ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 5 รีบหย่าเดี๋ยวนี้ ไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลเจียง
อินจอยKTV
ฉินเฟยซื้อจักรยานยนต์ไฟฟ้าคันใหม่และออกไปรับลมจนรู้สึกดีขึ้นมาก จากนั้นเขาก็จอดจักรยานยนต์ไฟฟ้าไว้หน้า KTV
ตอนนี้ฉินเฟยมีเงินแล้ว เขาต้องการซื้อรถ แต่ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งให้บัตรประชาชนกับจางจงเย่ไป ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องซื้อจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปก่อน
ฮ่าฮ่า มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่หลายปีแล้วไม่ได้เจอหน้ากัน เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
แต่ผลคือทันทีที่จักรยานยนต์ไฟฟ้าหยุดก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นบาดหู
“หลีกทางหน่อย! ขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้าเน่าๆ มา ยังจะมากินที่อีก?”
Mercedes Benz S คลาสหยุดลงด้านข้างๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากรถแล้วชี้ไปที่ฉินเฟย
เมื่อผู้หญิงคนนั้นและฉินเฟยสบตากัน ทั้งสองก็ตะลึง
“ประธาน?” ฉินเฟยวิ่งเข้ามาทันที คนในรถคือซุนเจียวเจียว ประธานสมาพันธ์นักศึกษาของมหาวิทยาลัย
ในตอนนั้นพวกเขามีสาวสวยโดดเด่นสองคนอยู่ในชั้น คนหนึ่งคือเสิ่นหลิงเอ๋อร์ดาวประจำโรงเรียน และอีกคนคือซุนเจียวเจียว ประธานสมาพันธ์นักศึกษา
ซุนเจียวเจียวเป็นลูกหลานของตระกูลซุน ตระกูลใหญ่ในเมืองซงไห่ เธอค่อนข้างเป็นที่รักใคร่ของตระกูลซุนเนื่องจากรูปลักษณ์ที่สวยงามและผลการเรียนที่ดีของเธอ
ในเวลานั้นมีผู้ชายหลายคนที่ไล่จีบซุนเจียวเจียว เพราะเธอทั้งสวยและร่ำรวย เพียงแต่ในตอนนั้น คนที่รวยที่สุดก็คือฉินเฟยแต่เขาทำตัวติดดิน มีเพียงหหวังเลี่ยงเท่านั้นที่รู้ตัวตนของเขา
“ฉินเฟย? มีหลายคนบอกว่านายเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเชื่อถือไม่ได้จริงๆ” ซุนเจียวเจียวลงจากรถและมองฉินเฟยที่ใส่ของทั่วๆ ไปตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็มองดูจักรยานยนต์ไฟฟ้าองเขาและหัวเราะเยาะเย้ย
ในเวลาเดียวกัน ที่นั่งข้างคนขับของรถ Mercedes ก็เปิดออก เรียวขาขาวงามราวหิมะได้ก้าวออกมาพร้อมรองเท้าส้นสูง ฉินเฟยตกตะลึงไป เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นใบหน้างามดั่งดอกบัว
จะเป็นใครไปได้นอกจากเสิ่นหลิงเอ๋อร์!
“เสิ่นหลิงเอ๋อร์?” ฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา
“ฉินเฟย? ไม่เจอกันนานเลยนะ” เสิ่นหลิงเอ๋อร์เหลือบไปที่ฉินเฟย แต่เพียงแวบเดียวเธอก็เคลื่อนสายตาออกไปทันทีและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ร้อนไม่หนาว
ก่อนที่ฉินเฟยจะพูดอะไร เสิ่นหลิงเอ๋อร์ก็เดินข้ามด้านหน้ารถไปแล้ว ซุนเจียวเจียวเข้าไปคล้องแขนเธอไว้และเดินเข้าไปใน KTV โดยไม่สนใจเขา
ฉินเฟยรู้สึกอับอาย เขาอยากจะพูดคุยด้วย แต่ซุนเจียวเจียวและเสิ่นหลิงเอ๋อร์ไม่ต้องการคุยกับเขาเลย
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้อง KTV ตามๆ กัน ในเวลานี้เพื่อนร่วมชั้นทุกคนก็มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้มากันทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่คือคนที่เรียบจบแล้วก็ยังอยู่ที่เมืองซงไห่เพื่อความเจริญก้าวหน้า
“แม่เจ้า ท่านประธานยังคงสวยขนาดนี้เลย ว้าว เสิ่นหลิงเอ๋อร์คนสวยเองก็มาแล้ว!”
