ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - ตอนที่ 129
บทที่ 129 บริษัทเล็ก ๆที่ไร้ศักยภาพ(1)
เซียวชูหรันไม่อยากจับมือกับเหมยผิง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยื่นมือ เธอรู้สึกว่า ถ้าหากตัวเองปฏิเสธจะดูไม่จริงใจ ก็เลยฝืนใจยืดตัวออกและยื่นมือออกไป
เหมยผิงรู้สึกมีความสุข ขณะที่กำลังจะจับมือเล็ก ๆ ของเซียวชูหรัน
ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นออกมาในแนวเฉียง มาจับที่มือของตนเอง
เหมยผิงตะลึงไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ มองไปที่ผู้มาเยือน แล้วตะโกนถามว่า “คุณเป็นใคร กำลังทำบ้าอะไร?”
เซียวชูหรันก็เงยหน้าขึ้น ตะลึงไปเช่นกัน
“เย่เฉิน คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
พูดจบ เธอก็รีบอธิบายกับเหมยผิงว่า “เขาคือสามีฉันเองค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำว่า “สามี” สองคำนี้ สีหน้าของเหมยผิงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ผมพึ่งมาถึง” เย่เฉินแกล้งทำเป็นว่าไม่เห็นอะไรสักอย่าง ยิ้มกับเซียวชูหรัน แล้วถามเหมยผิงว่า “คุณชื่อเหมยผิง? เป็นเจ้าของบริษัทเฉียนเฉิง? ”
ใบหน้าของเหมยผิงบูดบึ้ง แล้วกล่าวว่า “คือผมเอง มีอะไรเหรอ? ”
“ก็ไม่มีอะไร คุณดูแล้วก็ไม่มีอะไรจริง ๆ” เย่เฉินพยักหน้าซ้ำ ๆ และจงใจลากเสียงให้ยาวขึ้น
เหมยผิงรู้สึกโกรธในใจ เขาอยากจะดึงมือกลับมา
แต่ฝ่ามือของเย่เฉิน มันกลายเป็นเหมือนแหนบเหล็ก ทำให้เขาไม่สามารถขยับได้
“ฟู่!” เหมยผิงปล่อยเสียงหายใจ ฝ่ามือของเขาเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนว่ากระดูกของเขากำลังจะหัก “ คุณ….คุณรีบปล่อยเร็ว ๆ มือของผมถูกคุณบีบจนใกล้จะหักแล้ว”
เซียวชูหรันรู้ว่าเย่เฉินเป็นคนแรงเยอะแข็งแรง รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “เย่เฉินคุณปล่อยก่อนเถอะ”
เย่เฉินถึงจะปล่อยมือ มองไปที่เหมยผิงด้วยรอยยิ้มยียวน
เหมยผิงเจ็บจนหน้าถอดสี มองเย่เฉินแวบหนึ่งด้วยความโมโห แล้วพูดกับเซียวชูหรันว่า “บอกสามีคุณให้รีบกลับไปก่อน ผมไม่เคยชินกับการพูดคุยแผนร่วมธุรกิจต่อหน้าบุคคลภายนอก”
เซียวชูหรันลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เย่เฉินเป็นสามีของฉัน เขารู้เรื่องที่ฉันจะเปิดบริษัท เขาไม่ใช่บุคคลอื่นค่ะ”
“แม้ว่าจะไม่ใช่บุคคลภายนอก แต่ผมก็ไม่เคยชินกับการพูดเรื่องสำคัญแบบนี้ต่อหน้าบุคคลที่สาม” เหมยผิงมองไปที่เย่เฉิน ด้วยความรำคาญ เพียงแค่ต้องการขับไล่เขาออกไปโดยเร็ว และพูดว่า “นอกจากนี้ เรื่องแผนร่วมธุรกิจผมก็ยังฟังไม่เข้าใจ”
เซียวชูหรันเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยเสียงเบา ๆ “เย่เฉิน ฉันมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“ไม่เป็นไร ผมรอคุณ” เย่เฉินพูดจบ ก็นั่งข้างเซียวชูหรัน
เมื่อเห็นเย่เฉินนั่งชิดร่างบอบบางของเซียวชูหรัน เหมยผิงก็กัดฟันด้วยความโกรธ เนื้อที่กำลังจะเข้าปาก ตอนนี้มันกำลังจะหลุดลอยไป เจ็บใจจริง ๆ
เขากล่าวเสียงเย็นชา “คุณเป็นลูกเขยแต่งเข้าของตระกูลเซียว ทุกคนในเมืองจินหลิงก็รู้จักคุณ เซียวชูหรันทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ขอให้คุณอย่าทำให้งานของเธอล่าช้า ผมกับชูหรันเราจะพูดคุยเรื่องการร่วมมือทำธุรกิจ คุณอยู่ที่นี่ดันแต่จะสร้างปัญหาเท่านั้น”
เหมยผิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เกรงใจ เป็นเพราะว่าเขาไม่เคยเห็นเย่เฉินอยู่ในสายตาเลย และต้องการให้เขาไปเสียให้พ้น
ลูกเขยที่ไม่เอาถ่านของตระกูลเซียว คนในสังคมส่วนใหญ่จะรู้ เหมยผิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เซียวชูหรันเหมือนดอกไม้ที่ปักอยู่ในกองขี้ควาย แต่งงานกับคนไม่เอาถ่านที่“เกาะผู้หญิงกิน”
เย่เฉินขมวดคิ้ว จ้องมองเหมยผิงอย่างเย็นชา
ไอ้หมอนี่เรียก “ชูหรัน” ทุกคำ เรียกเหมือนเป็นภรรยาของมันเอง!
เหมยผิงดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม มองไปที่เย่เฉินด้วยความรังเกียจ และกล่าวว่า “เย่เฉิน ถ้าคุณเป็นผู้ชาย ก็อย่าทำให้งานของชูหรันล่าช้า! คุณช่วยชูหรันได้ไหม? คุณมีเงินที่จะร่วมลงทุนไหม? คุณสามารถที่จะทำให้ชูหรันได้สัญญางานออกแบบก่อสร้างไหม?”
“ถ้าหากทำไม่ได้ ผมแนะนำให้คุณไปหางานทำ ไม่ว่าจะเป็นงานส่งอาหาร งาน รปภ จะได้มีงานทำไม่ว่าง ไม่ต้องมาระแวงสงสัยภรรยา!”