ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 78 เซียววี่
ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่ 78 เซียววี่ ?
“เมื่อกี้นายว่าอะไรฉัน ?” เสิ่นเจียเหวินเงยหน้าขึ้นทันที
หลิวโป๋ฮุ่ยที่ถูกเสิ่นเจียเหวินพูดใส่ถึงกับชะงักไป แม้ว่าจะรู้สึกหวาดกลัวในใจนิดหน่อย แต่เขาก็มั่นใจว่าเสิ่นเจียเหวินไม่มีทางกล้าทำอะไรเขา
ในตอนแรกเขากล้าลูบขาเธออย่างโจ่งแจ้ง ถ้าจะโกรธ ก็จะจากไปด้วยความโกรธ ในตอนนี้ ต่อหน้าคนมากมาย เขาจะไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด
“แม่งเอ้ย….”
“ป๊าบ !”
หลิวโป๋ฮุ่ยยังไม่ทันพูดจบ มือของเสิ่นเจียเหวินก็คว้าคอเสื้อของเขาไว้ทันที เสียงตบดังสนั่นอย่างชัดเจน หลิวโป๋ฮุ่ยที่กำลังด่าอย่างลำพองหยุดลงทันทีทันใด ด้วยการตบอันรุนแรง ทำให้ใบหน้าอ้วน ๆ ของเขาถึงกับสั่นกระเพื่อม
หลิวโป๋ฮุ่ยโมโหแล้ว เขาคิดว่าผู้หญิงต่ำต้อยคนนี้บ้าไปแล้ว “แกกล้าตบฉันงั้นหรือ แก…..”
“ป๊าบ !”
เสิ่นเจียเหวินมีหน้าเย็นชา ไม่รอให้หลิวโป๋ฮุ่ยด่าจบ ง้างมือตบหน้าเขาอีกครั้ง แน่นอนว่าการการตบครั้งนี้ทำให้หลิวโป๋ฮุ่ยถึงกับมึนงง……
ฉินเฟยที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับตกใจเช่นกัน เรื่องเกิดขึ้นเร็วเกินไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเสิ่นเจียเหวินจะลงมือ แถมตบด้วยความโหดเหี้ยมไม่มีความลังเล…..
หน้าทางเข้าที่ก่อนหน้านี้ส่งเสียงดังโหวกเหวก หลังจากเสียงตบดังขึ้นฉะฉานสองครั้ง จู่ ๆ ก็เงียบลงทันทีอย่างน่าแปลกประหลาด !
“ตบได้สวย !”
“คนเลว ๆ ที่ชอบใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นแบบนี้สมควรโดนตบ !”
ขณะนั้น เสียงที่ไม่รู้ว่าใครพูดก็ดังขึ้นจากข้างทาง มองเสิ่นเจียเหวินที่มีใบหน้างดงามด้วยแววตาชื่นชม ราวกับเห็นฮีโร่ในหมู่ผู้หญิง
มือน้อย ๆ ของเสิ่นเจียเหวินคว้าคอเสื้อหลิวโป๋ฮุ่ยเอาไว้ กัดริมฝีปากไว้แน่น !
เธอรู้ว่าการตบหลิวโป๋ฮุ่ยจะส่งผลอะไรตามมา ต่อให้คุณแม่ด่าเธอยังน้อยไป
แม่จะต้องมาลำบาก เพราะเกษียณไปแล้ว แต่เธอเพิ่งจะอายุห้าสิบกว่าปี จึงถูกจ้างกลับมาให้เป็นผู้จัดการภัตตาคารตระกูลหลิว
เรื่องนี้ไม่ต้องคิดยังรู้ได้ ว่าตำแหน่งการงานของแม่จะไม่ปลอดภัย
แต่สองฝ่ามือในวันนี้ เธอจำเป็นต้องตบ !
เพราะฉินเฟยช่วยเธอจึงทำให้มีปัญหากับหลิวโป๋ฮุ่ย ตอนนี้เขาได้รับการโต้กลับอันรุนแรงจากหลิวโป๋ฮุ่ย เธอไม่สามารถยืนอยู่เฉย ทำตัวออกห่าง
เพราะการขู่ของหลิวโป๋ฮุ่ยได้ !
ถ้าไม่ยืนอยู่ข้างเดียวกันกับฉินเฟย เธอคงต้องขอโทษคุณธรรมของตนเอง !
ครั้งนี้ไม่เพียงต้องตบเท่านั้น แต่ต้องตบอย่างรุนแรง !
