กรุ๊ปจะเป็นยักษ์ใหญ่ในซงไห่ แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงในประเทศมากนัก แน่นอนว่ามีการแข่งขันมากมาย ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าร่วมกับมัน
เมื่อครู่เขากำลังรอแขกอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ภรรยาก็บอกว่าเธอต้องการขึ้นไปเดินเล่นชั้นบน
ไม่คิดว่าพอตนพาแขกขึ้นมาถึงชั้นบน ก็เห็นภรรยาตัวเองกำลังสั่งให้บอดี้การ์ดสี่คนจัดการคู่หนุ่มสาวในที่สาธารณะ
ในสถานการณ์ทั่วไป เขาต้องตรงเข้าไปปกป้องภรรยาของตนอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะทำผิด กวนประสาทภรรยาของเขา ก็ถือว่าไม่ไว้หน้าซุนเย่าเหวิน
แต่เขามองปราดเดียวก็เห็นฉินเฟยอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ดูคุ้นหน้า แต่ก็จำไม่ได้ว่าพบเขาที่ไหนและตัวตนของเขาเป็นอย่างไร
เขาเข้าใจทันทีว่าอาจเป็นภรรยาของเขาที่หาเรื่องเอง ไปยั่วยุคนอื่น ผลคือคนอื่นปะทะผีฝากกับเธอ ดังนั้นเขาจึงหาบอดี้การ์ดมาจัดการกับอีกฝ่ายอย่างไม่มีเหตุผล
ก็เพราะด้วยความสนิทสนมนี้ ดังนั้นเขาจึงให้ผู้ช่วยหลิวรีบขวางไว้
ซุนเย่าเหวินผ่านพายุคลื่มลมมานับไม่ถ้วน เขาตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคนเสมอ
ประเทศจีนมีขนาดใหญ่มาก ตระกูลที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าตระกูลซุนมีถมเถไป ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ในเมืองแห่งซงไห่ ตระกูลซุนก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น
แน่นอน ที่เขาขวางไว้ก็แค่ต้องการทราบสถานการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น หากเรื่องนี้เป็นความผิดของภรรยาจริงๆ เขาก็จะขอโทษ แต่ถ้าอีกฝ่ายเอาความแข็งแกร่งของตระกูลมาข่มเหงรังแกภรรยาของตน แม้ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่าตัวเอง เขาก็ต้องลองวัดดู
บนพื้นที่เล็กๆ ในซงไห่แห่งนี้ ตระกูลซุนนั้นเป็นเจ้าถิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างแท้จริง!
เมื่อเห็นว่าในที่สุดซุนเย่าเหวินก็ปรากฏตัวขึ้น ฉินเฟยก็รู้สึกโล่งใจไปบ้าง
เพราะในความรับรู้ของฉินเฟย ซุนเย่าเหวินเป็นคนมีเหตุผลมาก
คนไม่มีเหตุผลอาจได้ลาภลอยก้อนโตแต่ก็อยู่ได้ไม่นาน สำหรับซุนเย่าเหวินเขาสามารถขยายลู่เจี้ยนไปทีละก้าว ผลักดันตระกูลซุนไปสู่ตำแหน่งสี่ตระกูลใหญ่ทีละก้าว โดยธรรมชาติแล้วย่อมมีการอบรมบ่มเพาะมาในระดับหนึ่ง
การปรากฏตัวของซุนเย่าเหวิน ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง เจียงเยว่ถงอดย่องออกมาจากด้านหลังเขาไม่ได้
เมื่อมองไปที่เจียงเยว่ถงที่อยู่ข้างหลังฉินเฟย ซุนเย่าเหวินก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดูเหมือนเข้าใจได้ในเวลาไม่นาน
อันที่จริงเขาก็นับว่าเป็นเพื่อนของเจียงเฟิ่งหยุนเหมือนกัน เจียงเยว่ถงเป็นลูกสาวคนเดียวของเจียงเฟิ่งหยุน เขาย่อมรู้จักอยู่แล้ว
แน่นอน สิ่งที่ทำให้เขาจำเจียงเยว่ถงได้จริงๆ ก็คือโจวฉ่ายเวยภรรยาของเขาต้องการให้น้องชายของเธอแต่งงานกับหล่อน
หลังจากนั้น เขาก็รู้เรื่องที่โจวฉ่ายเวยกับเจียงเยว่ถงไม่ลงรอยกัน
แต่เจียงเยว่ถงคือใคร? หน้าตาสวย มีความสามารถ มาจากครอบครัวที่มีฐานะ แค่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของน้องชายของเธอ เธอไม่ตอบตกลงก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
แต่ชายหนุ่มที่ปกป้องเจียงเยว่ถงคนนี้คือใคร?
