ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 1791
พอพนักงานถูกเย่ฉางหมิ่นซักถามเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบเช่นไรดีไปชั่วขณะ
ในใจเธอชัดเจนดี ความหมายของเถ้าแก่คือช่วงเช้าวันนี้ห้ามรับลูกค้า ดังนั้นตนพูดอะไรก็ไม่อาจปล่อยลูกค้าเข้ามาได้
ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบร้อนกล่าวว่า “ขอประทานโทษด้วยนะคะคุณผู้หญิง ช่วงเช้าพวกเราไม่รับลูกค้าจริงๆ ค่ะ พอดีคุณหม่าเธอจองไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงขอประทานโทษด้วยจริงๆ ค่ะ”
เย่ฉางหมิ่นความโกรธแทบจะพวยพุ่งขึ้นมา
ตนอุตส่าห์ลดเกียรติมายังร้านเสริมสวยโกโรโกโสเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับหงส์มาเยือนเล้าไก่ คิดไม่ถึงว่าเล้าไก่แห่งนี้ถึงกับไม่ยอมให้ตนเข้าไป?!
เธอพลันโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่เอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ยอมให้ฉันเข้าใช่ไหม!;? เชื่อไหมว่าร้านนี้ของเธอจะไม่ได้เปิดกิจการอีกต่อไปแล้ว?!”
พนักงานพลันทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
เธอเองก็มองออก ชุดที่เย่ฉางหมิ่นสวมใส่ มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา หากไปยั่วโมโหเธอเข้าจริงๆ บางทีอาจจะเกิดความยุ่งยากขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้แต่พูดอย่างนอบน้อมและนบนอบว่า “ขอประทานโทษด้วยนะคะคุณผู้หญิง คุณช่วยรอสักครู่ ฉันจะไปเชิญเถ้าแก่ของเรามา”
เย่ฉางหมิ่นโบกมืออย่างรังเกียจ “เร็วหน่อยล่ะ ความอดทนของคนอย่างฉันมีจำกัด!”
พนักงานจึงรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของเถ้าแก่ทันที เวลานี้เถ้าแก่กำลังอยู่ในห้องทำงานตัวเองเก็บกวาดของมีค่าอยู่
เขาวางแผนไว้ว่าวันนี้พอช่วยเซียวไห่หลงครั้งนี้แล้ว หลังรับเงินสองแสนนั้นของเซียวไห่หลง ก็จะเตรียมชิ่งหนีทันที กะว่าจะขนของในร้านออกไปทั้งหมดตอนเย็นวันนี้ ทำแบบนี้ ตอนที่พนักงานในร้านมาถึง ก็จะพบว่าร้านเสริมสวยคนได้จากไปแล้วเหลือแต่ตึกเปล่าๆ
นี่ก็คือวิธีการชิ่งหนีร้านเสริมสวยและร้านฟิตเนสมากมายหลายแห่งที่เขาทำมาตลอด ฉวยตอนที่คนไม่ทันระวังทาน้ำมันที่ใต้ฝ่าเท้า ใหัสมาชิกที่ถูกเล่นตุกติกกับบัตรชำระเงินล่วงหน้ารับมือไม่ทัน
พนักงานคนนั้นเข้ามาในห้องทำงาน เอ่ยปากอย่างร้อนใจว่า “เถ้าแก่คะ ที่ด้านนอกมีผู้หญิงคนหนึ่งต้องการจะเข้ามาให้ได้! ฉันขวางเธอไว้ไม่ได้ คุณรีบไปดูหน่อยเถอะค่ะ!”
พอเจ้าของร้านได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วถามว่า “ผู้หญิงคนไหน? ไม่ได้บอกกับเธอเหรอว่าช่วงเช้าไม่รับลูกค้า?”
“บอกแล้วค่ะ” พนักงานพูดอย่างคับข้องใจว่า “ฉันบอกกับเธอหลายครั้งแล้ว แต่เธอบอกว่าทีแขกแซ่หม่าคนนั้นยังเข้ามาได้ ทำไมเธอถึงเข้ามาไม่ได้…”
เจ้าของร้านเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย “คงไม่ได้รู้จักกับหญิงแซ่หม่าคนนั้นหรอกนะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
เจ้าของร้านครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็กล่าวว่า “เอาล่ะ ฉันจะไปรับมือกับเธอเอง ดูว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่”
กล่าวจบ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน เดินมาจนถึงหน้าฟร้อนท์
พอเห็นเย่ฉางหมิ่น เจ้าของร้านก็มองออกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะมีฐานะไม่น้อย ในใจจึงเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
ด้วยเหตุนี้จึงรีบร้อนเดินขึ้นหน้าไปถามว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่ทราบว่าคุณต้องการสิ่งใดครับ?”
เย่ฉางหมิ่นเอ่ยเสียงเย็น “ร้านของพวกคุณเปิดประตู ทำไมถึงไม่ให้เข้า? ยังบอกอีกว่าช่วงเช้าไม่รับลูกค้า หมายความว่ายังไง?”
เจ้าของร้านหัวเราะเหยๆ แล้วรีบกล่าวว่า “บอกตามตรงไม่ปิดบัง ช่วงเช้าพวกเรามีลูกค้าเหมาทั้งร้านไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่สะดวกจะรับลูกค้าอีก ถ้าไม่อย่างนั้นช่วงบ่ายหรือไม่ก็พรุ่งนี้คุณค่อยมาที่นี่ดีหรือไม่ ผมจะหาช่างเทคนิคที่ดีที่สุดมาบริการคุณ!”
เย่ฉางหมิ่นกล่าวอย่างเหยียดหยาม “อย่ามาพูดแบบนี้กับฉัน ฉันมาที่ร้านโกโรโกโสของนายไม่ได้มาใช้บริการ!”
เจ้าของร้านขมวดคิ้ว “คุณไม่มาใช้บริการ แล้วมาทำอะไร?”