เสิ่นเจียเหวินกัดริมฝีมือของตัวเองแน่น มือน้อย ๆ ที่ตบจนชาง้างออกอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง
ฉินเฟยที่อยู่ข้าง ๆ รีบคว้าข้อมือของเธอไว้ทันที จากนั้นพูดกับเธอเบา ๆ ว่า “ช่างมันเถอะ”
เห็นเสิ่นเจียเหวินมองตน ฉินเฟยก็ยิ้มออกมาเบา ๆ ยื่นมือออกไปดึงมือของนางที่กำลังจับคอเสื้อของหลิวโป๋ฮุ่ยอยู่ “อย่าทำให้มือของตัวเองต้องสกปรกเลย”
ได้ยินคำพูดของฉินเฟย เสิ่นเจียเหวินถึงปล่อยมือออก
แค่สองฝ่ามือ แต่เหมือนว่าเธอจะหมดแรง ร่างกายโยกเล็กน้อย
ฉินเฟยยื่นมือไปโอบเธอ ไม่รู้ว่าเพราะความตื่นเต้นหรือเพราะความหวาดกลัวในใจ ร่างของเสิ่นเจียเหวินจึงสั่นเทา
ส่วนหลิวโป๋ฮุ่ยนั้น เขากลายเป็นไอ้โง่ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเห็นว่าผู้หญิงบ้าคนนี้จะตบเขาอีก ต่อให้เขาโง่กว่านี้ก็คงไม่ร้องออกมา มันไม่ได้เหมือนหาเรื่องโดนตบหรอกหรือ ?
เหล่าบอดี้การ์ดอันธพาลที่นอนกองอยู่บนพื้น แม้ว่าหลายคนจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าทั้งหมดจะลุกขึ้นมาไม่ได้ มีบอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนลุกขึ้นอย่างโซเซ คิดจะพุ่งเข้าไปปกป้องหลิวโป๋ฮุ่ย แต่พอถูกฉินเฟยจ้องมา ก็ตกใจจนแทบหดหัวกลับไปไม่ทัน
“ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ…..” ทันใดนั้นเอง ด้านนอกประตูก็มีเสียงของไซเรนดังขึ้น
คนที่มามุงดูอยู่รอบ ๆ ต่างแยกออก บางคนถึงขนาดเดินหนีไป เหล่าคนที่ชะโงกหน้าออกมาดูก็กลับเข้าไป เพราะกลัวว่าจะต้องซวยตามพวกเขาไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจด้วย
ไม่ถึงครึ่งนาที ฉินเฟยก็มองเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าห้าสิบนายที่นำโดย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน รีบตรงมาทางนี้ แน่นอนว่า ตั้งแต่ที่เขาต่อยตีกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้านหรือไม่ก็คนในหมู่บ้านได้โทรเรียกตำรวจมาแล้ว
เรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นที่นี่ไม่ถึงสิบนาที แต่นับตั้งแต่ที่เจ้าหน้าที่ได้รับสายก็รีบวางแผนนำรถออกมาทันที ด้วยความรวดเร็ว เพียงสิบกว่านาทีรถตำรวจก็มาถึง
ฉินเฟยได้แต่ฝืนยิ้มในใจ ดูท่าบ่ายนี้เขาคงไปทำงานไม่ได้แล้ว
ไม่ถึงหนึ่งนาที สถานที่ต่อยตีทั้งหมดก็ถูกล้อมรอบเอาไว้แล้ว ในมือของเจ้าหน้าที่ทุกนายถือกระบองเอาไว้ และมีตำรวจติดอาวุธอีกยี่สิบนายที่ถือโล่และอุปกรณ์ป้องกันระเบิดเอาไว้
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตกตะลึงก็คือ ที่นี่เกือบทั้งหมดมีแต่คนที่นอนทรมานอยู่บนพื้น ส่วนคนที่จัดการคนเหล่านี้…..หนีไปแล้วงั้นหรือ ?
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาโล่งใจก็คือ แม้ว่าจะมีคนมากมายเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีการใช้อาวุธเกิดขึ้น ย่อมไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย ถึงขนาดว่าแม้แต่เลือดหยดเดียวก็ไม่มี
“คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักให้รีบหามขึ้นรถพยาบาล ไปจัดการได้ !” ทันใดนั้นเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น จากนั้นเหล่าผู้ที่สวมชุดตำรวจก็รีบเดินเข้ามาทางนี้ โดยมีเจ้าที่หญิงรูปร่างผอมสูงเป็นผู้ควบคุม
ฉินเฟยเงยหน้าขึ้น ไม่ใช่งุนงง แต่สีหน้ายังเกิดอาการตกตะลึง
เซียววี่ ?
