ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่75 ความหวั่นไหวจางหานหาน
ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่75 ความหวั่นไหวจางหานหาน
“ผมเป็นแค่ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์เองไม่ใช่หรอ?คุณคิดแบบนี้มาตลอด ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
“นายทำอาหารเป็น ฝีมือการทำอาหารก็ดี หยิบจับอะไรก็คล่องแคล่ว อีกทั้งนายยังทำแผลได้อย่างชำนาญอีก ฉินเฟย นายบอกความจริงฉันมานะ เมื่อก่อนนายทำงานอะไรมาแน่ ฉันไม่เชื่อว่านายจะแค่จบมหาวิทยามาจากบ้านนอก มาอย่างนั้นทำไมนายถึงทำอะไรคล่องแคล่วแบบนี้ล่ะ?”เจียงเยว่ถงซักไซ้
นี่เป็นสิ่งที่เธอสงสัยมากที่สุด ในช่วงที่ผ่านมา ตอนนี้เธอเธอเริ่มมั่นใจแล้วว่า สิ่งที่พ่อของเธอพูดเป็นเรื่องจริง ฉินเฟยไม่เพียงแต่เป็นผู้ชายที่ดี แต่ยังไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกด้วย ลำพังแค่ความอดทนตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา มันไม่ใช่ใครก็ทำได้!
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่า ฉินเฟยเหมือนจะอ่อนแอกระทั่งดูเหมือนไร้ประโยชน์สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เปลือก และพยายามซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขาเอาไว้
ลองคิดดูนะ คนที่จบมาจากมหาวิทยาลัยบ้านนอกจะมีฝีมือดีขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะทำฟาร์มมากมายและมีพละกำลัง แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะฮั่วจงเหยียนแชมป์ซ่านโฉ่วที่มีมายาวนานได้?
อีกจุดหนึ่งก็คือออร่าของเขา! เหตุผลที่ผู้ชายที่มีความมั่นใจมีเสน่ห์ เป็นเพราะอารมณ์ที่แตกต่างกัน และออร่าของฉินเฟยก็แปลกประหลาด เขาให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่เติบโตในครอบครัวใหญ่ สิ่งนี้ทำให้เธอนึกถึงพ่อแม่สามีที่เธอพบเมื่อสามปีที่แล้ว
ตอนนั้นแม่ของเธอดูถูกพ่อแม่สามีบ้านนอกมาก คนทั้งตระกูลเจียงก็เหมือนกัน แต่พ่อแม่สามีไม่เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ขี้อาย แต่พวกเขาก็ประหยัดและเรียบง่ายมาก เหมือนคนที่มาจากชนบท แต่ท่าทางของพวกเขาดูไม่เหมือนคนชนบท
โดยเฉพาะแม่สามี ถึงแม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าธรรมดาแต่กลับไม่สามารถบดบังความสง่างามของเธอได้ ผิวของเธอไม่แตกต่างจากแม่ของเธอที่บำรุงดูแลอย่างดีในทุกวัน ไม่เหมือนผู้หญิงที่โดยลมโดนแดด ทำงานอย่างหนักในหมู่บ้าน
เมื่อก่อนเจียงเยว่ถงไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เมื่อปะติดปะต่อกันแล้ว ประกอบกับการแสดงออกของฉินเฟยในช่วงนี้ เธอค้นพบอย่างตกใจ เธอแต่งงานกับฉินเฟย ที่ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา!