ทั้งห้องมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที และในไม่ช้าซุนเจียวเจียวก็ถูกดึงออกไป ซุนเจียวเจียวร่ำรวยและมีคอนเน็คชั่นที่แข็งแกร่ง ผู้คนจำนวนมากมักชอบที่จะห้อมล้อมเธอ ผู้หญิงสวยเองก็ชื่นชมและอยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซุนเจียวเจียว เพราะนั่นจะก่อให้เกิดผลประโยชน์มากมาย
หลิ่วซู่เฟิงที่เป็นหัวหน้าชั้นเองก็รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย เขาสวมชุดสูทรองเท้าหนัง แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และกุญแจรถที่วางอยู่ตรงหน้าเขาก็คือรถยนต์ออดี้
งานรวมตัวเพื่อนร่วมชั้น ส่วนมากก็เพื่อหาคอนเน็คชั่น และนี่เป็นสาเหตุที่ฉินเฟยไม่ต้องการมา
เนื่องจากฉินเฟยแต่งตัวซอมซ่อ ในมือก็ถือแค่กุญแจของจักรยานยนต์ไฟฟ้า ในเวลานี้จึงไม่มีใครสนใจเขา และถูกมองเป็นธาตุอากาศไปโดยสิ้นเชิง
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากเขาได้รับการปฏิบัติแบบนี้มามากเกินไป ฉินเฟยจึงไม่สนใจอะไรเช่นกันและมองไปรอบๆ
หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน สาวๆ ในชั้นเรียนรู้จักแต่งตัวกันแล้ว แต่ละคนล้วนงดงาม แต่ว่าเสิ่นหลิงเอ๋อร์นั้นสวยที่สุด
เสิ่นหลิงเอ๋อร์เป็นเทพธิดาของมหาลัย ในเวลานี้เธอสวมชุดเดรสแฟชั่นสีม่วง กระโปรงสั้นมากเผยให้เห็นขาเรียวยาวของเธอเต็มตา
หลิ่วซู่เฟิงหัวหน้าชั้นก็สังเกตเห็นเสิ่นหลิงเอ๋อร์แล้วเช่นกัน สายตาของเขามองไปที่เธอโดยตรง “เสิ่นหลิงเอ๋อร์ นับวันเธอยิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ กำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้?”
ก่อนที่เสิ่นหลิงเอ๋อร์จะพูดอะไร ซุนเจียวเจียวซึ่งรายล้อมไปด้วยคนอื่น ๆ ก็กล่าวว่า “หัวหน้าชั้น นายไม่รู้อะไร ก่อนหน้านี้เสิ่นหลิงเอ๋อร์เป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงในเจียงหนาน ตอนนี้เธอกำลังจะเป็นดาราแล้ว ฉันได้ยินมาว่าเธอจะเซ็นสัญญากับว่านเซียง มูวีในไม่ช้าหลังจากที่บริษัทย้ายมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้”
“วู้ว!”
เมื่อเสียงจบลง ทั้งงานก็อยู่ในความโกลาหล
เดือนที่แล้วมีข่าวว่าว่านเซียง มูวีจะย้ายมาที่ซ่งไห่เพื่อการพัฒนา ข่างนี้ทำเอาตื่นตะลึงไปทั้งซ่งไห่ และบริษัทจะตั้งอยู่ในถนนซิงหลงซึ่งเป็นส่วนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเขตพัฒนาใหม่ของซงไห่
ต้องรู้ว่า มันไม่ใช่บริษัทสาขา แต่เป็นการย้ายทั้งถนนซิงหลง มาที่นี่!
มีคนในประเทศจำนวนไม่มากที่ไม่รู้จักว่านเซียง มูวี ดาราดังหลายคนก็เซ็นสัญญากับว่านเซียง มูวี หนังและละครที่บริษัทลงทุนก็มีรน้อยคนที่จะไม่รู้จัก มีดาราแถวหน้าหลายคนอยู่ในว่านเซียง มูวี แม้แต่ดาราหนังหลายคนก็ยังเซ็นสัญญากับว่านเซียง มูวี ตลอดทั้งปี
พูดตามตรง เสิ่นหลิงเอ๋อร์หน้าตาสวยมาก เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าดาราดังบางคนและมีบุคลิกที่โดดเด่นอย่างมาก
เมื่อได้ยินเรื่องว่านเซียง มูวี แล้ว ฉินเฟยก็เริ่มสนใจ บริษัทนี้จะเป็นของเขาตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเฟยก็ยิ้มน้อยๆ และเดินไปหาเสิ่นหลิงเอ๋อร์ เขากำลังจะคุยกับเธอเกี่ยวกับว่านเซียง มูวี และดารา แต่ผลคือทันทีที่เขานั่งลง เขาก็เห็นเสิ่นหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วและแววตาดูรังเกียจ “นายไปนั่งที่อื่นได้ไหม?”
“ฮะ?” ฉินเฟยยืนขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ที่นี่มีคนนั่งแล้ว?”
“ไม่” เสิ่นหลิงเอ๋อร์มองไปที่ฉินเฟยอย่างประเมิน เห็นเขาแต่งตัวซอมซ่อ จากนั้นก็กล่าวว่า “ฉันไม่ต้องการให้คนไม่เข้าสังคมมานั่งอยู่ข้างๆ ฉัน”
คนไม่เข้าสังคม? แม่เจ้า นี่ฉันไม่เข้าสังคมตรงไหนกัน?
นี่คือความจริงของสิ่งที่เรียกว่ากิ่งทองใบหยก อันที่จริงการหาเพื่อนก็เช่นเดียวกัน หากคุณต้องการให้คนอื่นปฏิบัติต่อคุณเหมือนเพื่อนอย่างจริงใจ คุณก็ต้องมีกำลังพอๆ กัน ฉินเฟยแต่งตัวทั่วๆ ไป ขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับเสิ่นหลิงเอ๋อร์แล้ว เธอไม่คิดว่าเขามีคุณสมบัติที่จะนั่งข้างเธอ
ขณะที่ฉินเฟยจะเอ่ยพูด แต่ก็ถูกหวังเลี่ยงเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาดึงตัวไป
ตอนที่พวกเขาอยู่ที่โรงเรียน พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันดีที่สุด มีครั้งหนึ่งสมาชิกในตระกูลไปยังมหาลัยเพื่อหาฉินเฟย คนคนนั้นแต่งกายสุภาพเรียบร้อยและมีท่าทีให้เกียรติฉินเฟย หวังเลี่ยงพบเข้าถึงค่อยรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของตระกูลใหญ่ และเป็นเพราะนามสกุลของฉินเฟยคือฉิน ในตอนนั้นหวังเลี่ยงจึงคาดเดาได้ว่าฉินเฟยเป็นสมาชิกของตระกูลฉินซึ่งเป็นตระกูลท็อปในซงไห่
การคาดเดาของเขาทั้งหมดเป็นความจริง แต่น่าเสียดายที่ตระกูลฉินได้ล้มหายไปนานแล้ว
เขาดึงฉินเฟยไปที่มุมหนึ่ง หวังเลี่ยงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันว่านะเพื่อน นายคิดอะไรอยู่เนี่ย ผู้หญิงอย่างเสิ่นหลิงเอ๋อร์ ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะจำพวกขี้แพ้อย่างเราได้ นายจะไปนั่งกับเธอ แบบนั้นก็เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองโดนดูถูกไม่ใช่หรือไง?”
พูดจบ หวังเลี่ยงก็มองไปที่เสิ่นหลิงเอ๋อร์ อีกครั้งและพึมพำ “ตอนนั้นฉันคิดว่านายคู่ควรกับเสิ่นหลิงเอ๋อร์เช่นกัน แต่ก็น่าเสียดายที่ตระกูลฉิน เฮ้อ”
ฉินเฟยยิ้มแต่ไม่ได้อธิบายอะไร พรุ่งนี้เสิ่นหลิงเอ๋อร์จะไปเซ็นสัญญาที่ว่านเซียง มูวี?
ฉันไม่รู้ว่าถ้าเสิ่นหลิงเอ๋อร์เห็นตนเข้า จะมีสีหน้ายังไง
หลังจากดื่มเหล้าไปสามรอบและอาหารห้าอย่างแล้ว เสิ่นหลิงเอ๋อร์ก็เอ่ยขอตัวกลับไปเตรียมเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็ตามมาด้วยผู้คนมากมายที่ขอตัวกลับ
ฉินเฟยเดินออกมาพร้อมเดินคุยไปกับหวังเลี่ยง ในเวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น
เมื่อเห็นหมายเลขผู้โทร ฉินเฟยก็ไม่กล้าเพิกเฉย เขารีบหยิบมันขึ้นมา ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เขาได้ยินเสียงของเสิ่นหัวทางโทรศัพท์ “ฉินเฟย วันนี้เป็นวันประชุมตระกูลนายไม่รู้หรือไง? ทั้งตระกูลต้องรอนายหรือไง? กลับมาเร็ว!”