ซุนเย่าเหวินอดมองพิจารณาฉินเฟยอีกครั้งไม่ได้ ความรู้สึกคุ้นเคยยังคงมีอยู่ แต่กลับจำไม่ได้ว่าเคยพบเขาที่ไหนมาก่อน
เมื่อเห็นสามีกำลังมา โจวฉ่ายเวยที่กำลังเอะอะโวยวายก็สงบลงทันที เธอหันกลับมาน้ำตานองหน้า เหมือนได้รับความอยุติธรรมอย่างเต็มที่ ไม่มีท่าทีจองหองอวดดีเหมือนเมื่อครู่เลย ความรวดเร็วและการแสดงออกของเธอเรียกได้ว่าอยู่ในระดับนักแสดงยอดเยี่ยมทีเดียว
ซุนเย่าเหวินขมวดคิ้วแล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ประธานซุน” เจียงเยว่เข้ามาทักทายด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรเธอก็เป็นรุ่นน้อง น้ำเสียงไม่ได้ถ่อมตัวหรือจองหองใดๆ
ซุนเย่าเหวินพยักหน้าให้เจียงเยว่ถงเล็กน้อย ยิ้มให้เป็นการขอโทษ เขารู้ว่าภรรยาของเขาแอบซื้อบริษัทฉีแยของเจียงเยว่ถงช่วงหัวค่ำวันนี้ พอภรรยาของเขาเห็นเจียงเยว่ถงจึงพูดเหน็บแนม ตั้งใจเข้าไปหาเรื่องเธอก่อนอย่างแน่นอน
ตัวละครคืออะไร? นี่แหละคือตัวละคร!
แม้ว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายมีน้ำหนักไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามีอะไรไม่ดีเกี่ยวกับท่าทีของซุนเย่าเหวินที่มีต่อผู้อื่นได้
“พี่ซุน ไอ้สารเลวนี่กล้ามาด่าฉัน! เขาบอกว่าฉันทั้งอัปลักษณ์ทั้งไม่มีมารยาท ยังด่าว่าเคยเป็นกะหรี่ เคยเห็นฉันที่ไนต์คลับที่ไหนสักแห่งด้วย พูดจาฟังไม่ได้เลยสักนิด” โจวฉ่ายเวยฝังตัวเองไว้ในอ้อมกอดของซุนเย่าเหวิน หน้าตาดูน่าสงสารมาก แอบมองฉินเฟยอย่างภาคภูมิใจโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
เหมือนกำลังบอกว่า วันนี้คุณถึงจุดจบแล้ว!
แถมยังต้องตายอย่างอนาถอีกด้วย!
เป็นเช่นนั้นจริงๆ!
สีหน้าของซุนเย่าเหวินเปลี่ยนไป มุมปากกระตุกอย่างแรงสองครั้ง
นี่คือสัญญาณของความโกรธ! โจวฉ่ายเวยเคยทำงานอยู่ในไนต์คลับมาก่อนจริงๆ แต่ก็ทำได้ไม่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากตรวจพบว่าตั้งท้องแล้ว ก็ถูกซุนเย่าเหวินพากลับบ้าน มีคนไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้
แน่นอน สำหรับประชากรสิบห้าล้านคนในซงไห่แล้ว มหาเศรษฐีอย่างซุนเย่าเหวินที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านย่อมดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มากเมื่อเขาแต่งงานกับภรรยา
ยิ่งกว่านั้นความลับไม่มีในโลก มีบางคนที่รู้จักตัวตนของโจวฉ่ายเวยแต่ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลใหญ่โต พวกเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องต้องห้ามของซุนเย่าเหวิน ดังนั้นพวกเขาจะไม่แพร่งพรายคำพูดเช่นนี้ให้ใครฟัง
คาดว่าคนที่ทั่วทั้งหมู่บ้านเทียนฝูรู้จักในตอนนี้ คงมีจำนวนนับนิ้วได้เลย
แต่ตอนนี้กลับมีคนพูดออกมาต่อหน้าสาธารณชน แถมยังพูดต่อหน้าโจวฉ่ายเวยว่าเธอเคยเป็นโสเภณีมาก่อน นี่คือภรรยาของซุนเย่าเหวินนะ!
เห็นได้ชัดว่าเป็นการตบหน้าซุนเย่าเหวินในที่สาธารณะ!
ในฐานะลูกผู้ชาย ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ถ้าเขาไม่ระเบิดอารมณ์ในวันนี้ ไม่กำหนดแนวทางออกมา ผู้คนภายนอกคงคิดว่าเขาซุนเย่าเหวินอายุมากขึ้น เริ่มเข้าสู่ทางธรรมแล้ว!
แล้วลูกค้าที่เขาเพิ่งพามาด้วยก็กำลังมองอยู่ พวกเขาเพิ่งได้ยินการระบายของโจวฉ่ายเวย!
นี่คือความอับอายขายหน้ามากแล้ว
แต่ถ้าจะไม่จัดการ ต้องอับอายขายหน้ากว่านี้แน่!