โดยเฉพาะฉินเฟย จู่ๆตอนนี้เธอก็อยากรู้ว่าตกลงฉินเฟยเป็นคนยังไงกันแน่ เมื่อก่อนครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เธอรู้สึกแปลกใจกับฉินเฟย แต่ตอนนี้เธอกลับคาดหวังอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉินเฟย
ภายในระยะเวลาแค่สิบวัน ฉินเฟยก็ทำเรื่องมากมายให้เธอประหลาดใจ ในทุกเรื่องเมื่อก่อนเธอไม่เคยสังเกตเห็นเลย จู่ๆเจียงเยว่ถงก็พบว่าสามีที่อยู่ด้วยกันมาสามปีเป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักเลยสักนิด
ราวกับว่า นอกจากชื่อของเขาแล้ว เธอจะไม่รู้จักเขาแม้แต่นิดเดียว
“เมียจ๋า ในที่สุดคุณก็รู้ว่าผมเก่งกาจแล้วใช่ไหม ฮ่าๆ”ฉินเฟยหัวเราะอย่างมีความสุข สายตากลับเผยให้เห็นความขมขื่นเล็กน้อย ถึงเจียงเยว่ถงจะไม่พบความผิดปกตินั่นก็ตาม
ใบหน้าของเจียงเยว่ถงเย็นชา เธอจ้องไปที่ฉินเฟย หมายความว่า:ฉันไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาย
ฉินเฟยทำอะไรไม่ได้ รู้ว่าภรรยาของตัวเองนิสัยดื้อรั้น ถ้าได้ถามแล้ว เธอก็จะต้องหาคำตอบให้ได้ เขาจึงพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า“มีอะไรน่าแปลกล่ะ เป็นเรื่องปกติทั้งนั้น ใครก็ทำได้ สำหรับเรื่องที่ผมมีฝีมือน่ะ ก็เป็นเพราะว่าเมื่อตอนผมยังเด็กที่บ้านมีหลังเขาลูกหนึ่งมีพระอาศัยอยู่ เขาบอกว่าผมเป็นคนเก่ง เป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่หาได้ยากในร้อยปี จะถ่ายทอดศิลปะต่อสู้กับผมให้ได้ แน่นอนว่าผมเรียนรู้เร็ว และเก่งมาก จนหลังจากโตมา พระชราก็บอกว่าจะสืบทอดรสพระธรรม ทำให้ผมตกใจจนฉี่เกือบแตกรีบหนีลงจากเขา ผมไม่อยากเป็นพระสงฆ์หรอกนะ”
“อิๆ ตอนนี้พอได้ย้อนนึกดูแล้วรู้สึกว่าตัวเองทำถูกต้องนะ ถ้าเป็นพระออกบวชขึ้นมาจริงๆ ผมจะได้แต่งงานกับภรรยาที่สวยขนาดนี้หรอ……นี่ เมียจ๋า คุณจะไปไหน?คุณไม่ฟังผมเล่าก่อนหรอ?”
“ฉันง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ ห้องครัวคุณเก็บต่อด้วยล่ะ”เจียงเยว่ถงเดินขากะเผลกเข้าห้องนอนไป ด้วยสีหน้าเย็นชา กว่าเธอจะหาจังหวะคุยเปิดใจกับฉินเฟยมันไม่ง่ายเลย แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะพูดจาเลอะเทอะยั่วโมโหเธอแบบนี้
เมื่อก่อนเจียงเยว่ถงอาจจะเชื่อ เนื่องจากในช่วงสามปีที่ผ่านมาของการแต่งงาน พฤติกรรมของฉินเฟยไม่เหมือนผู้ชายที่มีความสามารถเลย ยกเว้นความอดกลั้น แต่ตอนนี้เจียงเยว่ถงเกือบ 100% แน่ใจแล้วว่าคำพูดของฉินเฟยนั้นจงใจยั่วโมโหตัวเอง ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด งั้นก็พูดได้คำเดียวว่าเธอโดนเขาหลอกเขาให้แล้ว
พระอะไรกระดูกแข็งแกร่งอะไร อัจฉริยะด้านการต่อสู้อะไรแบบนี้ คิดว่าเธอเป็นเด็กสามขวบรึไงกัน เล่านิทานกล่อมเธอให้หลับ?
“ผู้หญิงคนนี้……”
ฉินเฟยหัวเราะอย่างขมขื่น คิดในใจว่ารออีกหน่อยนะ รอให้เขาเปลี่ยนเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ในตอนที่สามารถปกป้องเธอได้ เขาจะไม่ปิดบังอะไรเธออย่างแน่นอน
……
ฉินเฟยเข้าไปเก็บกวาดในห้องครัว แล้วถูพื้นอีกสักรอบ ถึงเดินกลับห้องนอนของตัวเองไปอย่างหมดแรง
เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความส่งมาจากจางฉองหย่วนเมื่อห้านาทีก่อน
จางฉองหย่วน: นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของคนรักในวัยเด็กของนาย หมายเลขวีแชทเป็นเบอร์เดียวกัน พี่ช่วยนายได้เท่านี้แหละ ด้านหลังมีอิโมจิที่ได้ใจและหลงรัก
ฉินเฟยไปต่อไม่ถูก แก่แล้วยังทำให้คนอื่นไม่เคารพอีก!
