ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 1899
พอเฉียนหงเย่นได้ยินเซียวเวยเวยพูดแบบนั้น ว่ายอมไปเป็นเมียน้อยของเย่เฉิน จึงกระวนกระวายขึ้นมาทันที
เธอพูดขึ้นมาว่า”เวยเวย!ลูกบ้าไปแล้วรึไง?ลูกเป็นเมียน้อยของใครไม่เป็น ไปเป็นของไอ้ยาจกนั่น เขาคู่ควรกับลูกตรงไหน?!”
เซียวเวยเวยถอนหายใจ แล้วค่อยๆพูดขึ้นมาว่า”แม่คะ ตอนนี้หนูรู้สึกว่าเย่เฉินไม่เลวเลยจริงๆนะคะ รูปหล่อ มีความรับผิดชอบ นิสัยก็ไม่เลว ดีกว่าหวังเหวินเฟยนั่นเยอะเลย ”
“พล่ามอะไรของแกน่ะ!”เฉียนหงเย่นถลึงตาใส่เธอ แล้วพูดออกไปว่า”ไอ้ยาจกย่างเย่เฉินเนี่ยนะ ถือรองเท้าให้แกยังไม่คู่ควรเลย!”
เซียวเวยเวยฝืนยิ้มแล้วพูดว่า”ในช่วงเกือบปีที่ผ่านมา สถานการณ์ของตัวหนูเป็นยังไง ตัวหนูเองจะไม่รู้ได้ยังไง?ก่อนหน้านี้หนูเป็นนกฟีนิกซ์เหินอยู่บนฟ้า แล้วตกลงมาจากฟ้าแม้แต่ไก่บ้านที่เลี้ยงอยู่ในหมู่บ้านหนูยังเทียบไม่ได้เลย”
พูดจบ เซียวเวยเวยก็ร้องไห้อย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป”แม่คะ แม่ดูหนูตอนนี้สิคะ ชื่อเสียงก็ป่นปี้จนหมด จะมีผู้ชายที่ไหนยอมมองหนูอีก……”
เฉียนหงเย่นเห็นเซียวเวยเวยร้องไห้อย่างหนัก โดยกอดศีรษะของเธอไว้อย่างปวดใจ แล้วพูดปลอบไปว่า”ลูกสาวที่รักของแม่ เราจะคิดแบบนี้ไม่ได้นะ รู้ไหม?ชื่อเสียงนับประสาอะไร?ยังอะไรที่สำคัญกว่าการมีชีวิตอยู่ล่ะ?”
พูดจบ เฉียนหงเย่นก็พูดขึ้นมาว่า”อีกอย่างนะ เมื่อคิดรวมๆแล้วลูกผ่านผู้ชายมาไม่กี่คนอีกเองนะ หวังเหวินเฟยคนหนึ่ง เซียวอี้เชียนคนหนึ่ง เว่ยฉางหมิงคนหนึ่ง เมื่อรวมกับก็แค่ผู้ชายสามคนเองไม่ใช่หรอ?ลูกอายุยี่สิบกว่าแล้ว เคยคบกับผู้ชายแค่สามคนนับประสาอะไรล่ะ?มีผู้หญิงอีกต่างมากมายที่เรียนมหาลัยไม่จบ แล้วนอนกับผู้ชายมาเยอะกว่าลูกอีก พวกหล่อนยังไม่กลัวเสียชื่อเสียงเลย ลูกมีอะไรให้กลัว?”
เซียวเวยเวยร้องไห้แล้วส่ายหัว”แม่คะ มันไม่เหมือนกัน เรียนมหาลัยแล้วมีความรัก นั่นเป็นสังคมแบบปิด ใช้เวลาสี่ปีในการทำแล้วยังไงล่ะคะ จะทำยังไงก็ได้ ขอแค่เรียนมหาลัยจบ จะมีใครรู้ล่ะคะ?”
“แต่ไม่เหมือนกับหนู ในตอนที่หนูคบกับพี่เหวินเฟย ทั่วทั้งเมืองจินหลิงมีใครบ้างที่ไม่รู้?”
“หลังจากนั้นก็คบกับเซียวอี้เชียน รู้กันทั่วทั้งเมืองเหมือนกัน!”
“นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อเสียงของหนูก็เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างรู้ว่าหนูคบกับคนที่อายุมากกว่าพ่อของตัวเอง ใครจะเห็นหนูอยู่ในสายตาอีก?”
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถูกเซียวอี้เชียนทำเหมือนเป็นสินค้า ส่งมอบให้กับเว่ยฉางหมิง เรื่องนี้ทั้งเมืองจินหลิงไม่มีใครไม่รู้……”
ใบหน้าของเฉียนหงเย่นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า”ลูก เรื่องนี้ไม่โทษลูกหรอก โทษแม่เอง โทษพ่อของลูกกับย่าของลูก!ถ้าเราไม่เห็นเงินแล้วตาลุกวาว ถึงจะพูดยังไงเราก็ไม่มีทางผลักลูกเข้ากองไฟหรอก……”
พูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าของตัวเอง แล้วพูดอย่างโกรธเกลียด”แม่ขอโทษนะลูก!แม่ไม่ใช่คน!”
เซียวเวยเวยรีบจับมือของเธอไว้ แล้วร้องไห้พลางพูดขึ้นมาว่า”แม่คะ เรื่องนี้ไม่โทษแม่ค่ะ ตอนนี้หนูยินยอมเอง……หนูเองที่ทนความยั่วยวนของเงินตราไม่ได้ อยากเสียสละตัวเองเพื่อแลกกับความร่ำรวย ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่เลย แม่อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย…… ”
เฉียนหงเย่นร้องไห้อย่างโศกเศร้า”ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย!ใช้ชีวิตอยู่ดีๆทำไมถึงเป็นอย่างทุกวันนี้ได้……”
เซียวเวยเวยพยักหน้าอยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า”ชีวิตแบบนี้ หนูทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว พูดตามตรงนะคะ ตอนนี้ขอแค่หนูได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข อย่าว่าแต่ให้หนูไปเป็นเมียน้อยเย่เฉินเลย ให้หนูไปเป็นเมียทาสของเย่เฉิน หนูก็ยอม……”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เซียวเวยเวยก็ร้องไห้พลางพูดขึ้นมาว่า”วันนี้ หนูพึ่งรู้สึกอิจฉาเซียวชูหรันจริงๆ……”
“ในตอนเริ่มแรก ทุกคนต่างคิดว่าเธอแต่งงานกับสวะ ทำร้ายทั้งชีวิตของตัวเอง……”
“แต่ใครจะไปรู้กันล่ะ ว่าไอ้สวะที่เธอแต่งงานด้วย ตลอดสี่ปีเขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเดิม……”
“อีกทั้ง ไอ้สวะนั่น จะอดทนต่อความยากลำบากและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อดทนต่อการด่าทอ ถึงทั้งโลกจะเย้ยหยันเขา เขาก็ไม่จากเซียวชูหรันไปไหนแม้แต่ครึ่งก้าว……”
“สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นก็คือ ไอ้ผู้ชายสวะอย่างเขา ยังสามารถโต้กลับ เป็นอาจารย์เย่ที่คนชนชั้นสูงเคารพนับหน้าถือตา นี่มันเป็นหุ้นปันผลที่มีศักยภาพที่สุดไม่ใช่หรอ ?”
“ดูตอนนี้สิ ผู้ชายอย่างเย่เฉิน เป็นคนที่พึ่งพาได้ที่สุด……”
“สำหรับหวังเหวินเฟย ถึงจะมีเงินแล้วยังไงล่ะ?”
“ในช่วงวิกฤติ เขายังบินนำหนีจากไปไม่ใช่หรอ ?”
พอเฉียนหงเย่นได้ฟังคำพูดของเซียวเวยเวย จึงตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยความรู้สึกมากมาย”ลูกพูดถูก……เซียวชูหรันเด็กคนนี้ ดูโง่แล้วก็ซื่อบื้อมาก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนคนฉลาดที่ไม่แสดงความสามารถออกมา!”