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนนี้คือเซียววี่จริงๆ ฉินเฟยไม่มีทางดูคนผิด เพียงแค่เซียววี่ในตอนนี้ได้ละทิ้งเรื่องร่างอันสง่างามของเธอ และเปลี่ยนมาสวมเครื่องแบบตำรวจ มัดผมเปีย ใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความอาจหาญ ราวกับวีรสตรีคนหนึ่ง !
ข้างกาย ยังมีเจ้าหน้าที่ชายอีกสองคน นอกจาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้านสองคนแล้ว หนึ่งในนั้นยังมีชายสวมชุดสูท ที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน คอยเดินตามเซียววี่และพูดอะไรบางอย่างกับเธอ
หลังจากสิ้นเสียงของเซียววี่ เจ้าหน้าที่สิบกว่านายต่างก็ทยอยกันเดินเข้ามาหาเหล่าบอดี้การ์ดอันธพาลที่นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น หาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะรีบนำตัวไปบริเวณทางเข้าด้วยความคล่องแคล่ว
เซียววี่เดินออกมาข้างหน้า แววตาคมกริบกวาดสายตามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอคิดเหมือนเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ว่าคนที่ถูกทำร้ายล้วนอยู่ที่นี่ ส่วนคนที่ทำร้ายพวกเขาหนีไปแล้วงั้นหรือ ?
เซียววี่รีบหันไปหาหัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยความมึนงง “เกิดอะไรขึ้น ? คุณไม่ได้บอกว่าอีกฝ่ายยังไม่หนีไปไม่ใช่หรือ ?”
“คุณเจ้าหน้าที่ มาพอดีเลย รีบมาช่วยผมที พวกมันจะฆ่าผม…..” หัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังจะอธิบาย แต่หลิวโป๋ฮุ่ยกลับกรีดร้องออกมา ครั้งนี้เขาได้เจอกับผู้ช่วยชีวิตแล้ว แทบจะคลานเข้ามาหาเซียววี่
“ฆ่างั้นหรือ ? ใครจะฆ่านายกัน นายรู้จักคนที่จะฆ่าพวกนายงั้นหรือ ?” เซียววี่รีบถาม สีหน้าเย็นชา ไม่ได้มีความรู้สึกสงสารหลิวโป๋ฮุ่ยที่ถูกจัดการเหมือนหมูตรงหน้าเลยสักนิด ชัดเจนอยู่แล้วว่า เจ้าหมูอ้วนท้วมคนนี้ก็อยู่ในวงการต่อสู้เช่นกัน
“รู้จักสิ มันนั่นไง และยังมีผู้หญิงสารเลวที่อยู่ข้าง ๆ นั่นด้วย พวกมันไม่ได้แค่ทำร้ายผม แต่ยังจะฆ่าผมด้วย คุณเจ้าหน้าที่ คุณต้องรับผิดชอบแทนผมนะ” หลิวโป๋ฮุ่ยหวาดกลัวมาก พูดออกมาทั้งที่น้ำมูกน้ำตาไหล
เสิ่นเจียเหวินสีหน้าแปรเปลี่ยน สีหน้าเย็นชาแฝงไว้ด้วยความเดือดดาล เขาคิดไม่ถึงเลยว่าไอ้คนน่าสะอิดสะเอียนอย่างเขาจะไร้ยางอายได้ขนาดนี้ พูดบิดเบือนความจริง !
“นายอย่าพูดมั่ว ๆ ใครจะฆ่านายกัน ?” เสิ่นเจียเหวินพูดออกมา
“เงียบก่อน ยังคิดจะทะเลาะกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกงั้นหรือ ? นี่เป็นการจัดการของเจ้าหน้าที่ !” เซียววี่เงยหน้ามองเสิ่นเจียเหวินที่พูดขึ้น จากนั้นสายตางดงามคู่นั้นก็จับจ้องไปที่ฉินเฟยที่อยู่ข้าง ๆ
จากนั้นเดินผ่านไปอย่างเป็นธรรมชาติ หันไปมองหัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและถามว่า “สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
“เรื่องมีอยู่ว่า…..”
หัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มเล่า แต่สิ่งที่เขาเล่ากับความเป็นจริงนั้นยังต่างกันอยู่มาก
แต่ฉินเฟยไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ สายตาคู่นั้นของเขาเอาแต่จ้องไปเซียววี่เขม็ง โดยเฉพาะเมื่อพบว่าเมื่อเซียววี่เหลือบมามองตนก็ละสายตาออกไป ทำให้เขาได้แต่มึนงง
เซียววี่ไม่รู้จักเขาแล้วงั้นหรือ ? หรือว่าศีรษะเธอถูกกระแทกจนความจำเสื่อม ?