เดิมทีซุนเย่าเหวินคิดว่าภรรยาของตนกำลังสร้างปัญหาอีกครั้ง แต่กลับไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะด่าเขารุนแรงขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น มันสะกิดจุดที่เจ็บปวดของเขาโดยตรง!
“ไม่เป็นไร อย่าร้องไห้ มีผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องห่วง” ซุนเย่าเหวินปลอบโจวฉ่ายเวยผู้เป็นภรรยา พลางหรี่ตามองไปทางฉินเฟย
ผู้ช่วยหลิวที่อยู่ข้างๆ มองไปที่บอดี้การ์ดคนหนึ่งซึ่งพยักหน้าให้เขา
โจวฉ่ายเวยไม่ได้พูดโกหก
“พวกคุณถอยออกไปก่อน” ผู้ช่วยหลิวสั่งบอดี้การ์ดที่ยังคงรายล้อมฉินเฟยอยู่
บอดี้การ์ดทั้งสี่มองไปที่โจวฉ่ายเวยด้วยความลังเล เมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้าเล็กน้อยจึงถอยออกไป
ซุนเย่าเหวินขมวดคิ้วบางๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก
ส่วนผู้ช่วยหลิวก็ไม่ได้สังเกตว่า สายตาส่วนใหญ่ของเขาจับจ้องไปที่ฉินเฟย สายตาที่มองฉินเฟยนั้นเย็นชา ดูเห็นอกเห็นใจ
เขาติดตามประธานซุนมากว่า 20 ปีแล้ว ภายนอกเขาเป็นผู้ช่วยพิเศษของซุนเย่าเหวิน แต่ส่วนตัวแล้วทั้งสองสนิทสนมเหมือนพี่น้อง
พูดตามตรง เขาไม่ชอบภรรยาของประธานซุนเท่าไรนัก แต่คุณนายคนนี้ให้กำเนิดลูกชายแก่ประธานซุน ชดเชยสิ่งที่ประธานซุนเสียดายที่สุดในชีวิต ประเด็นสำคัญก็คือ หนุ่มรนหาที่ตายคนนี้ดูถูกประธานซุน!
เมื่อสังเกตเห็นว่าใบหน้าของซุนเย่าเหวินหม่นหมองลงทันใด เจียงเยว่ถงก็รู้สึกร่างกายอ่อนเพลีย เธออดชำเลืองมองฉินเฟยไม่ได้ เมื่อเห็นเขาดูสงบนิ่ง ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก
หลังจากปลอบโจวฉ่ายเวยแล้ว ซุนเย่าเหวินก็ดึงเธอไปข้างหลัง แล้วเดินไปที่โต๊ะของเจียงเยว่ถง พูดด้วยใบหน้าหม่นหมอง “แหะๆ ประธานเจียง นี่คือเพื่อนของคุณเหรอ?”
เขารู้ว่าเจียงเยว่ถงแต่งงานแล้ว และยังได้ยินว่าเป็นลูกเขยชาวชนบทที่แต่งเข้าบ้าน แต่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นความเยือกเย็นและคำพูดอวดดีีที่ฉินเฟยแสดงออกมาต่อหน้าภรรยาของเขา ซุนเย่าเหวินไม่อาจเชื่อมโยงฉินเฟยกับลูกเขยขี้แพ้ของตระกูลเจียงตามข่าวลือเข้าด้วยกันได้เลย
แต่ซุนเย่าเหวินโกรธมากจริงๆ ไฟโทสะในใจโหมแรงมาก ด่าภรรยาของเขาว่ากะหรี่ก็เหมือนตบหน้าเขาในที่สาธารณะ มันไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ก็จำเป็นต้องวาดแนวทางขึ้นมา!
“นี่คือสามีของฉัน และเป็นคนขี้แพ้ในสายตาของคุณนายซุนด้วย!” เจียงเยว่ถงพูดอย่างเฉยเมย
ผู้หญิงคนนี้ พูดขึ้นมาต่อหน้าซุนเย่าเหวินเลยเหรอ?!
ใช่แล้ว นิสัยใจคอของเจียงเยว่ถงก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก!
และเธอก็รู้ดีว่า หากเรื่องในคืนนี้ไม่เคลียร์ให้ชัดเจน พวกเขาจะไม่สามารถออกไปไหนได้ หลังจากผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมา เจียงเยว่ถงก็เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการร้องขอความเมตตามีแต่จะทำให้อีกฝ่ายกำเริบเสิบสานมากขึ้น
ในเมื่อขอร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงไม่จำเป็นต้องทำตัวเองให้ขายหน้า เลวร้ายที่สุดก็ต้องติดอยู่ที่นี่กับเจ้าหมอนี่ที่เชื่อถือไม่ได้แค่นั้นเอง!