และคนรักในวัยเด็กที่จางฉองหย่วนพูดถึงแน่นอนว่าคือจางหานหานร้านน้ำชาวินเยว่
ถึงแม้ว่าจะรู้สึกผิดปกติ แต่ฉินเฟยก็รีบเซฟเบอร์มือถือของจางหานหานอย่างรวดเร็ว เพราะเขามีความคิดไม่ดี กระทั่งเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองประตู กลัวว่าเมียจะจับได้
เขาเปิดวีแชทออกมา ด้านบนปรากฏเพื่อนที่แนะนำคือจางหานหาน
แต่ในขณะที่ฉินเฟยกำลังลังเลอยู่นั้น จู่ๆมือถือก็มีคำขอเป็นเพื่อนจากวีแชท ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือจางหานหานนี่เอง วีแชทชื่อเถียนเถียน นี่คือชื่อในวัยเด็กของเธอ
ฉินเฟยรีบกดตอบตกลง แต่กลับไม่พูดอะไร ผ่านไปสามนาที จางหานหานก็ส่งข้อความมาว่า:ฉันคือจางหานหานนะ นายอาจจะลืมไปแล้ว และยังมีอิโมจิรูปยิ้มส่งมาด้วย
ฉินเฟยยิ้มๆ แล้วรีบตอบกลับไปว่า“ฉันยังไม่ลืมหรอก”ในขณะเดียวก็ส่งรูปยิ้มไปให้เช่นกัน
จากนั้นจางหานหานก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
ฉินเฟยรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่ไม่ชอบแสดงออก แต่เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะพูดกันแค่ประโยคเดียว แต่เพราะเพิ่มจางหานหานเป็นเพื่อน ฉินเฟยจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก สำหรับที่ว่าทำไมถึงตื่นเต้นและดีใจขนาดนี้ เขาก็ไม่รู้เช่นกัน อาจจะเป็นเพียงเพราะว่าได้ติดต่อกับเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าใครก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา
เขาวางโทรศัพท์ลง แล้วหยิบ‘บันทึกตันติง’รวมถึง‘กระบี่ข้อมือ’จากนั้นเขาก็อ่านจนง่วง และนอนไปในที่สุด
ผ่านไปสามวัน ฉินเฟยตื่นเช้าขึ้นมา ทำโจ๊กเสร็จ ก็ไปบอกเจียงเยว่ถง ไม่ได้ทานข้าวแล้วออกไปออกกำลังกายเลย
เจียงเยว่ถงมองไปที่อาหารเช้าอย่างงัวเงีย แล้วมองแผ่นหลังของฉินเฟยที่รีบวิ่งออกไป จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ
ช่วงนี้ฉินเฟยเอาแต่ออกกำลังกาย เช้าขึ้นมาออกกำลังกาย เย็นก็ออกกำลังกาย อีกทั้งยังท่องอะไรประหลาดๆด้วย เหมือนจะเป็นเกี่ยวกับมีดที่ทำให้ฮั่วจงหยวนแพ้
เจียงเยว่ถงเคยถามแล้ว แต่คำตอบของฉินเฟยก็คือออกกำลังกาย เพื่อปกป้องแฟนสาวคนสวยของเขา
เจียงเยว่ถงรู้สึกเขินๆไม่ชินสักเท่าไร เมื่อเผชิญหน้ากับคำตอบของฉินเฟย เจียงเยว่ถงจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?อย่างไรซะการออกกำลังก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เพียงแต่ว่า เจียงเยว่ถงที่มีค่อนข้างละเอียดอ่อนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลายวันมานี้เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเร่งรีบ เขาหายตัวไปเลย ทุกครั้งที่กลับมาก็จะเต็มไปด้วยเหงื่อ ทำให้รู้สึกว่าเขาเร่งรีบตลอดเวลา
รู้สึก……เหมือนกับว่ามีบางอย่างไล่ตามเขาตลอดเวลา ทำให้เขาไม่สามารถพักได้……
จักรยานไฟฟ้าของฉินเฟยยังจอดทิ้งไว้ที่สวนสาธารณะหยุนซานเว่ยใกล้ๆกันกับว่านเสียง มูวี เดิมทีเขาคิดว่ามันสะดวกต่อการออกกำลังกาย แต่หลังจากที่เขาออกไป เขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างหายไปในร่างกายของเขา——ดาบเสวี่ยอิ่น !