เวรแล้ว! ฉินเฟยอุทาน เขาลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไร!
ต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น ฉินเฟยกล่าวทักทายและรีบกลับบ้านด้วยจักรยานยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ของเขา
“ฉินเฟยทำได้ไม่เลวนี่ ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขา เขายังขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้าพังๆ อยู่เลย ตอนนี้มีคันใหม่แล้ว”
“ฮ่าฮ่า”
ฉินเฟยขี่ไปไกลและยังคงได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้นหลายคน
ที่หมู่บ้านเทียนหลัน มีรถเบนซ์คันเก่าคันหนึ่งจอดอยู่ หญิงสาวสวยดูบอบบางและเห็นชัดว่าได้แต่งตัวมาอย่างดีกำลังยืนอยู่หน้ารถ และถือโทรศัพท์มือถืออย่างใจร้อน เสียงรองเท้าส้นสูงดังแต๊กแต๊กไปรอบๆ
“ผมกลับมาแล้ว” ฉินเฟยจอดรถอย่างเร่งรีบ และเนื่องจากผ้าเบรกของรถใหม่ไม่ค่อยดี หลังจากลงจากรถจักรยานยนต์แล้วยังวิ่งตามไปด้วยท่าทางเงอะงะ จนทำให้เจียงเยว่ถงแทบเป็นลม
ฉินเฟยล็อคจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วและวิ่งไปตรงหน้าเจียงเยว่ถง เขาเห็นได้ชัดเจนว่าบนตัวเจียงเยว่ถงก็คือThe chanrm of heaven
นี่คือชุดเดรสแฟชั่นสีดำ แค่มองก็ให้ความรู้สึกสูงส่งล้ำค่าและความสง่างาม ผิวสีชมพูขาวแต่เดิมนั้นยิ่งดูอ่อนละมุนกว่าเดิม ขายาวเซ็กซี่คู่นั้นเผยออกมาด้านนอก ทั้งร่างเต็มไปด้วยความเซ็กซี่และสูงส่งของหญิงสาว
ดูเหมือนว่าภรรยาของตนจะชอบของขวัญของเธอมากและแทบรอไม่ไหวที่จะสวมใส่ในคืนนี้
แต่ผลคือเจียงเยว่ถงเหลือบมองฉินเฟยอย่างเย็นชา จากนั้นก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ฉันไม่ได้ให้นายไปซื้อชุดดีๆ มาใส่หรือไง? ทำไมนายถึงสวมเสื้อผ้าซอมซ่อนี้อีก?”
“ไม่ซอมซ่อนี่ ผมเพิ่งซักไปเมื่อวาน”
“ขึ้นรถ” เจียงเยว่ถงขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไรมากกว่านี้ ตอนนี้ไปซื้อก็ไม่ทันแล้ว
“อือ”
ฉินเฟยขึ้นรถและพบว่าเจียงเฟิ่งหยุนพ่อตาของเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย ขณะจะเอ่ยทักทาน เขาก็ได้ยินคำตำหนิ
“ฉินเฟย นายขายขี้หน้าไม่เท่าไหร่ แต่นายแต่งตัวแบบนี้คืออยากทำให้ครอบครัวของเราอับอายหรือไง?” ซอมซ่อที่นั่งตรงข้างคนขับกล่าวอย่างเย็นชา
ครั้งนี้เสิ่นหัวสวมเดรสทรงหลวมๆ พร้อมเสื้อกั๊กกันหนาวสีขาวหิมะบนตัวเธอ ให้ความรู้สึกเป็นสาวใหญ่และเซ็กซี่ คล้ายภรรยาผู้สูงศักดิ์
“อ้อ” ฉินเฟยตอบรับและไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่แยแสของฉินเฟย เสิ่นหัวก็ยิ่งโกรธและพูดว่า “นี่นายหูหนวกหรือโง่กันแน่? ฉันเห็นขยะอย่างนายก็ของขึ้นแล้ว ลูกสาวของฉันแต่งงานกับนาย นี่แทบจะเป็นความโชคร้ายไปแปดชาติจริงๆ”
“เหล่าเจียงคุณคิดว่าลูกเขยขยะคนนี้เป็นยังไง?” เสิ่นหัวหันไปมองเจียงเฟิ่งหยุน