แน่นอนว่าโอกาสของสองสิ่งนั้นแทบจะเป็นศูนย์ ถ้าอย่างนั้น คงบอกได้อย่างเดียว ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่มีรูปร่าง ส่วนสูงหรือหน้าตาอยากตายคล้ายกับเซียววี่นี้ จะไม่ใช่เซียววี่ !
หัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่สิบกว่าประโยคก็สามารถบอกเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้เข้าใจได้แล้ว
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ผู้ชายคนนี้มาหาเรื่องเราเพราะความไม่พอใจ คนที่เป็นภัยต่อสังคมแบบนี้ต้องจับตัวเอาไว้” เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูด หลิวโป๋ฮุ่ยก็รีบตอบโต้อย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงมองลึกลงไปในแววตาของฉินเฟย จากนั้นหันไปมองใบหน้าของหลิวโป๋ฮุ่ยที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ คิ้วอันสวยงามขมวดขึ้นทันที
คำพูดนี้…..ทำไมฟังแล้วดูแปลก ๆ ล่ะ ?
ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสิบกว่าคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ
“แค่เขาคนเดียวเห็นพวกเจ้าแล้วไม่พอใจงั้นหรือ ? จากนั้นเขาคนเดียวจัดการพวกนายทั้งสามสิบคน ?” เซนส์ผู้หญิงของเธอต่อต้านความแปลกประหลาดในใจไว้ เธอหันมามองหลิวโป๋ฮุ่ยและถามออกไป
ทันทีที่เสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงหลุดออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เสียงหัวเราะออกมา
กลุ่มคนหลายสิบคนถูกรุมทำร้าย ? เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องแบบนี้ !
“คุณเจ้าหน้าที่ อย่าไปฟังมันพูดไร้สาระเลย ก็เห็นกันอยู่ว่าเขาพาคนมารุมทำร้ายเพื่อนของฉัน เพื่อนฉันจึงไม่มีทางเลือกสวนกลับไป นี่เป็นการป้องกันตัว” เสิ่นเจียเหวินอธิบายด้วยความโมโห
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเหลือบมองเสิ่นเจียเหวิน พยักหน้าเบา ๆ คำพูดของเสิ่นเจียเหวินคล้ายกับของหัวหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ชายหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจบอดี้การ์ดสามสิบคน จึงเกิดการต่อสู้กัน เรื่องแบบนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อ
“นำตัวไป !” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงชี้นิ้วไปที่หลิวโป๋ฮุ่ย จากนั้นสั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เธอมองออก ว่าเจ้าอ้วนคนนี้คือผู้สั่งการของเหล่าบอดี้การ์ด และผู้ที่มีบอดี้การ์ดมากมายขนาดนี้ ย่อมมีตำแหน่งบางอย่างอยู่ในซงไห่แน่
คนแบบนี้คือพวกชอบมีปัญหา พูดคุยกับคนแบบนี้ไปก็ไม่เข้าใจ ต้องถามบอดี้การ์ดที่ถูกต่อยที่นี่ ถึงจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ปล่อยผมนะ ผมพูดดี ๆ ด้วยไม่ฟังกันเลยหรือ ? เธอรู้รึเปล่าว่าผมเป็นใคร ?” สายตามองเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมานำตัวตนไป หลิวโป๋ฮุ่ยสะบัดมือออกอย่างแรง ใบหน้าที่ถูกทำร้ายเหมือนหมูจ้องเขม็งไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง
หลิวโป๋ฮุ่ยไม่หยุดรังแกคนอื่น เพราะความอวดดี เขาย่อมเคยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมามาก บวกกับเขามีคนที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ดังนั้นเขาพอจะรู้คำแก้ตัวอยู่บ้าง
อย่างที่หนึ่ง คือการใส่ร้าย !
อย่างที่สอง ต้องปฏิเสธ ต่อให้ตายก็ห้ามยอมรับ รอให้ถึงสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ให้ทนายความของเขาออกหน้า พวกกับคนที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ต่อให้เกิดปัญหาขึ้น ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรแน่ อย่างน้อยที่สุดก็คือใช้เงินแก้ปัญหา
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนนี้จะไม่เกรงใจเขาแบบนี้ กล้าดียังไงพาเขาไปสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะราวกับนักโทษ แล้วจะให้เขายอมไปได้ยังไง ?
“อ้อ คุณเป็นใครล่ะ ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงขมวดคิ้วเบา ๆ มองหลิวโป๋ฮุ่ย ใบหน้าอันงดงามแฝงไปด้วยความเยือกเย็น