ดังนั้นฉินเฟยจึงรีบวิ่งไปที่บ้านของเสิ่นเจียเหวิน
ประเด็นคือ เขาเองก็คิดถึงคนสวยเสิ่นเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ได้ทำอะไร แต่ก็อยากจะเห็นอยู่ดี
แต่ฉินเฟยตื่นเช้าเกินไป อาจจะเป็นไปได้ว่าชิงอีคนขี้เซายังนอนฝันหวานอยู่ เขาจึงตัดสินใจวิ่งอ้อมแม่น้ำ
วิ่งไปวิ่งมา ฉินเฟยพบว่าเขาวิ่งไปถึงร้านน้ำชาวินเยว่ ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและส่งข้อความถึงจางหานหาน ก่อนหน้านี้เขาฝากรองเท้าหนังไว้กับเธอ
“ฉินเฟย?”สายสนทนาดังขึ้นสองสามครั้งก่อนที่จะรับสาย เสียงที่ไม่แน่นอนของจางหานหาน ดังขึ้นทางโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าฉินเฟยจะโทรหาเธอ
เสียงของจางหานหานก็เหมือนกับนิสัยของเธอ อ่อนหวาน ราวกับซุปร้อนๆในตอนเช้า ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
“อืม เธออยู่ที่ร้านน้ำชาไหม?ฉันผ่านมาแถวนี้พอดี รองเท้าหนังของฉันฝากไว้กับเธอก่อนหน้านี้น่ะ”ฉินเฟยกล่าว
“อยู่สิ ฉันก็พึ่งถึงเหมือนกัน……”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันเสร็จแล้ว ฉินเฟยก็เก็บโทรศัพท์และเดินอ้อมถนนไป แล้ววิ่งไปยังร้านน้ำชาวินเยว่
ในตอนที่ฉินเฟยวิ่งนั้น จางหานหานก็กำลังรอคอยเขาอยู่แล้ว
เธอยืนอยู่บนสะพานโค้งหน้าโรงน้ำชา เธอสวมชุดโบราณสีเขียวมรกต รูปร่างที่สวยงามและเล็กกะทัดรัดของเธอดูสวยงามเป็นพิเศษเมื่อต้องแสงแดดยามเช้า ราวกับภาพวาดบนม้วนกระดาษ และร่างกายที่เล็กกะทัดรัดของเธอ ก็ไม่สามารถปิดบังความเย้ายวนของเธอได้
“รอนานรึยัง?”ฉินเฟยวิ่งมาหาเธอ แล้วกล่าวทักทายอย่างลวกๆ
จางหานหานเงยหน้าขึ้น เธอถือถุงใบหนึ่ง แล้วผูกมัดไว้ ใบหน้าสวยๆของเธอมีแก้มราวกับเด็กน้อย ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกธรรมดาอ่อนโยน เครื่องประดับบนร่างกายเพียงชิ้นเดียวก็คือกำไรหยก
ถ้าฉินเฟยจำไม่ผิด น่าจะเป็นของตกทอดรุ่นสู่รุ่นแม่ของแม่เป็นคนให้มา ถือว่าส่งมอบต่อให้จางหานหาน บ่อยครั้งฉินเฟยก็คิดว่า หากตระกูลฉินไม่เกิดเรื่อง ครอบครัวของจางหานหานก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ภรรยาของตัวเองคงจะเป็นหญิงสาวผู้ซึ่งอ่อนโยนตรงหน้าของเขา
เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้วเมื่อก่อนเธอซุกซนและร่าเริง พอหลังจากโตแล้วจางหานหานกลายเป็นคนที่เก็บตัวมากขึ้น
เงียบเฉียบ สวยสง่า รอให้คนมาเด็ดดม
จางหานหานที่เป็นแบบนี้ กลับทำให้ผู้ชายอยากปกป้อง กระทั่งยิ่งทำให้ผู้ชายจำนวนมากอยากแต่งงานด้วย
“เปล่า”จางหานหานส่ายหัวไปมาอย่างยิ้มๆ ใบหน้าของเธอยังมีลักยิ้มเล็กๆ ซึ่งดูน่ารักมาก เธอยื่นมือส่งของให้เขา“อ่ะนี่รองเท้าของนาย”
“ขอบใจนะ”ฉินเฟยยื่นมือมารับถุงไว้ ไม่รู้ว่าเขาถูกมารยาทของเธอครอบงำรึเปล่า ฉินเฟยกลายเป็นคนที่มีมารยาทขึ้น
แต่แบบนี้ ทำให้ฉินเฟยรู้สึกเขินๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไร